ตอนที่ 1081 เสียงร้องแห่งความสิ้นหวัง (3) ตอนที่ 1082 เสียงร้องแห่งความสิ้นหวัง (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1081 เสียงร้องแห่งความสิ้นหวัง (3) / ตอนที่ 1082 เสียงร้องแห่งความสิ้นหวัง (4)
ตอนที่ 1081 เสียงร้องแห่งความสิ้นหวัง (3)

ศิษย์เกือบทุกคนของตึกเพลิงพิโรธต่างรู้สึกผิดอยู่ในใจเมื่อเห็นจวินอู๋เสีย พวกเขาพยายามซ่อนอาวุธที่ถืออยู่ในมือไว้ด้านหลัง และไม่สามารถมองสบตาจวินอู๋เสียตรงๆ ได้

สยงป้ากับชิงอวี่เงยหน้าขึ้นและหันไปมองจวินอู๋เสียอย่างตกใจ

เพียงมองแวบแรกก็ทำให้พวกเขาใจหายวาบแล้ว!

พวกเขารู้ว่าจวินอู๋เสียมีนิสัยเย็นชา แต่สายตาที่อีกฝ่ายมองพวกเขาก็ไม่เคยมีความเป็นศัตรูอยู่เลย ถึงจะไม่ทำให้รู้สึกสนิทสนมใกล้ชิด แต่ก็ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าจวินอู๋เสียห่างเหินหรือใจดำ

แต่ครั้งนี้!

พวกเขาเห็นความเป็นศัตรูอย่างรุนแรงในแววตาของจวินอู๋เสีย ความเย็นยะเยือกนั้นทำให้หนาวเหน็บไปทั้งร่าง

พวกเขาไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นจากจวินอู๋เสียมาก่อนเลย…

ตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้รู้ว่า นิสัยเย็นชาที่แท้จริงของจวินอู๋เสียนั้นไม่เหมือนสิ่งที่อีกฝ่ายเคยแสดงออกให้พวกเขาได้เห็นเลย ความรู้สึกสิ้นหวังคืบคลานเข้ามาในใจของคนทั้งสอง พวกเขาแทบจะแน่ใจตั้งแต่ตอนที่จวินอู๋เสียก้าวเข้ามาในตึกเพลิงพิโรธแล้วว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างพวกเขากับจวินอู๋เสียได้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีทางกลับคืนมาได้อีก!

“จวินเสีย…ท่าน…ท่านให้ข้าได้อธิบาย” สยงป้าพูดกับจวินอู๋เสียด้วยเสียงสั่นๆ

แต่จวินอู๋เสียกลับหันไปมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นสายตาของอีกฝ่ายก็มองผ่านสยงป้าไปยังชวีเหวินเฮ่า

ทันทีที่ชวีเหวินเฮ่าเห็นจวินอู๋เสีย เขาก็สะดุ้งและตกใจเป็นอย่างมาก จากที่เขาคาดไว้ กว่าที่จวินอู๋เสียจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและกลับมาที่ตึกเพลิงพิโรธ ก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งหรือสองชั่วยาม เขาไม่คิดว่าจวินอู๋เสียจะกลับมาที่นี่เร็วขนาดนี้!

สายตาที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บคู่นั้นทำให้ชวีเหวินเฮ่าที่อ่อนแรงอยู่แล้วรู้สึกหมดแรงเข้าไปอีก ถ้าชิงอวี่ไม่ได้ช่วยพยุงเขาอยู่ข้างๆ เขาก็คงไม่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยซ้ำ

เมื่อจวินอู๋เสียมองไปที่ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณที่ชวีเหวินเฮ่าถืออยู่ สายตาเย็นเยียบของนางก็ลุกวาบขึ้นทันที

“มานี่” จวินอู๋เสียไม่มองไปที่ชวีเหวินเฮ่าหรือคนอื่นๆ อีก แต่เงยหน้าขึ้นมองไปยังกระต่ายโลหิตที่ถูกล้อมโจมตีอย่างหนัก มันทั้งตื่นตระหนกและเจ็บปวด

แววตามุ่งร้ายของเจ้ากระต่ายโลหิตหายไปทันทีเมื่อเห็นจวินอู๋เสีย มันมองศิษย์ของตึกเพลิงพิโรธที่อยู่ด้านล่างอย่างระวังก่อนจะกระโดดลงมาทำให้เกิดเส้นโค้งสีแดงโลหิตขึ้นกลางอากาศ มันลงมาอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียในชั่วพริบตา และตลอดเวลานั้นมันไม่ได้ปล่อยใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะออกจากปากเลย

จวินอู๋เสียรับทั้งเจ้ากระต่ายโลหิตและใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น

จวินอู๋เย่าที่อยู่ข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับดีดนิ้วครั้งหนึ่ง เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังคนทั้งคู่ทันที

“ปล่อยให้เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยจัดการพวกนั้นเถอะ” จวินอู๋เย่าพูดพร้อมกับมองจวินอู๋เสีย เขาเห็นความโกรธและความต้องการฆ่าที่นางพยายามจะสะกดเอาไว้อย่างเต็มที่ในดวงตาใสกระจ่างเย็นชาคู่นั้น

จวินอู๋เสียไม่ขยับ เนื่องจากนางรู้สึกว่าบาดแผลหลายแห่งบนตัวเจ้ากระต่ายโลหิตเปิดออก บาดแผลที่เจ้ากระต่ายโลหิตได้มาก่อนพลังจะตื่นยังไม่หายดี แม้ว่าพลังของมันจะตื่นขึ้นแล้ว แต่สถานะสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติของมันยังไม่มั่นคงนัก มันยังไม่โตเต็มวัยและยังไม่เป็นกระต่ายโลหิตแบบเต็มตัว ดังนั้นบาดแผลของมันจึงหายช้า และเพื่อปกป้องใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจึงทำให้บาดแผลหลายแห่งที่ยังไม่หายดีแยกออกอีกครั้ง โลหิตสีแดงที่เปื้อนขนมันไม่ใช่แค่โลหิตจากศัตรูเท่านั้น แต่บางส่วนเป็นโลหิตของมันเองด้วย!

“ปู้” กระต่ายโลหิตวางใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่มันคาบไว้ลงในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียแล้วเงยหน้ามองจวินอู๋เสียอย่างกังวล

ตอนที่ 1082 เสียงร้องแห่งความสิ้นหวัง (4)

จวินอู๋เสียมองเข้าไปในดวงตาสีแดงโลหิตของเจ้ากระต่ายโลหิตและเห็นความหวาดกลัวและอับจนหนทางอยู่ในแววตาของมัน เจ้ากระต่ายโลหิตใช้จมูกดันใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะให้เข้าไปในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียมากขึ้น

แต่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะหมดสติไม่รู้สึกตัวและไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อย

จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่บรรยากาศรอบตัวนางแปลกไปอย่างมาก ทำให้คนไม่กล้าก้าวเข้าใกล้เลย

สยงป้ามองจวินอู๋เสียที่ให้ความรู้สึกแปลกไปไม่คุ้นเคยแล้วกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

“จวินเสีย…ให้ข้าอธิบายก่อน…เรื่องนี้…ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด” พอสยงป้าเอ่ยปากพูด เขาก็รู้สึกว่ามือของเขาเริ่มสั่น

จวินอู๋เสียในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวมาก

“พูดมา” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาของนางตอนนี้ดูสงบนิ่ง แต่ไม่รู้ทำไมสยงป้ากับทุกคนที่นั่นถึงได้รู้สึกหวาดกลัวตื่นตระหนกมากกว่าเดิม

จวินอู๋เสียดูเย็นชาและสงบนิ่งอย่างที่เคยเป็นอยู่ตลอด แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก

สยงป้าพยายามนึกคำพูดแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

เหตุการณ์นี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพวกเขาก็เป็นฝ่ายผิด…

แม้ว่าพวกเขาจะมีเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกจนต้องทำเช่นนี้ แต่…มันเกี่ยวอะไรกับจวินอู๋เสียด้วยเล่า จวินอู๋เสียมาที่เมืองพันอสูรก็เพื่อช่วยเหลือพวกเขาแต่สิ่งที่พวกเขาทำนี่เล่า พวกเขาเลือกที่จะเสียสละสัตว์วิญญาณของจวินอู๋เสียเพื่อช่วยคนของพวกเขาเองคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ พวกเขาเป็นฝ่ายผิดสัญญา ทรยศความไว้ใจและละทิ้งคุณธรรม…

คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขา สยงป้าพบว่าตัวเองไม่สามารถพูดมันออกไปได้

เขาไม่สามารถพูดคำพูดพวกนั้นออกไปได้ และไม่กล้าพูดด้วย…

สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นฝ่ายทำให้จวินอู๋เสียผิดหวัง

จวินอู๋เสียมองสยงป้าอย่างเย็นชา และจวินอู๋เย่าที่อยู่ข้างๆ นางก็ไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าด้านข้างของจวินอู๋เสียเลย ดูราวกับว่าถ้าจวินอู๋เสียแค่เลิกคิ้วขึ้นข้างเดียว เขาก็จะล้างตึกเพลิงพิโรธทั้งตึกด้วยโลหิตในทันที!

สยงป้าพูดไม่ออก และชิงอวี่ก็ละอายเกินกว่าจะเอ่ยปากพูด สำหรับพวกเขาสองคน สิ่งที่พวกเขาทำลงไปนั้นต่ำช้าเกินกว่าจะพูดออกมาได้!

ชวีเหวินเฮ่ามองไปที่จวินอู๋เสียแล้วเดินออกมาจากกลุ่มคน เขาคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสียต่อหน้าต่อตาทุกคนโดยไม่สนความเจ็บปวดที่แขน พร้อมกับมองจวินอู๋เสียอย่างวิงวอน

“คุณชายจวิน! ข้ารู้ว่าท่านเป็นบุคคลพิเศษที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ เหตุการณ์ในวันนี้เริ่มจากข้าเอง ข้ารู้ว่าข้าไม่คู่ควรแม้แต่จะขอให้ท่านอภัยให้ แต่ข้าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องขอวิงวอนท่าน ส่งสัตว์วิญญาณของท่านมาให้ข้าเถอะ! ชวีซินรุ่ย…ชวีซินรุ่ยจับตัวหลิงเย่ว์ไป นางขู่ข้า…ให้ใช้ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณขโมยสัตว์วิญญาณจากท่าน ถ้าข้าไม่ทำตามที่นางสั่ง นางจะฆ่าหลิงเย่ว์! คุณชายจวิน! ข้ารู้ว่าคนเลวอย่างข้า คนที่ทรยศความไว้ใจของท่าน คนที่ผิดคำพูดของตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเจรจากับท่าน แต่ข้ามีแค่หลิงเย่ว์เป็นบุตรีเพียงคนเดียว นางเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าขอร้อง ส่งสัตว์วิญญาณของท่านให้กับข้า ให้ข้าได้ช่วยบุตรีของข้า ตราบใดที่หลิงเย่ว์กลับมาได้อย่างปลอดภัย ชีวิตของข้าจะเป็นของท่าน จะรับใช้ท่านทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ!”

เจ้าเมืองแห่งเมืองพันอสูรคุกเข่าลงคร่ำครวญและอ้อนวอนตรงหน้าจวินอู๋เสีย

เขาได้ทรยศความไว้ใจของจวินเสียและละทิ้งคุณธรรม แถมเขายังตอบแทนความมีน้ำใจด้วยการหลอกลวง ไม่ใช่เพราะเขาชั่วช้าหรือคิดร้าย แต่เพราะสิ่งเดียวที่เป็นโลกทั้งใบของเขา บุตรีของเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมจำนนต่อพวกเขา จำใจทำเรื่องสกปรกที่แม้แต่ตัวเองยังรังเกียจ!

เขาเหลือบุตรีอยู่เพียงคนเดียว เขายอมทิ้งทุกอย่างได้ ตราบใดที่สามารถทำให้บุตรีของเขากลับมาอย่างปลอดภัย ไม่มีสิ่งใดที่เขาจะไม่ยอมทำ!