ตอนที่ 423 ขอบคุณท่านผู้อาวุโส! (1)
หลังจากเสียเวลาไปสองชั่วยามบนภูเขาแล้ว จักรพรรดิต้าอวี่ก็มาอย่างเร่งรีบ
เมื่อจัดการแก้ไขความขัดแย้งภายในครอบครัวของเขาชั่วคราวแล้ว ต้าอวี่ก็สดชื่น และมีอารมณ์ดี เขาพาหลี่ฉางโซ่วไปยังภูเขาอมตะสองสามลูกเพื่อสักการะสามครั้งก่อนจะไปเยี่ยมจักรพรรดิมนุษย์ที่สละโลกแล้วในถ้ำเมฆไฟแล้วมอบของขวัญเล็กน้อยจากศาลสวรรค์ให้พวกเขาแต่ละคน
ความรักและความห่วงใยที่แท้จริงมาจากความใส่ใจพิถีพิถันของคนรุ่นเยาว์
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกเสียดายยิ่งที่ไม่อาจไปเยี่ยมบ้านของจักรพรรดิหวงเซียนหยวนได้
ผู้ยิ่งใหญ่เซวียนหยวนรออยู่ที่ถ้ำของผู้ยิ่งใหญ่ฝูซีแล้ว สถานที่ต่อไปของหลี่ฉางโซ่วคือ การไปเยี่ยมฝูซี เสินหนง และเซวียนหยวนพร้อมๆ กันในคราวเดียว ปราชญ์มนุษย์ทั้งสาม
เขาได้กำไรชัดเจน!
ในระหว่างทาง ต้าอวี่ก็เอ่ยชื่นชมหลี่ฉางโซ่วไม่หยุดหย่อน เมื่อเขาพบจักรพรรดิมนุษย์อาวุโส เขาก็ชมหลี่ฉางโซ่วว่า “ปัญญาเลิศล้ำยิ่ง” และแนะนำเขาว่าเป็น “ผู้ที่มีปัญญาเลิศล้ำมากที่สุดในศาลสวรรค์”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกกระดากที่ได้รับคำชมเช่นนั้น…
แต่เขาก็ยังรู้ว่าจักรพรรดิต้าอวี่รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ หากไม่เป็นเพราะพวกเขามีความอาวุโสแตกต่างกันมากเกินไปและกรรมของจักรพรรดิมนุษย์นั้นก็ยิ่งใหญ่เกินไป ต้าอวี่ก็คงจะเอาแขนโอบไหล่ของเขาแล้วกล่าวว่า “เทพแห่งท้องทะเล น้องชายของข้า!”
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญถ้วนถี่ ปัญหาเดียวที่ผู้อาวุโสต้าอวี่มีอยู่ในตอนนี้คือ ความสัมพันธ์ของเขาหลังจากสละโลก มันเป็นปัญหาที่ผู้อาวุโสต้าอวี่ต้องแก้ไขทุกวัน
และด้วยความช่วยเหลือของหลี่ฉางโซ่ว ต้าอวี่ก็จะสามารถมีชีวิตยืนยาวต่อไปได้ในภายหน้า… หากเขาทำความคุ้นเคยกับคัมภีร์เทพแห่งท้องทะเล ในภายหน้า ครอบครัวของเขาก็จะมีแต่ความกลมเกลียวกัน และภรรยาของเขาก็จะไปตามการตัดสินใจของเขา มันย่อมไม่ใช่ความฝันที่ไกลเกินเอื้อม!
เมื่อพิจารณาจากมุมมองนี้หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลที่ผู้อาวุโสต้าอวี่จะกระตือรือร้นต่อเขา
ในระหว่างทาง หลี่ฉางโซ่วก็ถามต้าอวี่ว่า เหตุใดเขาถึงไม่ไปขอรับคัมภีร์จากจักรพรรดิหวงเซวียนหยวน
ต้าอวี่ฝืนยิ้มขื่นและกล่าวว่า “จะเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไรกัน? สถานการณ์ด้านผู้อาวุโสเซวียนหยวนนั้น แตกต่างจากของข้าอย่างสิ้นเชิง ว่ากันว่า นอกเหนือจากผู้อาวุโสสามพันคนที่มีฐานพลังสูงแล้ว ส่วนใหญ่ก็มาจากฝักฝ่ายต่างๆ ที่แตกต่างกัน ทุกวันพวกนางก็จะคิดหาวิธีเอาใจผู้อาวุโสเซวียนหยวน ข้าไม่อาจเรียนรู้ไปถึงขั้นนั้นได้จริงๆ”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
โชคดีที่เขาไม่ได้ไปมากกว่านั้น ไม่เช่นนั้น เขาย่อมจะเดือดร้อนเพราะเตรียมของขวัญและผลท้ออมตะมาเพียงสามผลเท่านั้น
เมื่อพวกเขามาถึงใกล้เคหาสน์ถ้ำที่พำนักของฝูซีแล้ว ต้าอวี่ก็เริ่มส่งข้อความเสียง
“ผู้อาวุโสฝูซีรู้จำนวนวันและเต๋าการทำนายและการหยั่งรู้ของเขานั้นลึกซึ้งมาก อย่าได้โกหกหรือคุยโม้โอ้อวดต่อหน้าผู้อาวุโสหลังจากนี้ เจ้าต้องพูดความจริงทุกอย่าง”
“ผู้น้อยย่อมไม่กล้าหลอกลวงท่านผู้อาวุโสแม้แต่น้อย”
หลี่ฉางโซ่วมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาประสานมือคารวะและขอบคุณเขา
จากนั้น ต้าอวี่พร้อมกับหลี่ฉางโซ่วก็ขี่เมฆไปและร่อนลงหยุดที่หน้าเคหาสน์ถ้ำฝูซี
ประตูเคหาสน์ถ้ำถูกเปิดออก และได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างใน ดูเหมือนว่าจะมีเหล่าเซียนกำลังเดินหมากกันอยู่
ขณะที่เดินไปข้างหน้า เขาก็เห็นทางคดเคี้ยวที่นำไปสู่ถ้ำ
แผ่นหินบนพื้นถูกแกะสลักด้วยแผนภาพการทำนายที่ซับซ้อน ผนังถ้ำเหนือศีรษะของเขาส่องแสงวิบวับด้วยภาพดาว และภาพวาดภูเขา แม่น้ำ และต้นไม้ก็ถูกแขวนเอาไว้บนผนังทางด้านซ้ายและขวา บางครั้งเขาก็ได้เห็นแผนภาพพิเศษบางอย่าง พลังวิญญาณในเคหาสน์ถ้ำมีกลิ่นหอมบางเบา ทำให้ผู้ที่อยู่ในนั้นรู้สึกสบายใจอย่างไม่อาจพรรณนาได้
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบ
มันย่อมเป็นการหมิ่นหยามที่หยาบคาย หากเขาจะปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปในขณะที่ปรมาจารย์อย่างฝูซีและเสิ่นหนงอาจตรวจจับได้
เมื่อเขาเลี้ยวอีกครั้ง ทันใดนั้นเส้นขอบฟ้าก็เปิดออกทันที
ข้างหน้าเขามีโถงหินทรงกลมที่ค่อนข้างสูง ทางด้านซ้ายของเขามีภูเขาเทียม ขั้นบันไดหิน ศาลา และทางขวาของเขาก็มีสระสมบัติ ปลาหลี่ฮื้อ และเต่าวิญญาณน้อยตัวเกียจค้าน
มีลำธารอยู่ล้อมรอบตรงขอบโถงทรงกลมของถ้ำหิน วัตถุประสงค์ของการจัดการโดยรวมคือการรวบรวมพลังหยินหยางไท่จี๋
ในศาลามีชายชราสองคนและชายวัยกลางคนอีกหนึ่งคน
คนที่สะดุดตาที่สุดคือ ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีแดง
ผู้อาวุโสคนนั้นมีใบหน้าสะอาดไร้เครา แม้ใบหน้าของเขาจะดูชรา แต่ก็ไร้ริ้วรอยใดๆ และยังมีความชุ่มชื้นบางเบา…
ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีแดงกำลังเดินหมากอยู่กับชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อน
ทว่าชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาในคราแรกนั้น เมื่อมองดูดีๆ อีกครั้ง เขาก็รู้สึกว่าชายวัยกลางคนผู้นั้น สงบและมั่นคง หลังจากมองดูเขาอยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าเขามีคิ้วตรง ดูดีและตรงไปตรงมา เขานั่งอยู่หน้ากระดานเดินหมาก และร่างสูงตรงของเขาก็ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเฉียบแหลมที่ซ่อนอยู่
ต้าอวี่ส่งขอความเสียงว่า “เทพแห่งท้องทะเล จงอย่าจำผิดพลาด คนในชุดคลุมสีแดงนั้น คือผู้อาวุโสเสิ่นหนง คนในชุดคลุมสีเหลืองคือผู้อาวุโสเซวียนหยวน และคนในชุดคลุมสีเขียวคือผู้อาวุโสฝูซี”
หลี่ฉางโซ่วรับคำผ่านการส่งข้อความเสียง จากนั้นก็มองไปที่ชายชราในชุดสีเขียวซึ่งสวมห่วงฟางอยู่บนศีรษะ เขาเต็มไปด้วยความเคารพต่อจักรพรรดิมนุษย์ที่สละโลกแล้วทั้งสาม
ในขณะนั้น ทั้งสามคนในศาลาก็หยุดการเคลื่อนไหว
ในฐานะเจ้าของสถานที่นี้ ฝูซีจึงก้าวออกไปข้างหน้าก่อนเป็นคนแรก เขายืนอยู่หน้าศาลาพลางลูบเคราของเขาและยิ้ม แม้เสียงของเขาจะเบา แต่ก็ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง
“สหายน้อย ลำบากเจ้าแล้ว มาพักที่นี่ก่อนเถิด”
จักรพรรดิหวงเซวียนหยวน ซึ่งอยู่ข้างหลังเขา ลุกขึ้นยืนและเดินกระดานหมาก ตำแหน่งขาวดำบนกระดานหมากดูยุ่งเหยิง เขายิ้มและกล่าวว่า “นี่คือเทพแห่งท้องทะเลที่สหายเต๋าฝูซีกล่าวถึงเมื่อสองสามวันก่อนใช่หรือไม่?”
เสิ่นหนงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ไยเจ้าถึงโกง ทำตัวไร้ยางอายอีกแล้ว!” “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
จักรพรรดิหวงเซวียนหยวน เงยหน้าหัวเราะและกล่าวว่า “สหายเต๋า แม้เจ้าจะไม่ชนะ แต่ข้าก็ไม่แพ้เช่นกัน จบลงด้วยการเสมอกัน เสมอ เสมอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสิ่นหนงมองอย่างอับจนหนทางทันทีก่อนจะยิ้มและถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ทอดสายตาออกไปมองหลี่ฉางโซ่วที่นอกศาลา
ไม่ต้องสนใจสิ่งอื่นใด วันนี้ หลี่ฉางโซ่วก็พอใจในเรื่องทุกอย่างแล้ว เมื่อเห็นผู้คนมากมายที่อยู่ในตำนานของเผ่ามนุษย์ เขาที่เคยอ่านตำราโบราณ ก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้กระโดดออกมาจากตำรา
จากนั้น จักรพรรดิต้าอวี่ก็พาหลี่ฉางโซ่วเดินไปที่ศาลาและโค้งคำนับ
“ผู้น้อยคือ เทพแห่งท้องทะเลแห่งศาลสวรรค์ และเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ขอน้อมพบท่านผู้อาวุโส”
“อืม”
“อืม”
“มาเร็วเข้า”
ฝูซี เสิ่นหนงและเซวียนหยวน ล้วนตอบรับ และพวกเขาก็รับการคำนับอย่างสงบในศาลา ขณะมองและยิ้มให้หลี่ฉางโซ่ว
แม้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพแห่งท้องทะเลของหลี่ฉางโซ่วจะดูชราภาพที่สุดในขณะนั้น…
ทว่าเขากลับมีความอาวุโสต่ำมากจริงๆ
จากนั้น เขาก็เข้าไปในศาลาและมอบของกำนัลให้
จักรพรรดิซวนหยวนโบกมือ และทันใดนั้น ก็มีเก้าอี้หินปรากฏขึ้นข้างๆ เขา เพื่อให้หลี่ฉางโซ่วได้นั่งลง
จากนั้น จักรพรรดิมนุษย์ที่สละโลกแล้วทั้งสี่ ซึ่งรวมทั้งต้าอวี่ ต่างก็มองไปที่หลี่ฉางโซ่วและเดาะลิ้นของพวกเขาอย่างกังขา
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
หากพวกเขายังมองอีกสักพัก เขาก็จะเก็บเงินแล้วนะ!
ฝูซีลูบเคราพลางแย้มยิ้ม
“แนวความคิดของร่างจำแลงนี้แยบยลยิ่ง ความจริงแล้ว เป็นการใช้เวทขึ้นรูปตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และใช้พันผูกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลายตัวเข้าด้วยกัน ทั้งยังใช้กฎห้ามการหลอมและการเผาให้แตกตัวจนเป็นผงในการหลอมโอสถอีกด้วย…”
“ดูเหมือนว่าจะมีตำราลับของเผ่าเวทอยู่อีกด้วย เจ้าต้องใช้เวทจำแลงปราณวิญญาณที่ลึกซึ้งยิ่ง ว้าว ไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะมีความคิดล้ำเลิศเช่นนี้ได้” หลี่ฉางโซ่วเศร้าใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสฝูซี
เขารู้สึกว่าพลังเวทของเขาเป็นร่างจำแลงระดับต่ำที่เขาได้ “สะสม” มา…
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เมื่อเขาไม่มีเวทสร้างร่างจำแลง เขาก็ได้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปที่การสร้างร่างจำแลง ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อจะให้ร่างหลักของเขาไม่ต้องปรากฏตัวออกไป! หลังจากที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ให้เวทจำแลงกายนอกร่างแก่เขาแล้ว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านต้นทุน ไม่ทำร้ายร่างของเขา และไม่จำเป็นต้องให้เขามอบปราณวิญญาณส่วนหนึ่งให้กับมันในขณะที่ใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลายๆ ตัวพร้อมๆ กันได้ ทำให้หลี่ฉางโซ่วยืนหยัดฟันฝ่ามาบนวิถีการดัดแปลงตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาได้
จนถึงวันนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และต้นไม้บนยอดเขาหยกน้อยได้ช่วยเหลือเขาอย่างยิ่ง
แม้ว่าต้นไม้บนยอดเขาหยกน้อยจะปรากฏออกมาเป็นชุดๆ …แต่นั่นก็ไม่สำคัญ
ผู้อาวุโสฝูซีรู้พื้นหลังของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว
ระดับฐานพลังและความรู้ของเขาทำให้… ทำให้หลี่ฉางโซ่วต้องตื่นตะลึงด้วยความทึ่งอย่างยิ่ง!
บางที อาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่
เหล่าผู้อาวุโสต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ฝูซีจะนำหัวข้อนี้ไปสู่ ”งานจริงจัง”
ฝูซีกล่าวว่า “สหายน้อยมาคราวนี้ สมควรให้มวลมนุษย์บวงสรวงฟ้าดิน เจ้าช่างใส่ใจนัก”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวช้าๆ ว่า “องค์เง็กเซียนทรงเคารพเหล่าผู้อาวุโสในถ้ำเมฆไฟมาก ว่าตามหลักเหตุผลแล้ว ผู้น้อยต้องขอความเห็นจากผู้อาวุโสก่อนจึงจะสบายใจและส่งเสริมพลังอำนาจปกครองให้ศาลสวรรค์ในดินแดนเทวะทักษิณ”
จักรพรรดิหวงเซวียนหยวนยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็มาตกลงกันเถิด”
“เฮ้ สหายเต๋า เราไม่อาจหมิ่นแคลนจักรพรรดิแห่งสวรรค์ได้!” ฝูซีกล่าวจริงจัง
จักรพรรดิหวงเซวียนหยวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและเห็นด้วย และรู้สึกกระดากเล็กน้อย
“สหายน้อย คิดเห็นเช่นไรกัน?”
………………………………………………………………..