ตอนที่ 289 ตบหน้าอาณาจักรเฟิงชาง
ตอนที่ 289 ตบหน้าอาณาจักรเฟิงชาง
หนานหนานไหวตัวขึ้นทันทีด้วยความตกใจ จึงรีบตบมือของเย่ซิวตู๋และเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้น อะไรน่ะ? อะไร? ท่านพ่อ พวกเรารีบไปดูกัน”
เย่ซิวตู๋เองก็ตกตะลึงไปสักพัก หลังจากนั้นจึงอุ้มหนานไว้แน่นก่อนจะเดินเข้าไปในฝูงชนนั้น โชคดีที่ฝูงชนมุงดูอยู่เมื่อสักครู่นั้นดูเหมือนว่าจะล่าถอยไปแล้ว หลังจากที่เย่ซิวตู๋เบี่ยงกายหลบไม่กี่ครั้ง ไม่นานก็ได้ไปอยู่บริเวณด้านหน้าสุด
ทหารที่รับหน้าที่เป็นกำแพงมนุษย์ แต่ละนายล้วนถือหอกยาวคอยขวางและตำหนิฝูงชนที่ก่อความวุ่นวาย “อย่าเบียดเข้ามานะ ไม่ได้ยินหรืออย่างไร เบียดมาเพื่อเหตุใด?”
เย่ซิวตู๋ที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เขาคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่ควรจะพาหนานหนานไปที่โรงเตี๊ยมที่ได้จองเอาไว้เพื่อจะได้ดูผู้เข้าร่วมการประลองกับเสิ่นอิง หลีกเลี่ยงการมาอยู่ในฝูงชนที่เบียดเสียด
เพียงแต่เมื่อครู่ที่เห็นหนานหนานโศกเศร้าเนื่องจากเรื่องราวชีวิตของเด็กหนุ่มผู้นั้น จึงพาเด็กน้อยมาเดินเล่นอีกหน่อยเพื่อความสบายใจ แต่คาดไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อก็ไปไม่ถึง
เมื่อมองทหารควบคุมฝูงชนนายนั้นที่ในมือของเขาถือหอกยาวฟาดฟันไปมาจนอีกแค่นิดเดียวก็จะแทงศีรษะของหนานหนานแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกโกรธ จึงใช้มือผลักทหารนายนั้นให้ถอยไป
ทหารนายนั้นตกตะลึงไป จึงได้หันกลับมาจะเอาคืน แต่เมื่อเห็นแววตาเย็นชาของเย่ซิวตู๋ วินาทีนั้นขาของทหารนายนั้นก็อ่อนแรงขึ้นมาทันที
“ท่าน ท่านอ๋องซิว…” ว่าพลางทหารนายนั้นก็ได้คุกเข่าลงไปทำความเคารพชายหนุ่ม
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ โบกมือ เพื่อห้ามทหารนายนั้นไว้ ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้วและมองดูกองทัพที่หยุดอยู่ตรงกลาง เอ่ยถามขึ้น “นี่มันเกิดเรื่องอะไร?”
“เอ่อ คือว่า มีสตรีผู้หนึ่งโดนเบียดจนล้มลงไปอยู่กลางถนน และไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้รถม้าคันหน้าสุดของอาณาจักรจิงเหลยตื่นตกใจ ตอนนี้ผู้สำเร็จราชการของอาณาจักรจิงเหลยกำลังขุ่นเคืองอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารนายนั้นว่าพลางยิ้มอย่างประจบสอพลอ และค่อย ๆ เอียงกายเปิดช่องว่างให้เย่ซิวตู๋มองไปยังกองกำลังที่อยู่ข้างหน้า
หนานหนานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยืดคอมองออกไปทันทีด้วยความสงสัย
ผลปรากฏว่า บริเวณด้านหน้าเขาไม่ไกลนัก องค์รัชทายาท อ๋องเป่า ตลอดจนองค์ชายเจ็ดและคนอื่น ๆ กำลังพูดคุยกับบุรุษผู้หนึ่งที่ดูโหดเหี้ยม และด้านหลังของพวกเขาก็มีหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นมองดูม้าตัวสูงใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว
อุบัติเหตุดังกล่าวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อฝูงชนขึ้น
โชคดีที่เรื่องราวอยู่ภายใต้การจัดการขององค์ชายเจ็ด ไม่นานความวุ่นวายก็สงบลง
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว ก่อนจะมองไปที่บุรุษผู้เป็นอุปราชของอาณาจักรจิงเหลย และพบว่าบุรุษผู้นั้นกลับดูมีอายุน้อยกว่าในภาพวาดที่มีเขามีอยู่ในมือเป็นอย่างมาก และดูเหมือนว่าจะมีอายุเพียงแค่สามสิบกว่าปีเท่านั้น
โดยเฉพาะ ความเย่อหยิ่งในอำนาจของชายผู้นี้ที่มีมากมายจนหลั่งล้นออกมา แม้แต่ความสำรวมก็ยังไม่มี แววตาก็ดูมืดครึ้มจนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
ได้ยินมาว่าวิธีการของอุปราชผู้นี้นั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก อำนาจของเขาในอาณาจักรจิงเหลยคาดว่าอาจจะอยู่เหนือกว่าฮ่องเต้เสียอีก เพียงเขารู้สึกไม่สบายตาหรือมีองค์ชายกับขุนนางคนใดตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขา เขาก็สามารถมอบความผิดที่ผู้คนไม่อาจจะรับผิดชอบได้ โทษเบาก็คือสูญเสียตำแหน่ง โทษหนักก็คือประหารทั้งโคตร จนตอนนี้คนในแคว้นจิงเหลยทั้งหมดไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเผชิญหน้ากับบุรุษผู้นี้เลย
แต่น่าเสียดายที่ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรจิงเหลยนั้นชราภาพมากแล้ว องค์รัชทายาทเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอุปราชผู้นี้ ถึงแม้เสด็จพ่อของพวกเขาต้องการที่จะจัดการกับอุปราชผู้นี้ แต่ก็ไม่มีอำนาจมากพอ
เกรงว่าแคว้นจิงเหลย ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องตกเป็นของอุปราชผู้นี้เป็นแน่
แต่สิ่งที่เย่ซิวตู๋ไม่เข้าใจนั้นก็คือ อุปราชผู้นี้กลับพาผู้เข้าแข่งขันการประลองของสี่อาณาจักรเดินทางมายังอาณาจักรเฟิงชางด้วยตัวเอง
เป้าหมายของเขานั้นคือสิ่งใดกัน?
เย๋ซิวตู๋หรี่ตาลง และครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ทันใดนั้นจู่ ๆ อุปราชผู้นั้นก็ได้กระโดดลงมาจากม้า และเดินไปหาหญิงสาวที่กำลังหวาดกลัวและถูกองครักษ์จับตัวเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น หลังจากนั้นจึงเอ่ยอย่างเย็นชา “ทำให้ทูตจากต่างแดนตื่นตกใจ สมควรได้รับโทษ”
ว่าพลาง อุปราชหนุ่มก็คว้าตัวหญิงสาวขึ้นมา ก่อนจะเตะเข้าที่ศีรษะของนางอย่างรุนแรง
หญิงสาวผู้นั้นกระอักโลหิตออกมา ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง นางถูกเตะกระเด็นออกไปจนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“อ๊า…” เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้น ฝูงชนต่างตื่นตกใจและสับสนกับเหตุการณ์นี้
แม้แต่เหล่าขุนนางชั้นสูงตามร้านอาหารริมทางที่เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง
ถูกอยู่ที่สตรีนางนั้นเข้าไปรบกวนอุปราชจากอาณาจักรจิงเหลย แต่การกระทำเช่นนั้นต่อหน้าองค์ชายทั้งสามของอาณาจักรเฟิงชาง อีกทั้งยังลงมือสังหารคนต่อหน้าประชาชนของอาณาจักรเฟิงชางอีก นี่ไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยหรือ?
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงต่างก็ตกตะลึงไปและรีบถอยหลังไปสองสามก้าว ทั้งสองมองหน้ากันและเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของกันและกัน
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว และมองไปที่มุมปากของอุปราช
ขั้นตอนการลงมือของคนผู้นั้นช่างโหดร้ายสมกับคำร่ำลือเสียจริง การที่คนเช่นนี้มาปรากฏตัวในอาณาจักรเฟิงชางได้ จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ ๆ
ความโกลาหลบนท้องถนนยังคงดำเนินต่อไป ทหารต่างคอยกันผู้คนเหล่านั้นไว้ พวกเขาใช้กำลังทั้งหมดเพื่อหยุดชาวบ้านและป้องกันไม่ให้พวกเขากรูกันเข้ามา
แต่มีคนผู้หนึ่งที่ผลักแนวกั้นของทหารออกไป ก่อนจะเข้าไปนั่งคุกเข่าร้องไห้บริเวณด้านหน้าสตรีผู้นั้น และร้องไห้ออกมาคล้ายกับปิ่มจะขาดใจ
“รุ่ยเอ๋อร์ รุ่ยเอ๋อร์เจ้าฟื้นสิ เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ อย่าตายนะ เช่นนั้นแล้วแม่จะอยู่เช่นไร”
ทุกคนรอบ ๆ มองมาที่นางด้วยความเห็นใจและสงสาร แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะกลัวว่าอุปราชผู้โหดร้ายจะจับพวกเขาเหล่านั้นออกไป
เพียงแต่สตรีนางนั้นกอดและร้องเรียกลูกสาวของตนอยู่สักพักแล้ว แต่หญิงสาวกลับไม่ได้ฟื้นขึ้นมา ในที่สุดนางก็หันศีรษะของตนมาหาและกรีดร้องขึ้น “เหตุใดท่านจึงสังหารรุ่ยเอ๋อร์ของข้า นางแค่โชคร้ายถูกผู้คนเบียดออกมา ไม่ได้มีเจตนาที่จะรบกวนพวกท่านเลย เหตุใดท่านจึงต้องสังหารนางโดยไม่มีเหตุผล นางยังเด็กอยู่เลย รุ่ยเอ๋อร์ของข้า…”
หญิงผู้นั้นร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกมากขึ้น แต่ท่านอุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลย กลับหัวเราะขึ้นและเดินเข้าไปหาสองแม่ลูก ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ดูท่าเจ้าจะรนหาที่ตายนะ ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวของเจ้าเป็นอย่างไร? ”
ว่าพลางอุปราชหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้น และกำลังจะวางยาพิษสตรีนางนั้น
ทันใดนั้นนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าตนเอ่ยอะไรออกมาจนทำให้อุปราชรู้สึกขุ่นเคือง นางจึงรีบกอดบุตรสาวของตนเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น น้ำตาแห่งความสิ้นหวังและหวาดกลัวก็หลั่งไหลออกมา
อุปราชเอ่ยเยาะเย้ยด้วยความเย็นชา “ตอนนี้เพิ่งจะมาคิดได้ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว อย่างไรพวกเจ้าทั้งสองก็ต้องตายอยู่ดี ”
เมื่อสิ้นเสียงลง ฝ่ามือของอุปราชก็ตบลงไปบนศีรษะของสตรีนางนั้นอย่างรุนแรง
เพียงแต่ครั้งนี้ ในตอนที่มือของเขานั้นยังค้างอยู่กลางอากาศ เพราะจู่ ๆ ก็ถูกหยุดไว้ทันที
“ท่านอุปราช ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว พอเสียเถิด”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โหดร้ายมาก ทำคนไม่มีทางสู้ ขอให้โดนกระทำอย่างทรมานสาสมบ้างนะอิอุปราช
ไหหม่า(海馬)