บทที่ 577 ทนกันได้ยังไง

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่577 ทนกันได้ยังไง

เขาก็ได้พูดในส่วนที่อยากพูดทั้งหมดแล้ว ลี่เจี้ยนหวาก็ไม่มีทางที่จะห้ามลี่หุย ทำได้แค่ยินยอมไปกับเขา ถ้าหากว่าครั้งนี้ลี่หุยสามารถประสบความสำเร็จล่ะ ลี่จุนถิงลูกชายคนนั้นแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นเขาในสายตา ผลักดันให้เขาล้มเหลวก็ดีนะ

ลี่หุยเห็นลี่เจี้ยนหวาไม่พูดแล้ว รู้ว่าลี่เจี้ยนหวาคนนี้ยอมรับแผนโดยปริยายจึงเผยรอยยิ้มออกมา

“คุณพ่อ คุณวางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันต้องสำเร็จแน่นอน คุณรอฟังข่าวดีจากฉันเถอะ”

ก่อนลี่เจี้ยนหวาจะไป ก็ตบๆ ไหล่ลี่หุย พูดว่า:

“ตั้งใจทำล่ะ”

หลังจากนี้ ซูซานและลี่หุยก็ได้เริ่มปฏิบัติตามแผนของพวกเขา

เนื่องจากลี่หุยเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ดังนั้นอันดับแรกเขาต้องแย่งโครงการก่อน แต่ทั้งหมดก็ยังต้องเป็นแค่โครงการเล็กๆ โดยห้ามให้ลี่จุนถิงรู้เข้าแบบนี้เขาถึงจะทำได้สะดวก ลี่หุยให้ซูซานเริ่มต้นจากโครงการเล็กๆ ก่อน เวลาล่วงเลยมานานแล้วกลับไม่มีใครปรากฏตัวเลย จึงเสนอแผนการที่ให้ผลประโยชน์แก่ซูซานเยอะขึ้นอีกหน่อย

ซู่จี้งยี้แค่เริ่มต้นก็สังเกตเห็นแล้วแต่ไม่ได้ใส่ใจเลยเพราะทุกปีบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็ถูกคู่แข่งแย่งโครงการไปไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่ได้รายงานกับลี่จุนถิง

ภายหลัง เขายิ่งคิดยิ่งแปลก หนึ่งเดือนมานี้ถูกก่อกวนตลอด ปัญหาเกือบจะเท่ากับหนึ่งปีที่ผ่านมา จึงรีบหาปัญหาภายในทันที สืบสวนอย่างเร่งด่วนแล้วก็รีบรายงานให้กับลี่จุนถิง

“ประธานลี่ ในรอบหนึ่งเดือนเราโดนคนแย่งแผนงานประมาณยี่สิบโครงการแล้ว เกือบจะเทียบเท่าปีก่อนๆ ที่ถูกแย่งโครงการไป แรกเริ่มนั้นก็แค่โครงการเล็กๆ หลายธุรกิจด้านหลังเรากำไรกว่าสิบร้านแล้ว”

“ฉันสืบมาแล้ว โครงการที่แย่งไปทั้งหมดเป็นของเกลกรุ๊ป เกลกรุ๊ปอยู่ในประเทศมาหลายปีแต่อยู่ดีๆ ก็มาแย่งธุรกิจอย่างไม่เกรงใจเลย ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้แย่งแค่บริษัทของเรายังมีบริษัทย่อยอีกที่ถูกแย่งไป แต่ไม่เยอะเหมือนบริษัทของเราเกลกรุ๊ปมีเป้าหมายที่ชัดเจนเลยคือต้องการขยายความเติบโต กลืนตลาดต่างๆ ”

ลี่จุนถิงขมวดคิ้วพร้อมสีหน้าเย็นชา

“เป็นไปไม่ได้ พวกเราบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปกับก้ายซื่อกรุ๊ปไม่เคยโกรธเคืองกัน ปกติก็เป็นสงครามการค้าทั้งหมดเลย แต่ก่อนไม่เคยเจอคนที่มีเจตนาร้ายแบบนี้ ยิ่งกว่านั้นทั้งสองบริษัทก็เคยร่วมมือทางการค้าไม่น้อยเลย”

“ฉันเคยติดต่อกับผู้รับผิดชอบในเกลกรุ๊ป เขาไม่ใช่คนแบบนี้นะ เป็นไปไม่ได้ที่จะมาแย่งธุรกิจของตระกูลลี่ ยิ่งไปกว่านั้นเกลกรุ๊ปแม้จะเข้าตลาดในประเทศมาหลายปี แต่ก็โดนข้อจำกัดทางนโยบายเกี่ยวกับทางด้านการค้าของรัฐบาลมาโดยตลอด โดนจำกัดจากหลายๆ ทางตลอด พวกเขาไม่กล้าที่จะแย่งธุรกิจของพวกเราเยอะขนาดนี้”

“เกลกรุ๊ปก็แข็งแกร่งขึ้น คล้ายกับอยู่ในยุโรปแบบนั้นเลย เรื่องนี้มันน่าประหลาด คุณรีบไปสืบมาก คุณสืบโดยไม่ต้องไปเกรงใจเลยนะ ให้พวกเขารู้ว่าพวกเราระวังตัวจากพวกเขาแล้ว ตักเตือนพวกเขาสักหน่อย ฉันจะให้ชิงโม่ไปสืบเป็นการส่วนตัว”

“อ้อใช่ ยังมีพวกลี่หุยอีก เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย เขาต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน สังเกตเขาดีๆ ล่ะ รวมถึงคนในบริษัทนั้นและสถานที่ที่ชอบไปกันด้วย”

หลังจากซู่จี้งยี้ออกไป ลี่จุนถิงโทรศัพท์ไปหาชิงโม่ คุยกับเขาพอสังเขป

“คุณไปสืบสถานการณ์ของเกลกรุ๊ปเป็นการส่วนตัวให้หน่อยสิ เฝ้าดูว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรไหม แล้วติดต่อกับบริษัทของฉันที่อยู่ฝั่งยุโรปเป็นการส่วนตัวด้วยนะ ระงับความร่วมมือกับเกลกรุ๊ปเป็นการชั่วคราวด้วย แล้วไปชิงธุรกิจกลับมา”

“อ๋อใช่ คุณช่วยหาบริษัทใหญ่ๆ ทำสัญญาปลอมๆ กับเกลกรุ๊ปด้วย แล้วรอเกลกรุ๊ปแจ้งข่าวคราวออกมา ให้พวกเขาชิงธุรกิจพวกนี้ไปหลังจากนั้นพนักงานที่เข้าไปร่วมมือโครงการให้จัดเป็นคนของพวกเรา ฉันอยากรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว คุณเจ็บปวดกับเรื่องนั้น ได้เบาะแสข่าวมาหน่อยแล้ว อีกไม่นานก็คงได้ข่าวแล้ว”

“โอเค รบกวนคุณด้วย”

ชิงโม่ได้ยินลี่จุนถิงบอกกับตัวเองว่ารบกวนด้วย จึงรู้สึกประหลาดใจจากการได้รับความสำคัญอย่าคาดไม่ถึง

“โอ๊ย ประธานลี่ คุณเกรงใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เมื่อกี้ลี่จุนถิงได้ยินชิงโม่กำลังเคร่งขรึมทันใดนั้นใบหน้ากลับยิ้มแย้ม ไม่ได้ตอบกลับ ก็วางสายทันที

หลังจากชิงโม่ถูกวางสายแล้ว ก็ไม่ได้โกรธเลย แต่กลับพึมพำดีใจออกมา

“โอ๊ย ลี่จุนถิงแบบนี้ไม่คุ้นเคยเลยจริงๆ นิสัยแปลกแบบนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าเจียงหยุนเอ๋อทนได้ยังไงนะ”

หลังจากลี่จุนถิงวางสายแล้ว ก็ให้ซู่จี้งยี้เรียกคนที่รับผิดชอบฝ่ายขายขึ้นมา

หลังจากผู้รับผิดชอบฝ่ายขายได้รับสายภายใน ก็รู้สึกกลัวตัวสั่น แม้ว่าผู้จัดการฝ่ายขายจะเป็นลี่หุย แต่ว่าเขาแทบจะไม่สนใจอะไรเลย เพียงแค่มีโครงการบางครั้งเขาก็จะเข้ามาดู อย่างอื่นก็ไม่ได้สนใจ

ดังนั้นครั้งก่อนๆ โครงการที่ถูกแย่งไปทั้งหมดก็คือแย่งจากมือเขาไปนั่นเอง ครั้งแรกๆ ที่โดนแย่งไปก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ภายหลังเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เขาก็กลัวไปหมด

หลังจากที่ผู้รับผิดชอบฝ่ายขายเข้าไปในห้องทำงานของลี่จุนถิงแล้ว กล่าวออกไปด้วยเสียงสั่นกลัวว่า “ประธานลี่”

แต่ลี่จุนถิงไม่ได้สนใจเขา แต่ใจจดใจจ่ออยู่กับเอกสารที่ตัวเองถืออยู่ในมือ คล้ายกับเขาไม่ได้อยู่ในห้อง

ผู้รับผิดชอบฝ่ายขายสังเกตว่าลี่จุนถิงไม่ได้สนใจตนเลย ในใจยิ่งกลัวขึ้นไปอีก หน้าผากเริ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ๆ ไหลลงมา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลี่จุนถิงเขายิ่งไม่กล้าจะขยับตัวเลย

ยืนรอสักพัก ในที่สุดลี่จุนถิงก็ดูเอกสารที่อยู่ในมือจบ แล้วนั่งพิงพนักเก้าอี้ยกขามาพาดไว้รู้สึกสบายมาก มือสัมผัสปากกาลูกลื่นสีทอง มองไปที่ปากกาแล้วเผยรอยยิ้มออกมาเพราะปากกาแท่งนี้เป็นปากกาที่เจียงหยุนเอ๋อมอบให้

ผู้รับผิดชอบมองเจียงหยุนเอ๋อยิ้ม แม้รอยยิ้มนั้นจะดูอบอุ่น แต่เขากลับรู้สึกขนลุก ลี่จุนถิงเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มก็ได้หายไป ผู้รับผิดชอบกลัวจนเข่าออกเลย เกือบจะล้มลงบนพื้นแล้ว

“คุณรู้ไหมว่าฉันเรียกคุณมาเรื่องอะไร”

“ทราบ…ทราบแล้ว ประธานลี่”

“งั้นคุณพูดมาเถอะ เรื่องนี้มันเป็นมาเป็นไปยังไง”

“ประธานลี่ คือ…ฉันก็ไม่…ไม่ทราบ”

ลี่จุนถิงเห็นท่าทางกลัวขนาดนี้ของเขา ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด หลังจากนั้นก็ให้เขากลับไป

ผู้รับผิดชอบฝ่ายขายก็เดินออกไปด้วยความตัวสั่น พอดีกับเจียงหยุนเอ๋อออกมาจากลิฟต์

เจียงหยุนเอ๋อผลักประตูห้องทำงานเจียงหยุนเอ๋อเข้าไป ก็เห็นลี่จุนถิงนั่งบนเก้าอี้มีท่าทีคิดหนัก เลยถามขึ้นว่า

“จุนถิง เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”

“พอจุนถิงได้ยินเสียง สังเกตเห็นเจียงหยุนเอ๋อกล้าที่จะมาที่นี่ ในมือยังถือกล่องข้าวกล่องใหญ่ เขารีบลุกขึ้น นำของที่อยู่ในมือเจียงหยุนเอ๋อวางลง ประคองเธอนั่งลงโซฟา”

“ให้คุณพักผ่อนดีๆ อยู่ที่บ้านไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงออกมาล่ะ”

“ฉันอยู่บ้านจนรู้สึกอึดอัดจะตายแล้วต่อมาก็ไม่มีอะไรทำเลยคิดอยากทำอาหารที่คุณชอบแล้วนำมาให้ ท่าทางของคุณเหมือนไม่ต้อนรับฉันเลยนะ”

เจียงหยุนเอ๋อบ่นพึมพำ แกล้งมีท่าทางที่ไม่ดีใจ

“มีที่ไหนล่ะ ผมแค่กลัวคุณเหนื่อย ผมขอดูๆ อาหารกลางวันที่ที่รักของฉันทำให้หน่อยสิ”

“คุณไม่ต้องมาอ้อนฉันเลย เมื่อกี้ตอนที่ฉันออกมาจากลิฟต์เห็นหัวหน้าฝ่ายขายออกไปพอดี มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่”