บทที่ 591 โกรธจัด

ริมฝีปากของตันเหนียงนุ่มมาก จนไป๋มู่หยางอดไม่ได้ที่จะตอบสนอง แต่เมื่อเขาได้สัมผัสเข้ากับผิวเนียน เขารีบผลักตันเหนียงออกไปทันที

หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาคาดหวังพยายามที่จะเข้าใกล้เขาอีกครั้ง ไป๋มู่หยางสะกดอารมณ์ของตน จับมือนางไว้เพื่อไม่ให้นางเข้ามาใกล้เขาได้

“อดทนไว้ก่อน หมอกำลังมา”

ไป๋มู่หยางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่มองหน้านาง ในตอนนี้ตันเหนียงถูกวางยา นางไร้สติสัมปชัญญะโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ควรจะเผลอไผลตามนางอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเอาเปรียบนางมากเกินไป

ไป๋มู่หยางหลับตา หญิงสาวยังคงดิ้นรนอยู่ นางร้องไห้ครวญคราง

เวลาที่กำลังรอคอยหมอนั้นแสนจะยากลำบาก ในที่สุดหมอก็เดินทางมาถึง ไป๋มูู่หยางมองดูตันเหนียงที่หน้าแดงก่ำ เขาไม่อยากให้หมอเห็นสภาพของนางในตอนนี้ จึงดึงผ้าม่านโปร่งลงโดยให้มือของตันเหนียงยื่นออกมาให้หมอจับชีพจรของนาง

หมอได้ฝังเข็มสองสามจุดเพื่อที่จะฟื้นคืนสติของนาง แล้วให้ยาสำหรับอาบและกินแก่ตันเหนียง สาวใช้นำน้ำร้อนผสมยาอาบมาให้ไป๋มู่หยาง ชายหนุ่มพยายามมอบตันเหนียงให้แก่สาวใช้ ทว่านางยังคงจับเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เมื่อไป๋มู่หยางขืนตัวออกตันเหนียงก็สะอื้นเบาๆ ไม่ยอมให้ใครแตะต้องตัวนาง

สาวใช้มองไป๋มู่หยางอย่างลำบากใจ

ปกติแล้วตันเหนียงจะเป็นคนมีทีท่าเย็นชา เก็บตัว แต่ตอนนี้นางเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่เอาแต่ใจ

“พี่ไป๋…ไม่เอา..” ตันเหนียงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ นางมองไป๋มู่หยางด้วยดวงตาที่ฉ่ำวาว ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ

“พวกเจ้าออกไปให้หมด”

สาวใช้ทั้งหมดออกไป ไป๋มู่หยางแตะที่ใบหน้าของนาง

“อย่าดื้อ” หญิงสาวเชื่อฟังปล่อยให้เขาถอดเสื้อผ้าของนางออกแล้วนั่งแช่ลงในอ่างน้ำ ในตอนนั้นดวงตาของไป๋มู่หยางถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าสีขาว แต่มือของเขายังคงสัมผัสเนื้อตัวของนางอยู่ ผิวที่เนียนนุ่มทำให้เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาปล่อยให้จิตใจของเขาล่องลอยไปพยายามไม่คิดอะไร ตันเหนียงนั่งลงในอ่างอาบน้ำ นางจับมือของชายหนุ่มไว้ไม่ยอมปล่อย

“หิวน้ำ..”

“ร้อน..”

“มันเย็นจัง…”

ตันเหนียงยังคงเรียกร้องต่างๆนานา ไป๋มู่หยางใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เขาค่อยๆ ตามใจนางทีละอย่างให้ปล่อยให้นางแช่ตัวอยู่ครึ่งชั่วยามตามที่หมอบอก

เมื่อไป๋มู่หยางกะเวลาได้แล้วเขาจึงพานางออกจากอ่างน้ำ ชายหนุ่มใช้ผ้าเช็ดตัวนางจนแห้ง ห่อนางด้วยผ้านวมพร้อมกับป้อนยานาง

ความร้อนบนใบหน้าของตันเหนียงทุเลาลงมาก ดวงตาของนางยังคงพร่ามัวเล็กน้อย นางอ้าปากให้เขาป้อนยาให้ตนเอง

ชายหนุ่มหัวเราะออกมา ค่อยๆ ป้อนยาให้นางทีละน้อย ยาขมมากจนทำให้ใบหน้าเล็กๆ ของนางย่นยู่ ไป๋มู่หยางค่อยๆ ตะล่อมให้นางดื่มยา จนนางยอมเปิดปากดื่มจนหมด

หลังจากดื่มยา เขาป้อนผลไม้เชื่อมให้ หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้กินของหวาน

ฤทธิ์ยาในร่างกายของตันเหนียงค่อยๆ จางออกไป ผ่านไปหนึ่งวันที่เหนื่อยล้าทำให้นางหลับสนิท เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเสื้อผ้าตนเองที่ไม่เรียบร้อย แล้วจัดระเบียบให้ตัวเอง หลังจากนั้นจึงได้เข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อเฝ้านาง ตันเหนียงนอนกระสับกระส่ายไปมาราวกับกำลังฝันร้าย

“อย่าแตะต้องข้า..”

“ ไปให้พ้น!”

ไป๋มู่หยางวางมือลงบนหน้าผากของตันหยางปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล ในที่สุดนางจึงหลับไปอีกครั้ง

วันถัดมา

แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง หญิงสาวที่นอนบนเตียงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ผมดำยาวสยายปรกลงมาทำให้ใบหน้าของนางดูเล็กมากยิ่งขึ้น หญิงสาวรู้สึกอ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว ไร้เรี่ยวแรง นี่ไม่ใช่ห้องของนาง? ที่ไหนกัน?

สีหน้าของตันเหนียงมึนงง ความทรงจำค่อยๆ ผุดขึ้นมา เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวานได้ ใบหน้าของนางก็ซีดลงทันที นางถูกพาไปห้องของชายคนนั้น เขาต้องการตัวนาง…

ตันเหนียงสะท้านไปทั้งร่าง รู้สึกเหน็บหนาวราวกับตกนรก

“ตื่นแล้วหรือ?”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น ตันเหนียงหันไปร่างกายของนางแข็งทื่อไปทันที พี่ไป๋… เสียงนี้เองที่ชักนำให้นางเห็นแสงสว่าง

นางนึกถึงความทรงจำที่คลุมเครือ เลือนลาง พี่ใหญ่ไป๋ช่วยชีวิตนางเอาไว้ เขาปลอบโยนนางจนหายกลัว เศษเสี้ยวความทรงจำต่างๆ ผุดขึ้นมา เป็นตอนที่นางขอให้พี่ไป๋เปลื้องผ้า นางจูบเขา…ตันเหนียงหน้าแดงจนอยากจะซุกตัวหนีเขา

“เจ้าหน้าแดงมาก ยังรู้สึกไม่สบายอยู่อีกหรือ?” เขาถามพลางแตะหน้าผากของนางรับรู้ได้ถึงไออุ่น

“ยังมีไข้..ข้าจะตามหมอให้” ไป๋มู่หยางพึมพำเบาๆ อึดใจต่อมามือของเขาก็ถูกคว้าไว้

“พี่ไป๋ ..ข้าไม่มีไข้ ไม่ได้เป็นอะไร” ตันเหนียงพูดเสียงเบา เขามองใบหน้าของนางจึงได้เข้าใจถึงเหตุผลที่ใบหน้าของนางร้อนผ่าวทันที มือของเขาที่โดนนางจับเริ่มรู้สึกร้อนเช่นกัน เขารีบชักมือออก หญิงสาวมองเสื้อผ้าของนาง สีหน้าเปลี่ยนไป

“สาวใช้เป็นคนเปลี่ยนให้” ไป๋มู่หยางพูด

“ข้าหลับตา แต่…”

ไป๋มู่หยางทำการค้ามาหลายปีแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนพูดเก่งแต่เขาเป็นคนมีไหวพริบดี เขามักจะจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้เขากลับอึกอัก

“ข้า..ข้าสัมผัส..” ไป๋มู๋หยางพูด

“ตันเหนียง ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง”

ตันเหนียงเขินอายมากในตอนแรก แต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ความรู้สึกเหมือนมีใครเอาอ่างน้ำเย็นราดลงมาที่หัวใจของนาง แม้จะชอบไป๋มู่หยางมากก็ตาม แต่นางไม่ได้อยากให้เขามารับผิดชอบเพียงเพราะเขาสัมผัสร่างกายของนาง

“พี่ไป๋..ท่านเป็นคนช่วยข้าเมื่อวานนี้ ท่านทำทุกอย่างเพื่อช่วยข้า ท่านไม่สมควรต้องรับผิดชอบตัวข้า”

หากพี่ไป๋ต้องรับผิดชอบนาง นี่ไม่เท่ากับนางเป็นคนไม่สำนึกบุญคุณคนหรอกหรือ?

“พี่ไป๋ ท่านไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ขอบคุณมากที่ช่วยข้าเอาไว้” ตันเหนียงกล่าว ไป๋มู่หยางสัมผัสได้ถึงความห่างเหินในน้ำเสียงของตันเหนียง เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า

“ตันเหนียงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้…ข้าต้องคุยกับเจ้า” ตันเหนียงลุกขึ้น นางอาบน้ำแล้วจึงมากินมื้อเช้าเป็นโจ๊กรสอ่อนที่หมอสั่ง หลังจากที่หญิงสาวกินอาหารแล้วทั้งสองจึงเข้าไปคุยกันในห้อง ไป๋มู่หยางเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อน

“ตันเหนียง…จริงแล้วๆ ข้าชอบเจ้า…”

ตันเหนียงมองไป๋มู่หยาง หัวใจของนางเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ดวงตาของนางประกายเหมือนดวงดาว ที่จริงแล้วพี่ใหญ่ไป๋ชอบนางเช่นกัน แต่แล้วความสงสัยบังเกิดขึ้นในดวงตาของนาง

“แล้วเหตุใด…”

“เพราะข้าเป็นสามีให้เจ้าไม่ได้..” ไป๋มู่หยางพูด

“ข้าเป็นหัวหน้าสกุลไป๋ ไม่ใช่เพียงแค่สกุลไป๋เท่านั้น แต่ยังเป็นสกุลกัวอีกด้วย นั่นคือความพากเพียรอุตสาหะของท่านตาและท่านแม่ของข้า ข้าไม่สามารถปล่อยวางมันไปได้… เพราะการค้าเหล่านี้ทำให้ข้าต้องเดินทางบ่อยครั้ง วันนี้ข้าอยู่เมืองหลวง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าข้าอาจจะอยู่ที่เมืองฉินโจว และไปที่ต้าฉีในเดือนถัดไป ข้าคงอยู่กับเจ้าได้เพียงไม่กี่ครั้งต่อปี เวลาเจ้าเจ็บป่วยหรือแม้แต่คลอดลูกข้าคงไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า..” ตันเหนียงตระหนักได้ทันทีในสิ่งที่เขาพยายามจะพูด ไป๋มู่หยางเป็นคนดีมาก

เมื่อเขาสัญญา เขาจะรักษาคำพูดแน่นอน หากเขาแต่งงานกับนาง เขาก็อยากให้ให้ตนเองเป็นสามีที่ดีของนาง แต่ไม่มีใครจะทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบไม่เช่นนั้นแล้วจะเหนื่อยเกินไป

ความรู้สึกเป็นเรื่องของคนสองคน หากรักกันแล้วก็ไม่ควรลำบากไปคนเดียว อย่างไรเสียก็ต้องเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน

“พี่ไป๋ ในเมื่อท่านอยู่ในเมืองหลวงตลอดไม่ได้ ข้าก็จะไปกับท่าน หากท่านไปฉินโจวข้าก็จะไปด้วย ถ้าท่านไปต้าฉีข้าก็จะไปด้วย..” ตันเหนียงกล่าว

ไป๋มู่หยางไม่คาดคิดว่านางจะพูดแบบนี้ ความคิดของเขาสับสนแต่แล้วก็สงบลงเมื่อนึกถึงบางอย่าง

“แต่ฉินโจวหนาวมาก..และขนบธรรมเนียมบางอย่างของต้าฉีก็แตกต่างจากต้าโจวอย่างสิ้นเชิง หลายคนจึงไม่สามารถปรับตัวได้”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำร่างกายให้แข็งแรง” ตันเหนียงพูด “ข้าเอาแต่อยู่ในห้องส่วนตัวทุกวัน นั่นสาเหตุทำให้ข้าเป็นแบบนี้แต่หลังจากที่ข้าเจอถังหลี่ ข้าก็รู้ว่าสตรีไม่ใช่จะอยู่แต่เพียงหลังบ้านเท่านั้น ผู้หญิงก็หาได้แพ้ผู้ชายไม่ สตรีสามารถออกไปมองโลกที่กว้างใหญ่ได้เช่นกัน”

ไป๋มู่หยางไม่พูดอะไร

“พี่ไป๋ ท่านมีแผนจะออกจากเมืองหลวงตอนไหนหรือ?” ตันเหนียงถาม ไป๋มู่หยางคิดครู่หนึ่ง “อีกสามเดือน”

เดิมทีเขาวางแผนที่จะออกเดินทางสิ้นเดือนนี้ แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการบางอย่าง..

“เอาล่ะ สามเดือนต่อจากนี้เราทั้งสองคนจะค่อยๆ คิดด้วยกัน จากนั้นสามเดือนถัดไปเราจะตัดสินใจกันอีกครั้ง” ตันเหนียงกล่าว

ตันเหนียงเป็นคนเด็ดขาดมาก เหตุใดไป๋มู่หยางจะไม่ลองดู?

ชายหนุ่มพยักหน้า

ในวันที่สองตันเหนียงก็เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าบุรุษ นางต้องการจะออกกำลังจึงได้หาอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้มาสั่งสอนตน เมื่อไป๋มู่หยางเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่าตันเหนียงมีความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์เพื่อไม่ให้เขาต้องกังวล นางมีความตั้งใจดี

สกุลจาง

นายท่านสามสกุลจางนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวและสิ้นหวัง เป็นเพราะไป๋มู่หยางคนเดียว!

สำหรับบุรุษแล้วนี่คือความอัปยศอดสูและอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างยิ่ง ในใจของเขาสับไป๋มู่หยางเป็นชิ้นๆนับครั้งไม่ถ้วน เขายังไม่ได้ทำอะไรนังนั่นเลย!…แบบนี้มันมากเกินไปแล้ว! ดวงตาของจางไฉ่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

“ข้าจะให้ไป๋มู่หยางได้รู้จักคำว่า อยู่ไม่สู้ตาย! ข้าจะใช้มีดกรีดเนื้อเถือหนังมันออกมาแล่ให้ได้สามพันหกร้อยชิ้น!”

ใบหน้าของนายท่านจางน่าเกลียดมาก

“เจ้าไม่รู้จักตัวตนของแม่นางตันเหนียงหรือ? อยากแก้แค้นหรือ? เจ้ากำลังจะฆ่าบิดามารดาคนในตระกูลของเจ้า! ไปขอโทษเขาเสีย!” นายท่านจางตวาดกลับ

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ทำเพื่อสกุลจางอยู่หรือ? ข้ากำลังหาสะใภ้ที่แสนดีให้แก่ท่านนะ!” จางไฉ่คร่ำครวญ หลังจากที่ถูกนายท่านจางกระชากตัวให้ลุกขึ้น

“ท่านพ่อข้าเจ็บ! ข้าขยับตัวไม่ได้!”

“ขยับไม่ได้ก็ต้องหามไป!”

นายท่านจางพาจางไฉ่ไปที่หอจื้ออวิ๋นแต่ยังไม่ทันเข้าร้าน เถ้าแก่ก็ปล่อยสุนัขตัวใหญ่ออกมา มันพุ่งมากัดจางไฉ่แล้วหันไปกัดนายท่านจาง ทั้งสองคนร้องเสียงดังวิ่งเตลิดหนีหาย

นายท่านจางส่งของมากมายไปที่หอจื้ออวิ๋นแต่ของทั้งหมดถูกโยนทิ้ง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะไปดักรอไป๋มู่หยาง แต่เมื่อเจอกันไป๋มู่หยางทำเป็นเพิกเฉยต่อเขา

ตอนนี้นายท่านจางกำลังจะตายด้วยความโกรธ ไอ้ไป๋มู่หยางเด็กเหลือขอ! มันเห็นเขาเป็นตัวอะไรกันแน่! ทำเป็นตีหน้าบึ้งใส่เขาคิดว่าเขากลัวจริงๆ หรือ?

สกุลจางเป็นสกุลใหญ่ มีคนในราชสำนักให้การสนับสนุนมากมาย เขาไม่เชื่อหรอกว่าไอ้เด็กไป๋มู่หยางจะทำอะไรเขาได้! แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นเป็นสิ่งที่นายท่านจางไม่ได้เตรียมใจไว้

ไป๋มู่หยางโจมตีตระกูลจาง!