ตอนที่ 290 มาสู้กันอีกครั้ง
ตอนที่ 290 มาสู้กันอีกครั้ง
อุปราชค่อย ๆ หรี่ตาลง และหันหน้าไปมองผู้ที่หยุดตนไว้ ก่อนจะกระชากมือกลับอย่างรุนแรง “องค์ชายเจ็ด นี่คือสิ่งที่ท่านปฏิบัติต่อทูตที่มาจากต่างอาณาจักรหรือ?”
เย่ฮ่าวถิงขมวดคิ้ว สีหน้าอบอุ่นฉาบริ้วโทสะอยู่เจือจาง
ทว่าหากให้ทนดูอุปราชจากอาณาจักรจิงเหลยสังหารประชาชนในอาณาจักรเฟิงชางสองคนต่อหน้าตน เขาก็ไม่สามารถทนดูได้จริง ๆ
ภาระหน้าที่ในการอารักขาครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบททดสอบของเสด็จพ่อ การมีคนมาทำให้ท่านอุปราชตกใจเช่นนี้ก็สรุปได้ว่าตัวเขาบกพร่องในหน้าที่เช่นกัน หากยังสะเพร่าอีก หลังจากนี้เขาจะมองหน้าเสด็จพ่อได้อย่างไรกัน?
“ท่านอุปราช พวกนางทั้งสองไม่ได้มีเจตนา ตอนนี้สตรีผู้นี้ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ให้มารดาของนางนำกลับไปจัดเตรียมงานศพเสียเถิด”
“หึ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าคนของอาณาจักรเฟิงชางนั้นล้วนขี้ขลาดไร้ความสามารถ ข้านำผู้เข้าร่วมการประลองทั้งหมดของอาณาจักรจิงเหลยมา ความปลอดภัยทั้งหมดของพวกเขาเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของข้า ตอนนี้แต่ละคนต่างก็หวาดกลัวเนื่องจากความไร้มารยาทของประชาชนแห่งอาณาจักรเฟิงชาง ไม่สมควรที่จะถูกสังหารหรือ? หรือว่า องค์ชายเจ็ดตำหนิว่าข้านั้นเป็นคนที่ไร้มารยาท และไม่ได้มีความสำคัญ?”
เย่ฮ่าวถิงกำมือแน่น เห็นได้ชัดว่าอุปราชท่านนี้กำลังหาเรื่องตนอยู่
นี่เพิ่งจะเดินทางมาถึงมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรเฟิงชาง ก็แสดงอำนาจต่อพวกเราเลยหรือ?
เย่ฮ่าวถิงเผยรอยยิ้มเย็นชา ก่อนจะหันไปมององค์รัชทายาทที่หมดจิตหมดใจไปนานแล้ว ตลอดจนท่านอ๋องเป่าที่พยักหน้าช้า ๆ ให้เขาใจเย็น โทสะในใจของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
อีกทั้งท่านอุปราชยังเดินเข้ามาใกล้ตน และเตะสตรีที่นั่งอยู่บนพื้นจนกระเด็นไปไกล
“อ๊ายยย…”
“ท่านอุปราช ท่าน…” เย่ฮ่าวถิงคิดจะห้ามแต่มันก็สายไป ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปยังสตรีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
แต่อุปราชกลับหัวเราะออกมาและมองดูเขาอย่างดูถูก ก่อนที่จะหันหลังเดินไปที่ม้าของตน
องค์รัชทายาทเพิ่งจะได้สติกลับมา และทำเหมือนกับว่าเรื่องราวนั้นไม่ได้เกิดขึ้น จึงรีบยิ้มออกมาและเดินตามไปข้างหน้า “ท่านอุปราชนั้นมีพละกำลังเป็นอย่างมาก สมกับที่เป็นนักรบผู้กล้าแห่งอาณาจักรจิงเหลย สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ทำให้ข้านั้นรู้สึกชื่นชมเสียจริง วันนี้เป็นความผิดของพวกเราที่ไม่ได้จัดการของไร้ประโยชน์เหล่านั้น จนทำให้มารบกวนอุปราชและเหล่าองค์ชายที่อยู่ในรถม้า ต้องขออภ้ยจริง ๆ วันต่อไปข้าจะจัดเตรียมของบรรณาการให้กับท่านและเหล่าองค์ชายทั้งหลาย ท่านเห็นเป็นเช่นไร”
อุปราชมองดูองค์รัชทายาทด้วยสายตาเหน็บแนม เป็นดั่งเสียงลือเสียงเล่าอ้างไม่มีผิด องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเฟิงชางนั้นไร้ความสามารถยิ่งกว่าคนใช้ในตลาดผู้นั้นเสียอีก ดูท่าอาณาจักรเฟิงชางคงจะเหนื่อยไม่น้อย
อ๋องเป่าแสดงสีหน้าโกรธเคือง จ้องมององค์รัชทายาทด้วยสายตาวาวโรจน์
เพียงแต่ตอนนี้อุปราชได้สังหารคนไปแล้ว พวกเขาจะทำสิ่งใดจะพูดอะไรก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพคนเหล่านั้นขึ้นมาได้ และไม่สามารถขอให้อุปราชลงโทษผู้มีความผิดได้ ซึ่งมันจะเป็นการสร้างความแตกแยกของทั้งสองอาณาจักร
ตอนนี้การประลองทั้งสี่อาณาจักรใกล้เข้ามาทุกที และทูตจากทั้งสามอาณาจักรที่เหลือก็เดินทางมาถึงแล้ว ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรอีก กลัวว่ามันจะไม่เอื้อต่ออาณาจักรเฟิงชางของพวกเข้ามากนัก
อ๋องเป่าหันไปพยักหน้าเล็กน้อยกับเย่ฮ่าวถิงที่อยู่ห่างออกไปเพื่อส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มกลับมาในขบวน ถึงอย่างไรตอนนี้ขบวนทั้งหมดของอาณาจักรจิงเหลยก็ยังหยุดอยู่ตรงนี้ ถ้าชายหนุ่มมาตรงนี้ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร
เย่ฮ่าวถิงจ้องเขม็งและกัดฟันแน่น ดวงตาทั้งสองค่อย ๆ แดงขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็หลับตาแน่น และเอ่ยกับทหารอารักขาที่อยู่ข้าง ๆ “นำสองแม่ลูก…ไปจัดพิธีศพให้สมเกียรติ และให้เงินกับครอบครัวของพวกเขาจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการชดเชย”
“ขอรับ” ทหารอารักขาตอบกลับ และรีบให้คนมาหามศพทั้งสองแม่ลูกนั้นออกไป
อวี้ชิงลั่วบนชั้นสองเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันกลับไปกำชับกับเหวินเทียน “เจ้าไปพาพวกเขาขึ้นมา ดูซิว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
เหวินเทียนตกตะลึง หลังจากนั้นจึงพยักหน้าอย่างมีความสุข “ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย หันหน้าไปเอ่ยกับอวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงที่กำมือแน่นและสูดหายใจเข้าลึก “เอาล่ะ ไม่ต้องเป็นกังวล ไม่มีอะไรแล้ว”
อวี้เป่าเอ๋อร์ยังคงรู้สึกหวาดผวา จึงจับมือกับเย่หลานเฉิงและวิ่งไปหาอวี้ชิงลั่ว เด็กหนุ่มดึงแขนเสื้อของหญิงสาวและเอ่ยถามด้วยความกังวล “ท่านพี่ อุปราชผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว คนจากอาณาจักรจิงเหลยจะเป็นเช่นนี้หรือไม่? เช่นนั้น…เช่นนั้นแล้วเมื่อถึงการประลองฝ่ายบู๊ หนานหนานจะเจอคู่ต่อสู้ที่จิตใจเหี้ยมโหดเช่นนี้ไหมขอรับ? ท่านพี่…”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องหนานหนานหรอก เขาพบเจอคนป่าเถื่อนมาไม่น้อย อุปราชผู้นั้นถึงแม้จะป่าเถื่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้คนทั้งหมดจะเป็นเฉกเช่นเขา จะว่าไปแล้วคู่ต่อสู้ของหนานหนานเป็นเพียงเด็กอายุห้าถึงสิบปี เด็กที่อายุเท่านี้ ถ้าจะโหดร้ายก็จะโหดร้ายได้สักเท่าไหร่กัน”
อวี้ชิงลั่วไม่ได้เป็นกังวลต่อหนานหนาน นางกลับกังวลต่อเย่หลานเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
หนานหนานมีกำลังพอที่จะปกป้องตนเอง แต่เย่หลานเฉิงนั้นไม่มี ถึงแม้เด็กน้อยจะเข้าร่วมการแข่งขันฝ่ายบุ๋น แต่ก็อดคิดในเรื่องที่ต้องกระทบกระทั่งกับผู้อื่นไม่ได้
อาณาจักรจิงเหลยนี้…วางใจไม่ได้เอาเสียมาก ๆ
“หลานเฉิง การแข่งขันของเจ้า เจ้าต้องระมัดระวังรู้ไหม?”
เย่หลานเฉิงตกตะลึง หลังจากนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่อวี้ชิงลั่วนั้นต้องการจะสื่อ เด้กน้อยเม้มริมฝีปากและพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ท่านน้าชิง ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะระมัดระวังตัวขอรับ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า หลังจากนั้นจึงมองออกไปทางหน้าต่าง
เมื่อมองไปแล้ว ก็พบเข้ากับหนานหนานที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน เจ้าเด็กคนนี้ มองดูแล้วอารมณ์ดีไม่น้อย ไม่ได้เจอมาหลายวัน ก็ยังปกติดี
หนานหนานที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋นั้นโกรธมาก เด็กน้อยคว้าแขนเสื้อของชายหนุ่ม และเม้มปากกล่าวพึมพำ “อุปราชผู้นั้นเป็นคนเลว เลวมาก มาก ๆ มากที่สุดในมากที่สุด! ท่านพ่อ…”
หนานหนานไม่สบอารมณ์ เขาตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่ตอนนี้ เวลานี้ ตนเกลียดอาณาจักรจิงเหลยที่สุด
สีหน้าของเย่ซิวตู๋ดูเคร่งขรึมมากเช่นกัน เมื่อมองดูสองแม่ลูกที่ถูกหามออกไปอย่างรวดเร็ว แววตาของชายหนุ่มก็เย็นชาขึ้นมา ก่อนจะมองดูอุปราชที่ยืนอยู่หน้าองค์รัชทายาทและค่อย ๆ กำมือแน่น
องค์รัชทายาทยิ้มอย่างประจบประแจง ชายหนุ่มกำชับให้คนรับใช้คุกเข่าลงบนพื้นเพื่อให้อุปราชเหยียบขึ้นไปบนหลังม้า
เย่ฮ่าวถิงอยากประเคนหมัดใส่องค์รัชทายาทสักหมัดสองหมัด สูญเสียประชาชนของตนไปต่อหน้าแท้ ๆ แต่มกุฎราชกุมารหนึ่งเดียวของอาณาจักรกลับกระทำเช่นนี้ต่อหน้าประชาชน ทุกคนจะคิดเช่นไร?
มากไปกว่านั้น ผู้คนของอีกสามอาณาจักรต่างก็ล้วนเฝ้ามองอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้
อ๋องเป่าถอนหายใจเงียบ ๆ ในตอนที่เหลือบไปมององค์รัชทายาทและหันไปมองอุปราชนั้น ชายหนุ่มก็กำมือแน่น
ทว่าอุปราชไม่รับความจริงใจขององค์รัชทายาท ชายหนุ่มแค่นเสียงเยาะเย้ยองค์รัชทายาทที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะถอนหายใจอย่างเย็นชา และหันหลังกลับไปที่รถม้าที่องค์ชายแห่งอาณาจักรจิงเหลยประทับอยู่
“ปลดบังเหียนให้ข้า”
องค์รัชทายาทจึงรีบให้คนไปปลดบังเหียน คนใช้ปลดบังเหียนด้วยอาการสั่นเทา ทำให้รถม้าแยกออกจากม้า
ผู้คนต่างก็ไม่เข้าใจ เพียงแค่มองดูอุปราชจูงม้าออกมาไม่กี่ก้าว ตบมือตนเองขึ้นทันทีด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงต่อยเข้าไปที่ท้องของม้า ตามด้วยชักกระบี่ออกมาฟันเข้าไปที่ส่วนหัวของมัน
………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สองแม่ลูกนั้นมีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้ถ้าผ่านมือชิงลั่วอยู่นะคะ รอลุ้นเลย
อุปราชนี่โตมายังไงถึงยังไม่โดนรุมยำนะ ไม่พอใจใครหรืออะไรคือฆ่าหมด ส่วนองค์รัชทายาทก็คือหมดหวังแล้วจริงๆ เป็นสวะราชสำนักอย่างสมบูรณ์แบบ
ไหหม่า(海馬)