บทที่ 586 ฝุ่นควันสงบ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 586 ฝุ่นควันสงบ

บทที่ 586 ฝุ่นควันสงบ

ผู้เฒ่ามี่ยิ้ม ทำให้ใบหน้าของเขาที่มีรอยยับย่นยิ่งน่ากลัว เหมือนกับผิวที่แห้งของส้ม “ความจำของพ่อบ้านหงช่างน่าชื่นชม เจ้าจำคนที่ไม่สำคัญอย่างข้าได้ด้วย”

ซูอันมองฉู่เทียนเซิงที่นอนตายอยู่บนพื้น ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้ดีว่าฉู่เทียนเซิงอยู่ในระดับหก และรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่าย

ทว่าผู้บ่มเพาะระดับหกอย่างฉู่เทียนเซิงกลับถูกฆ่าด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว

ถ้าเขาทำตัวแย่ ๆ กับผู้เฒ่ามี่ เขาจะตายด้วยการเหลือบมองเพียงครั้งเดียวหรือไม่?

ร่างกายของหงจงตึงเครียด ในขณะที่เขาจ้องมองชายชราที่อยู่ข้างหน้าเขา “ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมองข้ามเจ้าไป ทำให้มีผู้บ่มเพาะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ซ่อนอยู่ในคฤหาสน์”

กลางประโยค เขาก็ขยับตัว

เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของผู้เฒ่ามี่ด้วยการพูดคุย จากนั้นจึงเปิดฉากโจมตีเวลาที่ชายชราเผลอตัว

ชายเจ้าเล่ห์อย่างหงจงย่อมมีไหวพริบมากกว่าคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน

“ระวัง!” ซูอันตะโกนอย่างตื่นตระหนก แต่ผู้เฒ่ามี่ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ

หงจงลังเลเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่ามี่ไม่ขยับตัว อย่างไรก็ตาม เขาลงมือไปแล้ว มันสายเกินกว่าที่จะกลับตัว ดังนั้นจึงคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่ว่าชายชราผู้นี้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน หากโดนลอบโจมตีอย่างฉับพลันเช่นนี้ หากไม่บาดเจ็บสาหัสก็ต้องตายแน่นอน นี่เป็นราคาาที่ต้องจ่ายหากมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป!

“หมัดบดหัวใจ!”

ด้วยเสียงคำราม ชั้นแสงปกคลุมจึงได้กำปั้นของเขาทำให้มันยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พลังและเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับหมัดเดียวนี้ โดยปราศจากความลังเล

ซูอันถอยหลังไปสองสามก้าวตามสัญชาตญาณ คลื่นพลังที่แพร่ออกจากหมัดนั้นมากเกินกว่าที่เขาจะทานทน แม้ว่าเขาจะยืนห่างออกไปด้านข้าง เขาก็ยังคงได้รับผลกระทบ ขาของเขาอ่อนแรงจนแทบจะล้มพับ แม้แต่การหายใจก็ลำบาก ไม่รู้ว่าผู้เฒ่ามี่ทนอะไรแบบนี้ได้ยังไง

หมัดของหงจงพุ่งตรงเข้าหาร่างเหี่ยวย่นของผู้เฒ่ามี่อย่างดุดันราวกับจะบดขยี้ร่างชราหนังหุ้มกระดูกนี้ให้แหลกสลายในพริบตา

แต่ผู้เฒ่ามี่กลับยกมือซ้ายขึ้นจับหมัดของหงจงได้อย่างไม่ยากเย็นเลย

หมัดของหงจงซึ่งดูพองโตขึ้นจนมีขนาดเท่ากับก้อนหินขนาดใหญ่ จู่ ๆ ก็กลับคืนสู่ขนาดปกติทันที เขาพยายามดึงหมัดของตัวเองกลับ แต่แขนของเขากลับไม่ขยับเลย

ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และผมที่หวีอย่างพิถีพิถันของเขาก็กลายเป็นยุ่งเหยิง เขาใจเสียทันที

“การบ่มเพาะของเจ้าค่อนข้างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่าง แต่น่าเสียดายที่โลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าเมืองเล็ก ๆ นี้มากนัก”

ผู้เฒ่ามี่บิดข้อมือของตัวเองทันทีที่เขาพูดจบ

เกิดเสียงหักของกระดูกดังลั่นจากข้อมือของหงจง มือของเขาบิดเบี้ยวอย่างผิดธรรมชาติ

ซูอันอ้าปากค้าง ดูเหมือนว่าหงจงน่าจะเจ็บมาก…

หงจงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้วแล้วเอื้อมมือขวาไปแตะหน้าผากของอีกฝ่าย เสียงกรีดร้องของหงจงจึงหยุดลงทันที แสงสว่างในดวงตาของเขาหม่นลง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

ผู้เฒ่ามี่ถูมือทั้งสองข้างของตนเองราวกับทำความสะอาดมือแล้วมองซูอันอย่างไร้อารมณ์ “เสร็จแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับเจ้า”

ซูอันรู้สึกราวกับว่ากำลังฝันไป ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถหาวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้ได้ไม่ว่าจะใช้สมองมากแค่ไหนก็ตาม

แต่ตอนนี้ ผู้เฒ่ามี่เพียงใช้นิ้วจิ้มหน้าผากสองคนทรยศก็ตายไปง่าย ๆ เหมือนบี้มด

สิ่งที่ดูยากสำหรับเขากลับถูกจัดการไปอย่างง่ายดาย

ก่อนหน้านี้เขาตระหนักอยู่เสมอว่านี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะซึ่งความแข็งแกร่งนั้นมีอำนาจสูงสุด แต่ซูอันก็ยังคงไม่อาจสลัดวิถีความคิดแบบโลกศิวิไลซ์เมื่อชีวิตที่แล้วได้เช่นกัน

แต่แล้วในตอนนี้ ชายหนุ่มก็ตระหนักได้อย่างถ่องแท้แล้วว่านี่คือโลกที่ความแข็งแกร่งหมายถึงทุกสิ่ง

ผู้เฒ่ามี่หายตัวไปในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว

ซูอันตัดสินใจนำศพของหงจงและฉู่เทียนเซิงมาด้วย เมื่อเขาเผชิญหน้ากับเหล่าทหารยาม ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉู่เทียนเซิงสมรู้ร่วมคิดกับหงจงวางแผนข่มเหงแม่ยายของข้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินโทษพวกเขาโดยการประหาร! ข้ายินดีที่จะเชื่อว่าพวกเจ้าที่เหลือทั้งหมดถูกหลอกใช้และถูกบังคับโดยผู้กระทำความผิดสองคนนี้ ตอนนี้ข้าทำหน้าที่ภายใต้คำสั่งของนายหญิงพวกเจ้า ลดอาวุธของพวกเจ้าลงซะ แล้วข้าจะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”

“พี่เขย!” หญิงสาวร่างเล็กร้องไห้ขณะที่นางวิ่งเข้ามาหาเขา

ฉู่ฮวนเจาเดิมถูกกักขังอยู่ในห้องของตัวเองและกำลังฉวยโอกาสที่ทหารยามหน้าห้องกำลังวุ่นวายหลบหนี แต่นางได้ยินเสียงของซูอันดังขึ้นก่อนที่นางจะหนีไป จากนั้นนางจึงวิ่งมาหาเขาอย่างอดกลั้นไม่ได้

ทหารยามที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ส่วนใหญ่ยังคงภักดีต่อตระกูลหลัก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเพราะไม่มีใครจากตระกูลหลักอยู่คอยสั่งการ แต่แล้วตอนนี้ซูอันปรากฏตัวขึ้นแล้ว และคุณหนูรองก็อยู่ที่นี่ด้วย ความไว้เนื้อเชื่อใจที่นางปฏิบัติต่อซูอันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าข่าวลือล่าสุดเป็นเท็จ ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อในคำพูดของซูอันโดยไม่รู้ตัว

ส่วนทหารคนอื่น ๆ ที่อยู่ฝั่งเดียวกับฉู่เทียนเซิงและหงจง เนื่องจากถูกติดสินบนมาหลายปีแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเต็มใจก่อการทรยศ แต่พวกเขาก็หมดความมั่นใจทันทีเมื่อเห็นว่าฉู่เทียนเซิงและหงจงตายไปแล้ว

ความแข็งแกร่งของฉู่เทียนเซิงและหงจงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ถ้าซูอันสามารถเอาชนะสองคนนี้ ต่อให้พวกเขาขัดขืนไปมันก็ไร้ประโยชน์และมีแต่จะรนหาที่ตาย

นอกจากนี้ ซูอันได้ประกาศออกว่าเขาจะไม่เอาเรื่องใครอีก เมื่อมีทางเลือกเช่นนี้ ใครจะอยากอยู่ข้างเดียวกับคนที่ตายไปแล้ว?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ทหารทั้งหมดจึงเริ่มขว้างอาวุธทิ้งทีละคน เริ่มจากคนแรกและทำตามกันต่อ ๆ ไป

ในท้ายที่สุด แม้แต่เหล่าคนที่ใกล้ชิดที่สุดของฉู่เทียนเซิงและหงจงก็ยอมรับชะตากรรมของพวกเขาและโยนอาวุธลงเพื่อยอมศิโรราบ

ซูอันถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นสิ่งนี้ มันคงเป็นเรื่องใหญ่หากบุคคลเหล่านี้ต่อต้านจนถึงที่สุด

เพราะความจริงแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ฆ่าหงจงและฉู่เทียนเซิง อีกทั้งเขายังไม่มีพลังพอที่จะเอาชนะทหารของตระกูลฉู่ทั้งหมดได้

อย่างไรก็ตาม สมาชิกในครอบครัวของหงจงและฉู่เทียนเซิงจะต้องถูกควบคุมตัวเพื่อให้ฉินหว่านหรูจัดการในภายหลัง

ดังนั้นประโยชน์อีกประการหนึ่งในการที่ซูอันไม่เอาเรื่องต่อทหารพวกนี้ก็คือ เขาสามารถออกคำสั่งให้ทหารพวกนี้ไปจับกุมสมาชิกตระกูลสายรองได้โดยที่เขาไม่ได้ต้องลงมือเอง ซึ่งแน่นอนว่าทหารเหล่านี้ล้วนเต็มใจเป็นอย่างยิ่งในการรับหน้าที่นี้เพื่อเป็นการลบล้างความผิดและพิสูจน์ว่าพวกตนเองยังมีความจงรักภักดีอยู่

ในเวลาไม่นาน สมาชิกของตระกูลสายรองก็ถูกจับตัวทั้งหมด

น่าแปลกที่ฉู่ฮงไฉถูกคนของฉู่เทียนเซิงกักขังไว้ก่อนหน้านี้ ซูอันจึงได้รู้จากคนอื่นว่าเขาต่อต้านแผนการทรยศของฉู่เทียนเซิง ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาถูกขังไว้หลังจากการทะเลาะวิวาทระหว่างพ่อกับลูกชาย

อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด ฉู่เทียนเซิงยังคงเป็นพ่อของเขา หลังจากที่พบว่าซูอันได้ฆ่าบิดาของตนเอง เขาก็ยังคงกรีดร้องด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อซูอัน

แม้จะมีแต้มความโกรธแค้นถึงเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคะแนน ซูอันก็ไม่รู้สึกมีความสุขแต่อย่างใด

ไม่มีทางที่ฉู่ฮงไฉจะอยู่ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกับคนที่ฆ่าพ่อของตัวเองได้ ปฏิกิริยาของเขาจึงเป็นไปตามที่คาดไว้แต่แรก

การฆ่าฉู่ฮงไฉเพื่อขจัดความกังวลในอนาคตเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด แต่ซูอันก็นึกย้อนไปถึงครั้งที่พวกเขาเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในอดีต และอาจเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกัน

นอกจากนี้ ความซื่อสัตย์และภักดีของฉู่ฮงไฉนั้นน่าชื่นชม เนื่องจากแม้จะเป็นลูกแต่ก็ยังต่อต้านพ่อของตัวเองอย่างเปิดเผย ซูอันจึงไม่สามารถตัดใจลงโทษอีกฝ่ายได้ ในท้ายที่สุด เขาเพียงสั่งให้ทหารคอยดูแลฉู่ฮงไฉเอาไว้

ส่วนทางด้านของตระกูลหงนั้น หากไม่นับรวมหงจงที่ตายไปแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีกในตระกูลนอกนอกจากหงซิงอิง แต่หงซิงอิงดูเหมือนจะได้รับข่าวล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาที่คนของซูอันไปถึงเรือนตระกูลหง ก็ไม่พบใครแล้ว