บทที่ 555 จะไม่มีผู้ใดหายไป

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 555 จะไม่มีผู้ใดหายไป

บทที่ 555 จะไม่มีผู้ใดหายไป

ไป๋ชิวหรานชำเลืองมองหลงหลิง …คล้ายจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่

“ข้าเข้าใจถึงความขุ่นเคืองของเจ้า”

เขาตบไหล่ของร่างจำแลงของหงหลิงพร้อมกับยกนิ้วให้อีกฝ่าย

“ไม่ต้องห่วง อยู่กับข้าที่นี่ และข้าจะไม่ปล่อยให้ชาวสรวงสวรรค์ของพวกเจ้าถูกกวาดล้าง อย่างน้อย… พื้นที่ที่ข้าดูแล ก็จะไม่มีผู้คนต้องสูญหาย!”

“บรรพชนกระบี่ย่อมทำตามคำพูด …แน่นอนว่าข้าเชื่อท่าน”

หลงหลิงพยักหน้ารับด้วยแววตาเปล่งประกายความหวัง

“แล้วบรรพชนกระบี่ต้องการดูแลพื้นที่ใดหรือ?”

“พื้นที่ควบคุม!”

ไป๋ชิวหรานตอบโดยไม่ต้องคิด

“พื้นที่ควบคุม?”

หลงหลิงถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ

“มันคือแนวปราการป้องกันไม่ใช่หรือ?”

ก่อนที่จะถอยกลับ เหล่าเซียนรวมโลกวัตถุในความว่างเปล่าเพื่อก่อสร้างค่ายอาคมสังหารนับไม่ถ้วนเชื่อมต่อกันเอาไว้ แม้จะเป็นการยากที่จะสร้างค่ายอาคม แต่เมื่อค้นคว้าเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าค่ายอาคมหลาย ๆ รูปแบบนั้นใช้สังหารพวกมันได้ง่ายดายกว่ามาก

ยิ่งไปกว่านั้นคือค่ายอาคมทั้งหมดเป็นสิ่งที่วิเศษยิ่ง เมื่อแรกเริ่ม …ขั้นของผู้ฝึกตนและพลังปราณที่แท้จริงยังมีไม่มากพอ ดังนั้นค่ายอาคมจึงต้องใช้พลังมากขึ้น แต่หลังจากเหล่าเซียนมาถึงสถานที่แห่งนี้ เซียนทุกคนมีอาจารย์อสูรประจำตัว และพวกเขาสามารถควบแน่นพลังปราณแก่นแท้ เช่นนี้พลังของค่ายอาคมยิ่งเพิ่มสูงขึ้น จะไม่มีการขาดแคลนพลังเกิดขึ้นเด็ดขาด อีกทั้งการก่อตัวของค่ายอาคมก็ยังเล็กลงและอันตรายมากขึ้นด้วย

แต่อย่างไรแล้วการสร้างค่ายอาคมในพื้นที่ขนาดเล็กน้อยก็ยากยิ่งกว่าการสร้างค่ายอาคมในพื้นที่ขนาดใหญ่

ในแดนเซียน ไป๋ชิวหรานเคยเห็นในสวรรค์ของพระราชวังเซียนกลาง สถานที่แห่งนั้นได้รับการสรรสร้างจากปรมาจารย์ค่ายอาคมที่โดดเด่นที่สุดของแดนเซียนกลาง… มันคือค่ายอาคมเก้าสิบเก้าทัณฑ์สายฟ้าหวนคืน

เมื่อสร้างค่ายอาคมนี้ขึ้นจะเกิดลมกรรโชก ท้องฟ้าคำรามรุนแรง สิ่งนั้นทรงพลังเพราะสามารถทำลายแม้กระทั่งเซียนที่อยู่ในขอบเขตมหาสมุทร ไป๋ชิวหรานเคยลองใช้มัน เขารู้สึกว่าปลายนิ้วของเขาชาจนคล้ายจะเป็นอัมพาตชั่วขณะ ซึ่งผลก็คือมันยอดเยี่ยมมาก

มันเปรียบเสมือนการก่อสร้างค่ายอาคมในความว่างเปล่าที่ไร้ขีดจำกัด สำหรับกองทัพเซียนทั้งหมด พวกเขาสร้างมันง่ายดายราวกับกระดิกนิ้ว

แดนเซียนไม่เพียงแต่มีการสร้างโลกวัตถุค่ายอาคมที่สมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังมีการจัดหาพลังปราณแก่นแท้สำหรับค่ายอาคมขั้นสูงอีกด้วย สำหรับเหล่าเซียน การก่อค่ายอาคมสังหารในสนามรบจำเป็นต้องวางป้อมแห่งความว่างเปล่าภายในสถานที่ที่พวกเขากำหนดไว้

ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ แนวปราการป้องกันของชาวสรวงสวรรค์ทั้งหมดจึงถูกเหล่าเซียนสร้างขึ้น และในฐานะบุคคลเพียงคนเดียวในกองทัพสรวงสวรรค์ที่สามารถควบคุมค่ายกลสังหารเหล่านี้ได้ ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์จึงกระจัดกระจายออกไปยืนประจำการในแนวหน้าทุกจุด

“นี่มัน… มากหรือไปหรือไม่?”

หงหลิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของไป๋ชิวหรานน่าเกรงขามและแสนสะพรึง แต่แนวป้องกันของสรวงสวรรค์เป็นป้อมปราการในความว่างเปล่า มีโลกวัตถุนับไม่ถ้วนภายในแนวปราการเหล่านี้ แม้แต่เรือเหาะที่ทันสมัยที่สุดก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อบินจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งนึง

แม้ว่าไป๋ชิวหรานจะรวดเร็วยิ่งกว่าเรือเหาะ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อเข้าสู่สถานที่ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เวลานี้สถานการณ์ภายในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และการเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างแมลงพวกนั้นนับว่าเป็นพรจากพระเจ้าแล้วหากเอาชีวิตรอดมาได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สมควรที่จะรับประกันว่าจะไม่เกิดการตายตกจากการสู้รบในยามนี้

ไป๋ชิวหรานโอ้อวดว่าจะไม่มีผู้ใดถูกทอดทิ้ง… ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้มีโอกาสถึงเก้าในสิบที่เขาจะผิดสัญญา

ในความจริง… ไม่ว่าเขาจะผิดสัญญาหรือไม่นั้นไม่สำคัญเลยสำหรับหงหลิง ในสงครามจะไม่มีคนตายได้อย่างไร? แต่พวกเขาเพียงแค่ห่วงใยว่าไป๋ชิวหรานจะเสียคำพูดและอับอาย แล้วหากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นจริง สุดท้ายแล้วหากไป๋ชิวหรานต้องการรักษาภาพลักษณ์ของตนเอง อีกฝ่ายอาจจะเลือกสังหารผู้ที่ได้ยินคำสัญญานั้นทิ้งเสีย

แต่ไป๋ชิวหรานไพล่มือไว้ด้านหลังก่อนจะกล่าวคำหนักแน่น

“ไม่มีปัญหา ข้าได้รู้เคล็ดลับใหม่ และเมื่อถึงเวลา ผู้ดูแลปราการป้องกันจะกำจัดแมลงเหล่านั้นจนหมดสิ้น พวกเจ้าจงวางใจ”

หลังจากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านั้นไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงจากไปพร้อมกับภรรยาและผู้ติดตามของตนอย่างจื้อเซียน ภายใต้สายตาตื่นตระหนกของหงหลิงที่มองตามแผ่นหลัง

หลังจากที่เขาจากไป หลงหลิงเริ่มพูดคุยกับพรรคพวกของตนเองภายใต้จิตสำนึกของตนเองทันที หลังจากพูดคุยกันเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาจึงสรุปได้ว่า

“อย่างไรแล้ว ข้าควรจะหาที่เก็บจิตสำนึกไว้สำรองดีหรือไม่?”

  

หลังจากจัดตั้งแนวป้องกันภายในระบอบสรวงสวรรค์แล้ว มันจึงสามารถป้องกันสิ่งอันตรายในความว่างเปล่าได้อยู่นานหลายปี ในที่สุดวันหนึ่งในอีกสี่ปีต่อมา เรือเหาะลาดตระเวนของสรวงสวรรค์ที่ลาดตระเวนอยู่ด้านนอกของแนวป้องกันเพื่อฟังข่าวก็ถูกส่งตัวกลับมาพร้อมกับข้อความสุดท้าย ก่อนที่มันจะทำลายตัวเอง

“พวกมันมาแล้ว”

สามวันต่อมา… ภายในแนวป้องกัน เงาอันน่าสะพรึงของแมลงห้วงแห่งความว่างเปล่าพลันปรากฏขึ้นในหอคอยสังเกตการณ์ของกองทัพสรวงสวรรค์

แมลงเหล่านี้น่าจะกลืนกินโลกวัตถุต่าง ๆ ไปตลอดทางของสายธารแห่งความว่างเปล่า เมื่อเทียบกับตอนที่ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ได้เห็นมันที่โลกวัตถุชายแดนเมื่อสี่ปีที่แล้ว รูปลักษณ์ของแมลงเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปมาก

กระดองบนหลังของพวกมันหนาเตอะ ทั้งยังมีกรงเล็บจำนวนมากบนขาคู่หน้า อีกทั้งยังมีหยดพิษสีเขียวล้นออกมา ร่างกายสูงใหญ่ทั้งยังแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

ไม่รู้ว่ามีกี่โลกวัตถุที่ถูกแมลงเหล่านี้กลืนกินไป…

อย่างไรก็ตาม …ความปรารถนาของแมลงเหล่านี้ยังไม่จบสิ้นราวกับไม่มีวันถูกเติมเต็มได้ พวกมันไม่มีจุดสิ้นสุดของความปรารถนา หลังจากกลืนกินโลกวัตถุไปแล้วมากมาย พวกมันยังไม่พอใจและยังมุ่งหน้ามาสู่ดินแดนปกครองระบบสรวงสวรรค์

มันเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้มีอาหารอันโอชะที่เอร็ดอร่อยกว่าในทุกโลกวัตถุที่ผ่านมา เพราะพวกมันสัมผัสถึงความรู้สึกที่ยากอธิบาย แต่ขอเพียงได้กลืนสิ่งเหล่านี้ลงไป เผ่าพันธุ์ของพวกมันจะวิวัฒนาการไปสู่จุดสูงสุดแน่นอน!

และเบื้องหลังอาหารอันโอชะนี้ยังมีจานหลักที่หาพบได้ยากยิ่งในความว่างเปล่าทั้งหมด หากสามารถกลืนมันลงท้องได้ แม้แต่สัตว์ร้ายที่พวกมันเกรงกลัวมาตลอด ทุกสรรพสิ่งจะต้องกลายเป็นเหยื่อของพวกมันโดยสมบูรณ์

เมื่อถึงเวลานั้น แมลงห้วงแห่งความว่างเปล่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารทั้งหมดอย่างแท้จริง!

ท่ามกลางพายุพลังงานในสายธารแห่งความว่างเปล่า แมลงนับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้าสู่แนวปราการป้องกันของสรวงสวรรค์ ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างประหลาดและพวกมันไม่อาจเข้าใจความซับซ้อนนี้

เมื่อแมลงกลุ่มแรกเข้าสู่ระยะการโจมตีของค่ายกลสังหาร คำสั่งจากศูนย์กลางของระบอบสรวงสวรรค์ส่งต่อไปยังกองกำลังทหารทั้งหมดในแนวปราการนี้ทันที

ท่ามกลางความว่างเปล่ายิ่งใหญ่ ทันใดนั้นค่ายอาคมยักษ์ก็พลันปรากฏ มันแผ่ขยายออกราวกับดอกไม้ผลิบาน รูปแบบหลากสีสันสวยงาม และยังครอบคลุมแนวปราการที่ยาวเหยียดนี้โดยสมบูรณ์

ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากค่ายอาคมสังหารเหล่านี้ แม้สีสันจะงดงามแต่กลับเผยความอันตรายน่าสะพรึง พวกมันพุ่งเข้าหากลุ่มของแมลง เจาะทะลุกระดองที่แข็งแกร่งอย่างง่ายดาย ก่อนจะแผดเผาแมลงเหล่านั้น บ้างก็ถูกแช่แข็ง บ้างก็กลายเป็นอัมพาต หรือบางตัวยังถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ในไม่กี่ถ้วยชา กลุ่มแมลงชุดแรกก็ถูกกำจัดออกหมดสิ้น จนกลายเป็นเศษขยะล่องลอยอยู่ในห้วงแห่งความว่างเปล่า และไม่นานหลังจากนั้น… มันก็กลับกลายเป็นกระแสพลังให้กับสายธารแห่งความว่างเปล่า

ทว่าสำหรับการสูญเสียเพียงเท่านี้ สำหรับเหล่าแมลงแล้ว… พวกมันไม่นับว่าตนพ่ายแพ้!