ตอนที่ 291 โลหิตซ่านกระเซ็น
ตอนที่ 291 โลหิตซ่านกระเซ็น
“ฉึบ…” ผู้คนทั้งหมดต่างก็ตกใจจนใบหน้าซีดเซียวจากการกระทำของอุปราช
ตอนนี้เขานั้นตัดหัวม้าต่อหน้าประชาชนทั้งหมด บางคนที่มีจิตใจอ่อนไหวก็ตื่นตกใจจนหมดสติไป
โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นั้นโดนเลือดจากปลายกระบี่กระเซ็นใส่ใบหน้า กลิ่นโลหิตเหม็นคาวคลุ้งจนทำให้ตาเหลือก
เสียงร้องของม้าหลวงตัวนั้นยังไม่ทันจะสิ้นสุดลง มันก็ได้ล้มลงไปกองบนพื้นเสียงดัง ฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่ว และศีรษะของมันก็ได้หายไปแล้ว
อุปราชหัวเราะเย็นชา และโยนศีรษะม้าตัวนั้นลงแทบเท้าขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทกรีดร้องด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดเผือดและถอยซวนเซไปเรื่อย ๆ จนอีกเพียงนิดเดียวบั้นท้ายของเขาก็จะกระแทกกองลงไปบนพื้นแล้ว โชคดีที่องค์ชายเจ็ดที่อยู่ด้านหลังได้ผลักเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและคว้าเสื้อของเขาเอาไว้ เพื่อที่ไม่ให้ขาอันอ่อนแรงทั้งคู่ของเขาทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้นจนเป็นที่อับอายขายขี้หน้าประชาชี
ท่านอ๋องเป่านั้นถอนหายใจออกด้วยความเย็นชา เพียงแต่รีมฝีปากที่ซีดเซียวเผยให้เห็นว่าหัวใจของเขาเต้นแรงเพียงใด
เย่ฮ่าวถิงกลับเป็นคนที่สงบนิ่งที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ชายหนุ่มมองดูม้าที่ไร้ซึ่งลมหายใจด้วยสายตาที่เย็นชา และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ท่านอุปราชทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“หึ ม้าตัวนี้นั้นได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษเพื่อปกป้องนายของมัน แต่ตอนนี้กลับตกใจกลัวเด็กตัวเล็ก ๆ จนพยศ อีกนิดเดียวก็เกือบจะทำร้ายนายท่านที่อยู่ในรถม้าแล้ว ม้าที่ใช้ไม่ได้ เหตุใดจึงไม่สมควรตาย?” อุปราชเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา เพียงสายตาจ้องมองไปยังกระบี่ที่อาบไปด้วยเลือดสีแดงสด แววตาทั้งสองก็ฉายแววกระหายเลือดขึ้นมา
ดูเหมือนว่าการเห็นโลหิตสดใหม่ จะทำให้อุปราชหนุ่มอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
เย่ฮ่าวถิงหัวเราะเย็นชา “ท่านอุปราชต้องการจัดการม้าตัวนี้ เหตุใดจึงไม่จัดการที่เรือนรับรองเล่า จำเป็นต้องลงมือใหญ่โตบนถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยผู้คนเช่นนี้ด้วยหรือ?
อุปราชเหลือบมองชายหนุ่ม เขานั้นมีความประทับใจในตัวองค์ชายเจ็ดเป็นอย่างมาก ดีกว่าองค์รัชทายาทที่ไร้ความสามารถผู้นั้นมากเสียอีก
เพียงแต่องค์ชายเจ็นนั้นยังขาดประสบการณ์ไปหน่อย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ก็ยังไม่คู่ควรที่จะอยู่ในสายตาของอุปราชหนุ่ม
“แน่นอนว่าทำความผิด ก็ต้องจัดการต่อหน้าประชาชน ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นเยี่ยงอย่างให้กับผู้อื่นได้อย่างไร ข้าต้องการให้ม้าที่อยู่บริเวณด้านหลังเหล่านั้นดูว่าหากไม่สามารถปกป้องนายจนวินาทีสุดท้ายก็ต้องถูกตัดหัวเช่นนี้ องค์ชายเจ็ดมีความคิดเห็นอะไรกับวิธีการจัดการของข้าหรือไม่?”
อุปราชส่งกระบี่ให้กับราชองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ ชายผู้นั้นก็นำผ้าออกมาและค่อย ๆ เช็ดเลือดบนกระบี่ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จนกระทั่งเปลี่ยนผ้าไปแล้วถึงสามผืน ถึงจะเช็ดกระบี่ให้สะอาดจนไม่มีเลือดหยดลงมาแม้แต่หยดเดียว ไม่ว่าจะเป็นตรงด้ามหรือตรงคมกระบี่ ก่อนที่ราชองครักษ์ผู้นั้นจะใช้มือทั้งสองยื่นกระบี่คืนด้วยความเคารพ
อุปราชเก็บกระบี่กลับเข้าฝัก การเคลื่อนไหวของเขานั้นคล่องแคล่วและแม่นยำ เมื่อมองดูก็รู้ได้ทันทีว่าเขามีทักษะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา
ผู้คนที่รายล้อมนั้นต่างตกใจจนร่างกายอ่อนระทวย แต่ละคนต่างรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนได้หลุดลอยออกไปหมดแล้ว ไหนเลยจะคาดคิดได้ว่าการออกมาดูเหตุการณ์คึกคักในครั้งนี้กลับต้องมาเห็นเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้
อุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลยผู้นี้ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ไม่มีผู้ใดที่สามารถจัดการกับเขาได้เลยหรือ?
อวี้เป่าเอ๋อร์ที่อยู่บนชั้นสองลากเย่หลานเฉิงกลับไปนั่งที่โต๊ะ และรินชาให้กับทั้งสองดื่มลงไป
“อุปราชผู้นั้น อุปราชผู้นั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก” ไหนเลยอวี้เป่าเอ๋อร์จะเคยเห็นเหตุการณ์สังหารคนเช่นนี้? เว้นแต่ว่าจะชินชาไปกับมันแล้ว
ต่อให้เป็นเย่ซิวตู๋ที่เคร่งขรึมมาโดยตลอด แต่ในแววตาของเขาก็ยังมีความอบอุ่นอยู่บ้าง
แต่ท่านอุปราชผู้นี้ ก็เหมือนกับซิวลัว ไม่มีแม้กระทั่งความอ่อนโยนเลย
เย่หลานเฉิงถือแก้วชาไว้ในมือ คิ้วเล็ก ๆ ของเด็กน้อยขมวดจนจะเป็นปมเดียวกัน
ด้านล่างนั้น…มีบิดาของตนอยู่ องค์รัชทายาทของอาณาจักรที่เอาแต่ประจบประแจงผู้อื่น โดยไม่คำนึงถึงชีวิตและความตายของประชาชนในอาณาจักรเลยแม้แต่น้อย
การกระทำทั้งหมดขององค์รัชทายาทในวันนี้ ทำให้เย่หลานเฉิงรู้สึกผิดหวังในตัวบิดาเป็นอย่างมาก
คนแบบนี้ จะทำเช่นไรจึงจะรับผิดชอบอาณาจักรทั้งอาณาจักรได้? จะสืบสานเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ เพื่อทำให้อาณาจักรเฟิงชางสงบสุขและไม่โดนผู้อื่นรักแกได้อย่างไร?
เย่หลานเฉิงดึงมือเล็ก ๆ ของตนออก จู่ ๆ ก็ด้านนอกประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น และไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงของเหวินเทียน “แม่นางชิงลั่ว พาคนมาถึงแล้ว”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า และโม่เสียนก็วิ่งไปเปิดประตูทันที
ผู้ที่ตามเหวินเทียนเข้ามายังมีองครักษ์ที่เย่ฮ่าวถิงทิ้งเอาไว้ด้วย ดูเหมือนพวกเขาจะรู้จักมักจี่กับเหวินเทียน เมื่อได้ยินว่าหมอปีศาจอยู่ที่นี่จึงรีบพาคนส่งมายังฝั่งนี้ทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นบุรุษเลือดร้อน การที่เห็นคนในอาณาจักรถูกอุปราชจากอาณาจักรจิงเหลยทำร้ายอย่างรุนแรง ทำให้พวกเขาเองก็รู้สึกโกรธแค้นเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วยังคงคลุมผ้าคลุมหน้ายามพบกับคนนอกอยู่เช่นเดิม เมื่อมองดูทั้งสองคนที่หายใจรวยริน หญิงสาวก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นางนั่งลงและพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน
ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ยังมีชีวิตอยู่ แต่อาการรุนแรงเป็นอย่างมาก ต้องรีบรักษาให้เร็วที่สุด”
ว่าพลางไม่รอให้พวกเขามีท่าทางตื่นเต้น อวี้ชิงลั่วก็ได้อธิบายออกมาแล้ว “ให้เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเตรียมห้องสะอาด และวางโต๊ะที่ข้ามักจะใช้ในวันธรรมดา ขนาดเท่าไหร่เหวินเทียนรู้ดี เตรียมผ้าสะอาด น้ำร้อน และยังมี…ที่แห่งนี้ห่างจากร้านยาซิงเซิ่งไม่มากนัก ข้าต้องการผู้ช่วยหนึ่งคน พวกเจ้าเตรียมไปที่ร้านยาและไปตามเจียงอวิ๋นเซิงมา”
องครักษ์เหล่านั้นมองหน้ากัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตามหญิงสาวไม่ทัน และเมื่อโดนเหวินเทียนดึงออกไป จึงรู้สึกตกใจขึ้นมา หลังจากนั้นจึงได้ตอบกลับและรีบวิ่งออกจากโรงเตี๊ยมไป
อวี้ชิงลั่วระบายลมหายใจหนักหน่วง และหันกลับไปมองเด็กทั้งสองคนที่ดูจะเป็นกังวลใจ หญิงสาวสับสนอยู่สักพักหนึ่ง และกำชับให้โม่เสียนดูแลพวกเขาให้ดี ๆ หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปที่บริเวณริมหน้าต่างและมองดูหนานหนานในอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋ หลังจากที่มองดูเหตุการณ์บนถนนอยู่สักพัก หญิงสาวจึงได้ออกจากห้องไป
ชั้นล่างของโรงเตี๊ยมยังคงคึกคักอยู่เหมือนเดิม ในที่สุดองค์รัชทายาทก็ได้สติกลับมา ขาทั้งคู่ก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมา
ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีจิตใจที่จะสนทนากับอุปราชอีกต่อไป เขาเพียงต้องการพาอุปราชไปส่งที่เรือนรับรองให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นก็ไปยังพระราชวังและรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ต่อเสด็จพ่อ
เหตุใดเมื่อวานนี้ที่รับองค์รัชทายาทจากอาณาจักรหลิวอวิ๋นจึงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ครั้งเมื่อถึงอุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลย กลับมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย
ครั้งแรกก็ตื่นตกใจ ตามด้วยการสังหารคน พอถึงตอนนี้ก็สังหารม้าไปอีกหนึ่งตัว
องค์รัชทายาททนไม่ไหวที่จะกลืนน้ำลาย และพยายามทำให้เสียงในหัวของตนสงบลงและเป็นปกติขึ้นมาบ้าง “ท่านอุปราช คนต่างก็ถูกจัดการไปแล้ว ม้าก็ถูกสังหารไปแล้ว และเวลานี้ก็สายมากแล้ว พวกเราต่างใช้เวลาบนถนนสายนี้มานานพอสมควร ท่านว่า เราจะกลับเรือนรับรองกันดีหรือไม่? ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ผู้เข้าแข่งขันการประลองของอาณาจักรทั้งสี่ที่อยู่ในรถม้า ต่างก็น่าจะหิวกันหมดแล้ว ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนที่เรือนรับรอง จะได้มีกะจิตกะใจเข้าร่วมการประลองดีหรือไม่?”
อุปราชถอนหายใจออกอีกครั้ง และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ชายหนุ่มมองดูองค์รัชทายาทด้วยสายตาดูถูกเสียเต็มประดา ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทนั้นจะไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงหันไปมองเย่ฮ่าวถิงโดยตรง “ท่านกล่าวได้มีเหตุผล มันก็ล่าช้าไปหลายชั่วยามแล้วจริง ๆ แต่ว่า…”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กะจะหาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยใช่ไหมอิอุปราชนี่ วอนโดนท่านอ๋องซิวทุบแล้วละมั้ง
ชิงลั่วจะรักษาสองแม่ลูกนี้ได้ไหมนะ
ไหหม่า(海馬)