ตอนที่ 526 ใต้หล้าวุ่นวายอย่างเห็นได้ชัด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 526 ใต้หล้าวุ่นวายอย่างเห็นได้ชัด

“หากเจ้าคิดว่าเป็นไปได้ เจ้าปรึกษากับลุงหลิวได้เลย ข้ามอบหมายให้เจ้าดูแลเรื่องการฝึกทหารใหม่ทั้งหมด เจ้าตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองได้เลย” ไป๋ชิงเหยียนวางใจในตัวจี้ถิงอวี๋มาก

จี้ถิงอวี๋โค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน กล่าวเสียงหนักแน่น “คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ หากวันหน้าคุณหนูใหญ่ต้องการใช้กำลังทหาร จี้ถิงอวี๋จะมีทหารที่ใช้งานจริงได้มอบคุณหนูใหญ่แน่นอนขอรับ”

เขารู้จุดประสงค์ที่น่าหวาดกลัว ทว่า ไม่ได้กล่าวออกมาอย่างโจ่งแจ้งของคุณหนูใหญ่ตั้งแต่ตอนที่คุณหนูใหญ่สั่งให้เขามาปลอมตัวเป็นโจรป่าอยู่แถวนี้

จี้ถิงอวี๋ยินดีทำเพื่อปณิธานของไป๋ชิงเหยียนและตระกูลไป๋ด้วยแรงกายและแรงใจทั้งหมดที่มี่ เขาหวังว่าสักวันจะได้เห็นใต้หล้าที่สงบสุขจริงๆ เสียที

จี้ถิงอวี๋รู้ดีว่าบัดนี้ราชวงศ์เริ่มเสื่อมเสียมากขึ้นทุกที ผู้ที่มีอำนาจสูงส่งมัวแต่แก่งแย่งชิงอำนาจระหว่างกัน แคว้นต้าจิ้นมีเพียงตระกูลไป๋ซึ่งมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ตระกูลเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้ใต้หล้าที่กำลังวุ่นวายกลับมาสงบสุขอย่างแท้จริงได้!

จี้ถิงอวี๋ยินดีติดตามไป๋ชิงเหยียนก่อกบฏต่อราชวงศ์หลิน!

ไป๋ชิงเหยียนจากไปโดยทิ้งเสิ่นชิงจู๋ไว้ใหจี้ถิงอวี๋ วันที่เดินทางกลับมาจากเติงโจวค่อยนัดรวมตัวกับหญิงสาวอีกครั้ง

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนฝึกซ้อมองครักษ์หญิงของตระกูลไป๋ เสิ่นชิงจู๋อยู่กับไป๋ชิงเหยียนตลอดเวลา หญิงสาวรู้วิธีฝึกซ้อมเป็นอย่างดี ปล่อยให้นางอยู่ที่นี่จะได้ช่วยเหลือจี้ถิงอวี๋ฝึกซ้อมได้

เมื่อไป๋ชิงเหยียนตามทันขบวนของหลูผิง หลูผิงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก

“คุณหนูสี่สั่งให้คนขี่ม้าเร็วนำจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวงมาให้ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า รับจดหมายมาจากหลูผิง ก้าวลงจากหลังม้า จากนั้นก้าวขึ้นไปบนรถม้า

“คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” ชุนเถารีบหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดมือให้ไป๋ชิงเหยียน

จดหมายถูกส่งมาจากเมืองหลวง ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวในจดหมายว่าเสียนอ๋องเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสร็จก็มุ่งหน้าไปยังจวนเหลียงอ๋องทันที ไม่รู้ว่าพวกเขากล่าวสิ่งใดกัน วันต่อมาเสียนอ๋องเข้าไปในวังอีกครั้ง จากนั้นรับหนานตูจวิ้นจู่หลิ่งรั่วฟูกลับไปอยู่จวนของตนเองในเมืองหลวง

ไม่นาน ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้เหลียงอ๋องและหนานตูจวิ้นจู่ งานแต่งงานจะมีขึ้นช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า

อีกเรื่องคือกวางขาวศักดิ์สิทธิ์ที่รัชทายาทเคยมอบให้ฮ่องเต้เป็นของขวัญวันเกิดตายลงอย่างกะทันหัน ฮ่องเต้พิโรธเป็นอย่างมาก สั่งประหารคนดูแลกวางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเจ็ดสิบสามคน

เรื่องต่อมาคือต้าเยี่ยนจะส่งองค์หญิงไปแต่งงานเชื่อมไมตรีกับเป่ยหรง กลายเป็นฮองเฮาคนใหม่ของจักรพรรดิเป่ยหรง ขบวนขององค์หญิงต้องเดินทางผ่านต้าจิ้น ทูตของต้าเยี่ยนจึงส่งคนมาบอกต้าจิ้น

กวางขาวคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของต้าจิ้น การที่กวางขาวตายอย่างกะทันหันถือเป็นลางไม่ดี ฮ่องเต้ย่อมพิโรธเป็นธรรมดา ดูเหมือนว่าบารมีของราชวงศ์หลินใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว

เมื่อไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายจบ หญิงสาวเปิดฝากระถางธูปหอมสามขารูปสัตว์มงคลที่วางอยู่บนโต๊ะออก ใส่จดหมายเข้าไปในนั้นแล้วปิดฝาลงอีกครั้ง

บัดนี้เหลียงอ๋องและเสียนอ๋องขึ้นเรือลำเดียวกันแล้ว เหลียงอ๋องมีความสามารถในการโกหกและโน้มน้าวใจผู้คน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เสียนอ๋องจะยอมยกหนานตูจวิ้นจู่ให้แต่งงานกับชายหนุ่ม

หากบุตรสาวคนเดียวของเสียนอ๋องอย่างหนานตูจวิ้นจู่แต่งงานกับเหลียงอ๋อง เขาย่อมกลายเป็นคนของเหลียงอ๋อง ทว่า เสียนอ๋องไปพบฮ่องเต้ก่อนแล้วค่อยไปพบเหลียงอ๋อง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันนะ

อีกเรื่องคือเหตุใดจู่ๆ ต้าเยี่ยนถึงได้ส่งองค์หญิงไปแต่งงานเชื่อมไมตรีกัน

เพราะเสบียงอาหารมีปัญหาหรือกองทัพต้าเยี่ยนซึ่งตั้งกองทัพอยู่ที่เป่ยหรงเกิดปัญหาขึ้นอย่างนั้นหรือ

ขบวนของไป๋ชิงเหยียนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเติงโจวอย่างไม่รีบร้อน ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอนอิงพลางหลับตาครุ่นคิด

บัดนี้สถานการณ์ในใต้หล้ากำลังเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเสบียงอาหารหรือกองทัพของต้าเยี่ยนจะกำลังมีปัญหา การยึดหนานหรงมาไว้ในการครอบครองให้ได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้

มิเช่นนั้นหากวันหน้าต้าเยี่ยนแข็งแกร่งขึ้น ต้าจิ้นจะเผชิญกับอันตรายจากทั้งสองด้าน

เมื่อขบวนรถม้าที่หลูผิงเป็นผู้นำผ่านภูเขาอวิ๋นจิ้ง เขาจึงลดความเร็วลง

หนทางบนภูเขาอวิ๋นจิ้งสูงชันและเต็มไปด้วยอันตราย มีหน้าผาและหุบเหวลึก ด้านล่างของเหวคือแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว

องครักษ์สามสิบคนและรถม้าค่อยๆ เคลื่อนผ่านเนินเขาเขียวขจีและหน้าผาที่สูงชัน

ด้านบนสุดของยอดเขามีหิมะปกคลุมเล็กน้อย กลุ่มก้อนเมฆเบาบางอยู่บนท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ลอยตระหง่านอยู่เหนือภูเขาสูง

ก้อนเมฆลอยบดบังดวงอาทิตย์เพียงชั่วอึดใจ จากนั้นแสงสว่างสาดส่องจ้าอีกครั้ง สะท้อนใบไม้เขียวขจีและขบวนรถม้าจนกลายเป็นสีทองอร่าม

เมื่อขบวนรถม้าเคลื่อนออกมาจากภูเขาอวิ๋นจิ้ง พวกเขามุ่งหน้าต่อไปยังผิงชวนและเดินทางไปถึงเติงโจวในวันที่สิบเจ็ด เดือนแปด

ต่งเหล่าไท่จวินและต่งชิงเยว่ได้รับจดหมายตั้งแต่เช้าจึงสั่งให้ต่งชิงหลานพาบ่าวรับใช้ไปรอรับไป๋ชิงเหยียนที่นอกเมือง

ต่งฉางหลานเห็นขบวนรถม้าของไป๋ชิงเหยียนเคลื่อนเข้ามาท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์ยามเช้าแต่ไกล ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ควบม้าเข้าไปหาหญิงสาว

หลูผิงเห็นต่งฉางหลานจึงควบม้าไปหยุดอยู่ข้างรถม้าของไป๋ชิงเหยียน กล่าวเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ คุณชายต่งมาขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนรับคำ วางตำราไม้ไผ่ลงบนโต๊ะ

ต่งฉางหลานควบม้าเข้ามาใกล้ พยักหน้าให้หลูผิงเล็กน้อย จากนั้นหยุดม้าลงข้างรถม้าของไป๋ชิงเหยียนแล้วกล่าวทักทาย “พี่หญิง…”

ชุนเถารีบแหวกม่านของรถม้าออก

ไป๋ชิงเหยียนเห็นต่งฉางหลานสวมชุดคลุมยาวสีเขียวหม่นปักลายเมฆตรงปกเสื้อด้านซ้ายนั่งอยู่บนหลังม้า ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงหล่อเหลาเช่นเดิม ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ “ฉางหลาน”

“ท่านย่ากับท่านพ่อให้ข้ามารับพี่หญิงขอรับ” ต่งฉางหลานขี่ม้าเคียงข้างไปกับรถม้าของไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่รีบร้อน กล่าวเสียงเบา “คำนวณดูจากเวลาที่พี่หญิงเดินทางมา พี่หญิงน่าจะไม่ได้รับจดหมายที่ข้าให้คนส่งไปบอกว่าเดินทางถึงซั่วหยางเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ขอรับ”

ต่งฉางหลานยังเอ่ยถึงผลสรุปหลังจากปรึกษากับบิดาลงไปในจดหมายด้วย ทว่า เป็นเพราะเขียนในจดหมาย ไม่ได้เจอหน้ากันตรงๆ เขาจึงเขียนเป็นนัย ผู้อื่นอ่านแล้วคงไม่เข้าใจ

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

ต่งฉางหลานพยักหน้า “ข้าจะไปนำทางด้านหน้าขอรับ”

“ได้” ไป๋ชิงเหยียนรับคำแล้วสั่งให้ชุนเถาลดม่านลง

ต่งฉางหลานควบม้าไปนำทางอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน พาขบวนของไป๋ชิงเหยียนมุ่งหน้าเข้าเมืองไปยังจวนต่ง

ชุนเถาเก็บข้าวของซึ่งวางอยู่บนโต๊ะในรถม้าให้เรียบร้อย เก็บเครื่องชาและของว่างใส่ช่องลับในรถม้า จากนั้นทำผมและจัดเครื่องแต่งกายของไป๋ชิงเหยียนให้เรียบร้อย

ต่งเหล่าไท่จวิน ต่งชิงเยว่ ชุยซื่อ เสี่ยวชุยซื่อ บุตรชายอนุและบุตรสาวอีกสองคนยืนรอต้อนรับไป๋ชิงเหยียนอยู่ด้านหน้าจวน

เมื่อเห็นร่างของต่งฉางหลานอยู่ไกลๆ ชุยซื่อประคองร่างของต่งเหล่าไท่จวินพลางกล่าวยิ้มๆ

“ท่านแม่ มากันแล้วเจ้าค่ะ…”

ต่งเหล่าไท่จวินถือสร้อยลูกประคำไม้จันทน์ไว้ในมือ สวมเสื้อคลุมมีกระดุมลายดอกไม้จันทน์แดงซึ่งถักด้วยด้ายสีทอง ผมรวบตึงสวยงามและประดับด้วยอัญมณีสีเลือดนกพิราบ ช่างดูสดใสยิ่งนัก

เมื่อได้ยินว่าหลานสาวมาถึงแล้ว ต่งเหล่าไท่จวินถลกชายกระโปรบจับมือบุตรชายและลูกสะใภ้เดินลงบันไดไปด้านล่าง รอยยิ้มบนใบหน้าเด่นชัดกว่าเดิม

“อาเป่าเดินทางมาอย่างลำบาก มาถึงก็ดีแล้ว!” ต่งเหล่าไท่จวินบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้

ตั้งแต่ที่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางมายังเติงโจว ต่งเหล่าไท่จวินนอนหลับมาสนิทเลยสักคืน กลัวว่าหลานสาวจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นกลางทาง บัดนี้โจรป่าออกอาละวาดอย่างหนัก ใต้หล้าวุ่นวายอย่างเห็นได้ชัด