ตอนที่ 417 เข้าถ้ำเมฆไฟครั้งแรก และจิ้

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 417 เข้าถ้ำเมฆไฟครั้งแรก และจิ้งจอกหิมะสงสัยถึงความรู้สึกที่แท้จริงของนาง (1)

ดวงตาของจิ้งจอกสาวยังคงเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อออกจากสำนักตู้เซียน

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ด้านหลังของจิ้งจอกพลางพิจารณาถึงผลที่ตามมาของเหตุการณ์นี้อย่างรอบด้านในใจ และคิดว่าเขาจะทำอะไรได้อีก

หากไม่ตัดกรรมเช่นนั้นในยามที่ยังทำได้ เมื่อถึงคราว มันย่อมจะนำภัยมาให้และสร้างปัญหาจนชีวิตน้อยๆ ต้องจบลงด้วยความระทมทุกข์ในกาลข้างหน้าอย่างแน่นอน

ใช่ ข้าควรตัดกรรมของข้ากับจิ้งจอก แม้วิธีการของข้าออกจะรุนแรงไปสักหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไป

เผ่าชิงชิว…

ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วได้เห็นบันทึกในตำราโบราณว่าเผ่านี้มีชื่อเสียงทีเดียวมาตั้งแต่สมัยโบราณ

พวกเขาเป็นเผ่าปีศาจที่เพ้อฝันเรื่องรักใคร่ พวกเขาเพียงแค่ต้องการเขียนเรื่องราวความรักที่ซาบซึ้งกินใจและไม่ต่อสู้หรือแข่งขันกันเอง

แน่นอนว่า ตรงนี้เป็นเพราะ… มีผู้ทรงพลังมหาศาลอยู่มากมายในโลกบรรพกาล ทว่ามีเพียงผู้พเนจรท่องหล้าเท่านั้นที่จะฝากนามของพวกเขาเอาไว้

เผ่าชิงชิวไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับปีศาจทั้งสามในสุสานเซวียนหยวน มีปีศาจจิ้งจอกมากมายในโลกนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะพบเจอมันง่ายๆ เช่นนั้น

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและนึกถึงปัญหาที่เขาเคยคิดมาก่อนหน้านี้

สุสานเซวียนหยวน เป็นสุสานที่ลูกหลานของจักรพรรดิหวงเซวียนหยวนสร้างขึ้นมา เมื่อจักรพรรดิหวงเซวียนหยวนกลับไปที่ถ้ำเมฆไฟ ครั้งหนึ่งมันเคยถูกเผ่าปีศาจเข้ายึดครองในช่วงเกิดมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

ตามเรื่องราวของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพที่หลี่ฉางโซ่วรู้มา เมื่อมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพเริ่มขึ้น เทพีหนี่วาไม่พอใจตี้ซินแห่งราชวงศ์ซาง จึงใช้ธวัชผนึกปีศาจเรียกปีศาจทั้งหมดมา

และในที่สุด นางก็เลือกสามปีศาจในสุสานเซวียนหยวนคือ ปีศาจ จิ้งจอกเก้าหาง วิญญาณผีผา และวิญญาณไก่ฟ้าเก้าหัว เพื่อให้ตี้ซินไขว้เขวจนพลังแตกซ่านและเร่งให้อาณาจักรซางล่มสลายเร็วขึ้น

ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางได้ยึดครองร่างของซูต๋าจี่ ธิดาของโหวซู แห่งจี้โจว นางได้สร้างเรื่องราวความรักที่โด่งดังสุดๆ ในประวัติศาสตร์กับตี้ซิน ซึ่งเป็น ‘นางสนมสุดโปรดเพียงคนเดียวในวังหลัง’… แค่กๆ พวกเขาได้นำหายนะมาสู่เหล่า “เสนาบดีที่ดี” จำนวนมากในอาณาจักรซางและทิ้งความอับยศไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้ข้างหลังในอนาคต!

แล้วจิ้งจอกเก้าหางในเรื่องมีนามใดกัน?

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

คิดเรื่องนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ แม้เขาจะพบปีศาจจิ้งจอกเก้าหางก่อนล่วงหน้า เขาก็ทำอะไรไม่ได้ และจะไม่ทำอะไรด้วย มันไม่ใช่เรื่องของเขา

ข้าควรคิดถึงว่า ควรจะสื่อสารกับผู้ยิ่งใหญ่อย่างไรเมื่อได้พบกับปราชญ์บรรพชนเผ่ามนุษย์ในถ้ำเมฆไฟหลังจากนี้ และข้ายังต้องถามถึงที่อยู่ของเหรียญทองแดงลั่วเป่าอีกด้วย

จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ร่างหลัก’ ของหลี่ฉางโซ่วก็ยืนอยู่หน้าประตูสำนักและเฝ้าดูเหล่าปีศาจบินจากไป

บนยอดเขาหยกน้อย ในขณะนั้น บรรดาเซียนของสำนักตู้เซียนก็ได้แยกย้ายกันไปแล้ว และคาดว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็ย่อมจะเกิดความขัดแย้งระหว่างคู่บำเพ็ญเต๋าในสำนัก

เพื่อทำให้รักษาบรรยากาศในสำนักให้มีเสถียรภาพ หลี่ฉางโซ่วจึงส่งข้อความเสียงไปหาจิ่วอู แล้วขอให้เขากระจายข่าวภายในสำนักอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างเช่น…

หากคู่บำเพ็ญเต๋าอาวุโสในสำนักต้องเผชิญกับคำถามเช่น “ตอนนั้น เจ้าแต่งงานกับข้าเพราะความเหงาในการฝึกบำเพ็ญหรือไม่” พวกเขาก็เพียงแค่ใช้คำตอบในรูปแบบเดียวกันได้

“ข้า เมื่อเจ้าและข้าแยกห่างจากกัน ข้าไม่ได้คิดถึงเจ้าเพราะฉันเหงา แต่เข้รู้สึกเหงาเพียงเพราะคิดถึงเจ้าเท่านั้น”

หลี่ฉางโซ่วไม่อาจรับรองว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่ก็ยังดีกว่าอึกอัก ลังเลและไม่รู้ว่าจะจัดการกับคำถามเหล่านั้นอย่างไร…

ในกระท่อมมุงจาก เจียงหลินเอ๋อร์ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของ ‘ฉีหยวน’ และถกถึงเรื่องคำถามของ ‘ความเหงาหรือความรัก’ กับจิ่วอู จิ่วซือ และจิ่วจิ่วอยู่สักพักหนึ่ง

สุดท้าย เจียงหลินเอ๋อร์ก็กลัวว่า หลี่ฉางโซ่วจะเปิดเผยตัวเอง นางจึงบอกให้ฉีหยวนกลับไปสงบสติอารมณ์ และหลังจากคิดถึงเรื่องนี้สองสามชั่วยาม นางก็ออกจากยอดเขาหยกน้อยไปกับเหล่าจิ่วเซียน

หลี่ฉางโซ่วเปิดค่ายกลใหญ่แยกตัวชั้นนอกและถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางนั่งลงบนเบาะทำสมาธิในขณะที่หลิงเอ๋อร์ซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ครุ่นคิดเล็กน้อยและพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าสวยของนางเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

ไฉนนางถึงเห็นสีหน้าท่าทางของศิษย์พี่มีบนใบหน้าของอาจารย์ของนางบ่อยๆ?

หลี่ฉางโซ่วกวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจดูสภาพแวดล้อมและสัมผัสด้วยสัมผัสวิญญาณรับรู้อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็คืนกลับร่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาให้กลับเป็นรูปแบบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของมัน แล้วตะโกนว่า “ช่วยพี่ชาย เอาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวนี้ไปเก็บด้วย”

หลิงเอ๋อร์กะพริบตาพลางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง บัดนี้ นางเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

“ศิษย์พี่ ท่านช่วยอาจารย์ปฏิเสธภรรยาแสนงามเช่นนี้ ท่านอาจารย์จะไม่ตำหนิท่านหรือ? จิ้งจอกสาวตัวนั้นก็หลงใหลเขามากอีกด้วย!”

เสียงของหลี่ฉางโซ่วดังขึ้นมาจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ว่า “เหลวไหล เจ้าจะเรียกนางว่าอาจารย์หญิงได้อย่างไร? กรรมนี้มากเท่าใด? อาจารย์ไม่เคยเห็นนางมาก่อน! คัดลอกพระสูตรมั่นคงสามร้อยจบ”

“โอ้” หลิงเอ๋อร์ทำหน้าบูดแล้วรีบเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปใส่ลงไว้ในถุงที่แขนเสื้อของนาง

ทันทีที่นางเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็บินกลับจากประตูสำนักไปที่ยอดเขาหยกน้อย

หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆแล้วร่อนลงหยุดตรงที่หน้ากระท่อมมุงจากของหลิงเอ๋อร์ เขานั่งลงบนเก้าอี้กลมตัวพิเศษของเขา แล้วคิดถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

นี่ก็เป็นเรื่องของคนคำนวณมิอาจสู้ฟ้าลิขิต…

“ศิษย์พี่…”

หลิงเอ๋อร์ขยับศีรษะเล็กๆ ของนางมาจากด้านข้าง ในขณะนั้น ใบหน้างดงามของนางดูเคร่งขรึมและอยู่ห่างจากใบหน้าของหลี่ฉางโซ่วไปไม่ถึงหนึ่งฉื่อ

“หือ?”

ใบหน้างดงามของหลิงเอ๋อร์ขึ้นสีแดงระเรื่อพลางกล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่เหงาแม้สักน้อยเลย! ข้าจะคัดลอกพระสูตรมากกว่าสามร้อยจบ รวมแล้วข้าจะคัดลอกพระสูตรหกร้อยจบ ศิษย์น้องหญิงผู้นี้จะรับไปเอง!” จากนั้นนางก็ยิ้มกริ่มพลางมองศิษย์พี่ของนางอย่างยั่วยุ

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

เขาไม่ได้จัดการนางหนักๆ มาสามปีแล้ว นางจึงสบายใจอยู่ได้เช่นนี้!

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ดึงข่ายอาคมพลังเซียนที่อยู่รอบๆ กระท่อมมุงจากของอาจารย์ของเขากลับมา แล้วประตูกระท่อมมุงจากก็ถูกดึงเปิดออกอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้น สตรีสาวงดงามผู้หนึ่งก็พุ่งออกมาพร้อมด้วยแส้หางม้าในมือ แล้ววระเบิดเสียงตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลว่า เจ้าคนใจคด จงมาหาอาจารย์เดี๋ยวนี้

หลี่ฉางโซ่วรีบชี้ไปที่อาจารย์ของเขาอย่างรวดเร็วแล้วเปิดใช้ค่ายกลแยกตัวหลายชั้นที่เพิ่มเข้ามาหลังจากการบูรณะยอดเขาหยกน้อยใหม่อย่างง่ายดาย

แล้วพร้อมด้วยเสียงดัง “ปึ้ง” ทันใดนั้น สตรีสาวสวยก็กลายร่างมาอยู่ในรูปลักษณ์ของฉีหยวนที่โกรธจัดจนเคราสั่นพลางชูแส้หางม้าขึ้นแล้วรีบพุ่งออกไปตรงหน้า หลี่ฉางโซ่ว ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ดึงหลิงเอ๋อร์เข้ามาอย่างคล่องแคล่วและ… ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังศิษย์น้องหญิงของเขา

“ท่านอาจารย์ ศิษย์ผู้นี้จัดการเรื่องนั้นให้เรียบร้อยแล้วขอรับ!”

“เจ้าจัดการอะไร?” ฉีหยวนถลึงตาจ้องมองและตวาดว่า “อย่าให้มอบหัวใจให้ความเหงาหรือ? เจ้าไปเรียนรู้ตรรกะเพี้ยนๆ เหล่านี้มาจากที่ใดกัน!?!”

“ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะท่านอาจารย์สั่งสอนศิษย์มาอย่างดีขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะและรีบกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์แค่จัดการกับต้นตอของปัญหาและทำลายความคิดของนางเสียเท่านั้น”

ฉีหยวนกล่าวอย่างโมโหว่า “หากเจ้าทำสิ่งใดผิด ก็เพียงยอมรับมัน ชี้แจงให้นางกระจ่างและชดเชยให้นางสักหน่อยไม่ได้หรือ?”

“ท่านอาจารย์ เรื่องนี้ไม่อาจจัดการได้ด้วยการชดเชย มันรังแต่จะทำให้เรื่องยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น ศิษย์ก็ไม่ได้ทำอะไรนาง ไม่มีสิ่งใดต้องขอโทษนาง นางเพียงคิดมากเกินไป… ท่านอาจารย์ อย่ามีโทสะเลย มันจะทำร้ายตับของท่าน แค่กๆ ฐานเต๋าของท่าน มันจะทำร้ายฐานเต๋าของท่านนะขอรับ”

“วันนี้ นักพรตเต๋าเฒ่าเช่นข้าจะทำ!”

ฉีหยวนยกแส้หางม้าขึ้นเพื่อจะตีหลี่ฉางโซ่ว หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลิงเอ๋อร์เป็นแกนกลางขวางกั้นแล้วคอยหลบโดยใช้วิธีจักรพรรดิฉินวนรอบเสาจนหลิงเอ๋อร์หัวเราะออกมาไม่หยุด

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงจิ๋วอวี่ซือ และสงหลิงลี่ที่อยู่ในกระท่อมมุงจากข้างๆ เขาคิดในใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจยื่นมือช่วยอาจารย์ของเขา

“วะฮะฮ่า!”

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ซอยเท้าถี่แล้วไปทรุดตัวลงที่ด้านนอกประตูทันที

นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนก็ยกแส้หางม้าขึ้นแล้วรีบพุ่งตัวออกไปข้างหน้า จากนั้นก็ฟาดบันท้ายของหลี่ฉางโซ่วที่เขาเคยฟาดมาตั้งแต่หลี่ฉางโซ่วยังเยาว์วัย

เขายังสั่งสอนอีกว่า “เจ้าต้องซื่อตรงและมีเมตตา! ข้าสั่งสอนเจ้าอย่างไร!?!”

หลิงเอ๋อร์ปิดปากหัวเราะ จากที่นางสังเกตดู ศิษย์พี่ยังคงเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ดังนั้น แน่นอนว่า นางย่อมไม่รู้สึกทุกข์ใจใดๆ แต่แล้วหลิงเอ๋อร์ก็ยังนึกถึงอาจารย์อาเล็กอวี่ซือที่มาที่ทะเลสาบกับนางด้วย แล้วนางก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที

ทันใดนั้น นางก็กระแอมไอออกมาก่อนจะกระโจนออกไปข้างหน้าแล้วกางมือออกเพื่อเผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวน

“ท่านอาจารย์ หากอยากตีข้า ก็ตีเลยเจ้าค่ะ!”

บัดนั้น ฉีหยวนก็ไม่อาจฟาดแส้หางม้าที่เขาถืออยู่นั้นลงไปได้ เขาชะงักงัน นิ่งไปหนึ่งหรือสองอึดใจก่อนจะทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น

“เฮ้อ! ช่างเถิด!

ฉางโซ่ว เจ้าต้องจำไว้ว่าต่อให้เจ้าเก่งกาจสามารถเพียงใด ก็ไม่อาจหยิ่งผยองได้ ไม่ว่าพลังเวทของเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด เจ้าก็ไม่อาจลำพองใจได้เช่นกัน! และเผ่าปีศาจก็โหดร้ายอีกด้วย จงอย่าไปยุ่งกับพวกมันมากนัก!”

เพียะ!

………………………………………………………………..