ตอนที่ 559 การต่อสู้ที่ใจกลางเมือง

My Disciples Are All Villains

ยู่เฉิงไห่สีวู่หยา และฮั๊วจงหยางต่างก็สบตากัน
  “ในเมื่อพวกเราร่วมหัวจมท้ายกันแล้วเราจะทิ้งสหายคนนี้ได้ยังไงกัน…” ยู่เฉิงไห่ที่พูดเสร็จได้ถอนหายใจออกมา
  สีวู่หยาได้ถามต่อ“แล้วตอนนี้ยอดฝีมือผู้ลึกลับคนนั้นอยู่ที่ไหนกันล่ะ”
  “จากแหล่งข่าวที่พวกเราได้มาดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในมณฑลหยานยอดฝีมือผู้ลึกลับคนนั้นถูกพบเห็นล่าสุดที่ถนนเฟิงไหล แต่เป็นเพราะยอดฝีมือผู้ลึกลับคนนั้นเข้าใจยาก และเพราะแบบนั้นพวกเราจึงไม่อาจคาดเดาตำแหน่งปัจจุบันของเขาได้”
  สีวู่หยาพยักหน้าก่อนจะพูด“ศิษย์พี่ใหญ่ แล้วพวกเราควรจะช่วยเขาดีไหม”
  ยู่เฉิงไห่ยังคงนั่งอยู่หลังของเขาเหยียดตรง นิ้วของเขาเคาะไปที่โต๊ะเบาๆ ก่อนที่จะตอบกลับมา “แน่นอน พวกเราจะต้องช่วยเขา เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงได้พาสำนักอเวจีมาถึงจุดสูงสุดแบบนี้ได้ ถ้าหากพวกเราปล่อยให้เขาตาย แล้วพี่น้องสำนักอเวจีของพวกเราจะเต็มใจทำงานในอนาคตได้ยังไงกัน?”
  “ท่านเจ้าสำนักยอดเยี่ยมจริงๆ” ฮั๊วจงหยางกล่าวชมเชย
  “ข้าคิดว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วศิษย์พี่ใหญ่” สีวู่หยาเองก็เห็นด้วยเช่นกัน
  …
  ในเวลาเดียวกัน
  ณโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในมณฑลหยาน ในตอนนี้ที่นี่ถูกล้อมไปด้วยทหารรวมไปถึงเหล่าผู้ฝึกยุทธ
  ถนนและอาคารใกล้เคียงเองก็เต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธที่ลอยอยู่บนอากาศเช่นกัน
  ไม่มีคนธรรมดาสักคนเดียวที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น
  ทั่วทั้งเมืองมณฑลหยานเงียบ
  บนท้องฟ้ามีม่านพลังขนาดมหึมาปกคลุมไปทั่วเมือง
  “ดาบปีศาจยอมแพ้ซะ…ตั้งแต่วินาทีที่เจ้าย่างเท้าเข้ามาในมณฑลหยาน คนของข้าก็จับตาดูเจ้าไว้ทุกฝีก้าวแล้ว ทุกสิ่งที่เจ้าเห็นในวันนี้ถูกเตรียมการไว้สำหรับเจ้าเพียงคนเดียว” หม่าชิง ชายรูปร่างผอมบางได้พูดออกมาในขณะที่มองไปยังชายผู้ใช้ดาบชุดเขียว
  ผู้ฝึกยุทธเองก็เต็มไปทั่วโรงเตี๊ยมเช่นกัน
  “ข้ามั่นใจว่าเจ้าได้ตัดดอกบัวทองคำของตัวเองไปแล้วพลังวรยุทธของเจ้าในตอนนี้ก็คงจะถดถอยลงไปมาก เจ้าไม่ใช่ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอีกต่อไป ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องพ่ายแพ้แน่” หม่าชิงยังคงพูดต่อ
  แต่ถึงแบบนั้นชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวก็ยังจิบชาอย่างสบายใจตัวเขาในตอนนี้กำลังเพลิดเพลินไปกับการวิวทิวทัศน์ที่อยู่ภายนอกหน้าต่าง
  หม่าชิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธการเมินเฉยตัวเขาแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการดูถูก ตัวเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ “เจ้าไม่กลัวอย่างงั้นเหรอ”
  ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวยิ้มให้ก่อนจะตอบ“ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วยล่ะ”
  “ก็เพราะข้าจะฆ่าเจ้าไงล่ะ”
  “ถ้าหากเจ้าฆ่าข้าได้แล้วการกลัวจะไปมีประโยชน์อะไรกัน ถ้าหากเจ้าฆ่าข้าไม่ได้ นั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าไม่ต้องกลัวเจ้าได้เช่นกัน” ยู่ฉางตงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
  หม่าชิงพูดไม่ออกไปชั่วครู่“ดาบปีศาจ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้นะ” หม่าชิงที่พูดจบโบกแขน
  ชิ๊ง!ชิ๊ง! ชิ๊ง!
  เหล่าผู้ฝึกยุทธที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมต่างก็ชักดาบขึ้น
  ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ด้านนอกเองก็ขยับเข้ามาใกล้เช่นกันทุกคนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เต็มที
  นี่คือการรุกฆาตไม่มีทางที่ยู่ฉางตงจะหลบหนีได้เลย
  ยู่ฉางตงได้ตอบกลับไป“ถ้าหากหม่าลู่ปิงอยู่ที่นี่ บางทีเรื่องในครั้งนี้อาจจะยากขึ้นมาก็เป็นได้ แต่น่าเสียดาย เป็นพวกเจ้าทั้งหมดที่มาแทน”
  หม่าชิงได้ฝึกฝนวรยุทธร่วมกับผู้เป็นพี่ชายของเขาอย่างหม่าลู่ปิงมาตั้งแต่ยังเด็กทั้งสองคนต่างก็มีอายุที่ไล่เลี่ยกัน แต่ทว่าความสามารถของหม่าลู่ปิงอยู่เหนือกว่าความสามารถของหม่าชิงไปหลายขั้น ทุกคนจึงรู้จักแต่หม่าลู่ปิง หนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปด แต่ในทางกลับกันไม่มีใครรู้จักหม่าชิง หม่าชิงจะต้องอยู่ในเงาของผู้เป็นพี่มาโดยตลอด และในวันนี้การดักจับดาบปีศาจ ยู่ฉางตงก็เกิดขึ้น นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้หม่าชิงพิสูจน์ตัวเองได้
  “ข้าคนเดียวก็เกินพอ”
  “ข้าน่ะชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ” ยู่ฉางตงตอบกลับมาเบาๆ
  “พวกเราทุกคนต่างก็มีเจ้านายที่ต้องคอยรับใช้…สำนักอเวจีกำลังได้เปรียบนอกจากนี้ยังมีจีเทียนเด๋า ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอีกด้วย ในตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่ามณฑลหยานจะล่มสลายไปในตอนไหน”
  “ถ้าหากเจ้ารู้แบบนั้นแล้วทำไมยังไม่คิดหนีกันล่ะ”
  หม่าชิงหัวเราะเยาะก่อนจะตอบกลับ“ข้าจะหนีแน่นอน…แต่ข้าจะหนีหลังจากที่จัดการกับเจ้า…ด้วยหนทางนี้ข้าก็จะได้รับรางวัลจากทางราชสำนัก และชื่อเสียงของข้าก็จะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ทั่วทั้งมณฑลหยานมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าเลย จริงไหมล่ะ”
  ในตอนนั้นเองหนึ่งในลูกน้องหม่าชิงก็ได้วิ่งขึ้นบันไดมาตัวเขาที่ขึ้นมาถึงรีบคุกเข่าในทันที “ท่านแม่ทัพ สำนักอเวจีกำลังเปิดฉากการโจมตีแล้ว”
  เมื่อหม่าชิงได้ยินแบบนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างในทันทีเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้นเสียงดังกึกก้องก็ดังขึ้นมา ตัวเขาเห็นดาบปีศาจยู่ฉางตงกำลังเหวี่ยงดาบที่ถืออยู่อย่างเต็มแรง
  “ท่านแม่ทัพ!”
  “ท่านแม่ทัพ!”
  ทุกๆคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
  หม่าชิงไม่ยอมปล่อยให้เวลาเสียเปล่าตัวเขารีบเรียกพลังอวตารของตัวเองออกมาทันที
  ซู่วว!
  พลังอวตารดอกบัวหกกลีบได้ตั้งตระหง่านอยู่หลังหม่าชิง
  ตู๊ม!
  ด้วยพลังอันมหาศาลได้ทำให้โรงเตี๊ยมชั้นสองถูกพลังอวตารทำลายไป
  พลังอวตารสีทองได้ป้องกันการโจมตีจากดาบยืนยาวเอาไว้ในตอนนั้นเองหม่าชิงและร่างอวตารของเขาก็กระเด็นออกมา
  ทุกๆคนต่างก็เหลือบมองมาที่ด้านนอก
  หม่าชิงในตอนนี้ยังคงมั่นใจในตัวเองดูเหมือนว่าการโจมตีของยู่ฉางตงจะพลาดเป้าไป ในตอนนี้ทั่วทั้งโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากการต่อสู้
  เมื่อทหารทั้งหลายพยายามวิ่งขึ้นไปทุกคนต่างก็ถูกฝุ่นควันบดบังวิสัยทัศน์ไว้ ทุกคนที่เห็นแบบนั้นรีบใช้สมาธิทั้งหมดเพ่งไปยังการต่อสู้ เมื่อเพ่งสายตามาได้ทุกคนก็เห็นร่างของใครสามคน มันเป็นร่างที่มาจากทางด้านซ้าย ตรงกลาง และด้านขวา
  ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวได้ยิ้มจางๆออกมาในขณะที่กวัดแกว่งดาบยืนยาวที่มีอยู่ในมือขวา แสงสีแดงจางๆ ได้สาดส่องมาจากดาบยืนยาว นี่ก็คือสุดยอดเพลงดาบ! เพลงดาบตัดวิญญาณสามส่วนหวนกลับ!
  ยู่ฉางตงได้เหวี่ยงดาบยืนยาวของตนผ่านคู่ต่อสู้ด้วยสีหน้าท่าทางอันนิ่งสงบ
  เสียงดาบที่ตัดผ่านอะไรบางอย่างได้ดังขึ้น..
  บนร่างอวตารของหม่าชิงมีบาดแผลที่เห็นได้ชัดปรากฏขึ้น…
  “นี่มัน…”ดวงตาของหม่าชิงเบิกกว้างด้วยความกลัว จากสัญชาตญาณที่ตัวเขามีมันบีบบังคับให้หม่าชิงต้องกัดฟันหนี
  ยู่ฉางตงยังคงมีท่าทีที่ดูสบายๆตัวเขาได้ปล่อยดาบยืนยาวออกมาจากตัวอีกครั้ง
  ดาบยืนยาวได้ฟาดฟันเข้าใส่ร่างอวตารอีกครั้งก่อนที่จะกลับเข้าฝึกด้วยความเร็วสูง!
  ยู่ฉางตงไม่แม้แต่จะมองไปยังหม่าชิงตัวเขาเลือกที่จะบินไปบนท้องฟ้าแทน
  ในเวลาเดียวกันผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่ล้อมรอบโรงเตี๊ยมเอาไว้ก็ได้จับจ้องไปที่เป้าหมายของพวกเขา
  ทุกๆคนเลือกที่จะหันกลับมาก่อนที่จะเหลือบมองหม่าชิงแทน
  “ท่านแม่ทัพ!”
  “ท่านแม่ทัพ!”
  “ฆ่ามันซะ!”
  ผู้ฝึกยุทธกว่าหลายสิบคนได้พุ่งออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
  ยู่ฉางตงที่เห็นแบบนั้นก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่รอบตัวของเขามีพลังงานที่มีรูปร่างคล้ายกับกลีบดอกบัวหมุนรอบตัวอยู่
  “นั่นมันอะไรกัน”
  ยู่ฉางตงเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
  ตู๊ม!
  ยู่ฉางตงได้พุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายการพุ่งใส่ของเขาไม่ต่างอะไรกับพายุที่กำลังบ้าคลั่ง ในตอนนั้นเองที่ด้านหลังของยู่ฉางตงก็เต็มไปด้วยพลังรูปร่างคล้ายกับกลีบดอกบัว พลังเหล่านั้นกำลังหมุนอยู่ที่ด้านหลังของยู่ฉางตงอย่างไม่หยุดพัก
  กลีบดอกบัวทองคำได้ฟาดฟันเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธทุกคนที่ขว้างหน้ายู่ฉางตงเอาไว้ไม่นานนักบนอากาศก็เต็มไปด้วยศพ ศพทั้งหลายกำลังตกลงมาอย่างไม่หยุดพัก ผู้ฝึกยุทธเหล่านั้นไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้ตอบโต้อะไร พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตไปในทันที
  “นั่นมันกลีบดอกบัว!”
  “กลีบดอกบัวจากดอกบัวทองคำ!”
  เมื่อเห็นสหายล้มตายไปเป็นจำนวนมากผู้ฝึกยุทธที่หลงเหลืออยู่ก็ได้แต่ยอมแพ้ให้กับการไล่ล่า
  หม่าชิงยังคงลอยอยู่ที่กลางอากาศตัวได้แต่เอามือปิดบาดแผลของตัวเองเอาไว้ แม้ว่าจะพยายามห้ามเลือดมากแค่ไหนแต่มันก็ไร้ผล ในตอนนั้นเองพลังกลีบดอกบัวที่ด้านหลังของยู่ฉางตงก็เริ่มที่จะจางหายไป ในที่สุดมันก็เหลือเพียงกลีบดอกบัวเพียงหกกลีบ พวกมันได้สลายหายเข้าไปในร่างงายของยู่ฉางตง
  หม่าชิงที่เห็นแบบนั้นได้รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายพูดขึ้น“หะ…หกกลีบอย่างงั้นเหรอ หลังจากที่ตัดดอกบัวทองคำไปแล้วเนี่ยนะ…”
  น่าเสียดายที่หม่าชิงรู้ตัวช้าไปตัวเขาตกลงมาจากท้องฟ้า ที่หน้าอกของเขาเต็มไปด้วยเลือด
  “ติ้ง!สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”
  แน่นอนว่ายู่ฉางตงไม่ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนจากระบบตัวเขายังคงใช้สุดยอดเคล็ดวิชาในการเคลื่อนที่ต่อไป ยู่ฉางตงกำลังเร่งบินไปยังประตูเมือง
  การฆ่าหม่าชิงได้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอวดอ้างอะไรยังไงซะพี่ของเขาอย่างหม่าลู่ปิงก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือด้วยได้
  เนื่องจากยู่ฉางตงได้เปิดเผยที่อยู่ของตัวเองออกมาแล้วในตอนนี้ตัวเขามีแต่จะต้องออกจากมณฑลหยานให้เร็วที่สุด ในตอนนี้ที่รอบเมืองยังมีเขตแดนพลัง ยู่ฉางตงในตอนนี้จะออกไปจากม่านพลังก่อนที่หม่าลู่ปิงจะมาถึงได้ไหม
  ยู่ฉางตงได้บินผ่านสิ่งก่อสร้างทั้งหลายตัวเขาได้มุ่งหน้าต่อไปจนถึงกำแพงเมือง ในตอนนั้นเองตัวเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนท้องฟ้า ที่บนท้องฟ้ามีรถม้าสีดำขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือกำแพงเมือง สำนักอเวจี ทันใดนั้นเองเสียงร้องอันก้องกังวานก็ได้ดังมาจากบนกำแพงเมือง มันเป็นเสียงการแจ้งเตือนนั่นเอง ม่านพลังที่เคยมีถูกโจมตีอย่างไม่หยุดพัก
  “บุกมาตอนนี้ช่างโง่เง่าซะจริง” ยู่ฉางตงได้แต่ใช้ความคิดอย่างไร้อารมณ์ จากความคิดเห็นที่ยู่ฉางตงมี ในตอนนี้เขตแดนพลังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด การที่จะบุกโจมตีในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับการเสียแรงเปล่า
  ยู่ฉางตงหยุดบินตัวเขาเลือกที่จะบินลงไปในที่ที่ลับตาคน ในตอนนี้ตัวเขากำลังรอให้ม่านพลังกำลังอ่อนแรงลง
  กระบี่นิลโลหิตได้ส่องประกายอยู่เหนือม่านพลังมันกำลังพุ่งมาจากรถม้าลอยฟ้านั่นเอง
  พลังอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืดวิชาแสงดาวสรวงสวรรค์อันมืดมิด!
  กระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานขนาดใหญ่ได้กระทบเข้าใส่ม่านพลัง
  ตู๊ม!
  เสียงของการปะทะได้ดังไปทั่วเมือง
  ระลอกคลื่นพลังงานขนาดใหญ่ได้กระเพื่อมขึ้นบนม่านพลัง