บทที่ 601 การโต้กลับของถังหลี่

ถังหลี่มองเขาแล้วยิ้ม..ใช่แล้วพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง

เมื่อก่อนนี้นางเป็นเพียงสาวชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น ส่วนเขาคือคนที่สิ้นหวัง ต่อเมื่อได้พบกันอีกครั้งนางกลายเป็นฮูหยินของเจ้ากรมอาญา ส่วนเขากลายเป็นองค์ชายแห่งซยงหนูไปเสียแล้ว

หลายปีผ่านไปทั้งคู่ได้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม

“พั่วหนู นั่งก่อนสิ” ถังหลี่กล่าวพลางสั่งให้สาวใช้รินน้ำชาให้

“พี่ถังหลี่ที่ผ่านมาท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” พั่วหนูนั่งลง

“ดีมาก ข้ามีลูกเล็กเพิ่มขึ้นอีกสองคน” ถังหลี่กล่าว

“พี่ฮวาเล่า?” พั่วหนูถาม

“พี่ฮวาได้พบรักกับผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนี้นางแต่งงานแล้ว และได้เจอกับน้องชายที่หายตัวไป น้องชายของนางสอบขุนนางได้และไปเป็นเจ้าเมืองที่ชิงเหอ ส่วนพี่ฮวาก็อยู่ในชิงเหอเช่นกัน” ถังหลี่เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เขาฟัง

พั่วหนูจำได้ว่า ตอนที่พี่ฮวาดูแลเขา นางบอกว่าเขาเหมือนน้องชายของนาง เมื่อพูดถึงน้องชายที่หายตัวไป ใบหน้าของนางมีแต่ความโศกเศร้าและความสูญเสีย เป็นเรื่องดีที่พี่สาวฮวาได้พบเจอกับน้องชายของนาง เขาดีใจกับนางจริงๆ

“ช่างดีเหลือเกิน แล้วคนตัวใหญ่ผู้นั้นอยู่ที่ไหนแล้ว?” พั่วหนูถามต่อ ถังหลี่รู้ว่าคนตัวใหญ่ที่เขาพูดย่อมหมายถึงคือสามีของนาง

“เขาต้องไปทำภารกิจบางอย่างน่ะ” พั่วหนูพยักหน้าเขามองถังหลี่ด้วยแววตาล้ำลึก

“พี่ถังหลี่ ท่านมีอะไรอยากจะถามข้าหรือไม่?”

“เจ้ายินดีที่จะตอบหรือไม่?” ถังหลี่ถาม

พั่วหนูเป็นองค์ชายแปดของเผ่าฮั่น ตัวตนของเขาค่อนข้างซับซ้อน คำถามใดๆ ที่ถังหลี่ถามอาจจะเกี่ยวกับความลับที่เขาไม่ต้องการจะเปิดเผย พั่วหนูคลี่ยิ้ม

“ข้าย่อมยินดี”

ถังหลี่รู้ว่าพั่วหนูอาจต้องการร่วมมือกับนาง จึงเลือกที่จะถามเขาไปตามตรง

“ครั้งนี้เจ้ามาที่ต้าโจวด้วยเหตุใดหรือ?”

“ข้าต้องการเห็นว่าฮ่าวตุ้นจะได้ผลประโยชน์อะไรจากต้าโจว จากนั้นข้าจะฉกไปจากเขา ปล่อยให้เขาตักน้ำจากหลังไม้ไผ่[1]”

ทั้งคำพูดและแววตาของพั่วหนูเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่เปิดเผยออกมาต่อหน้าถังหลี่อย่างไม่ปิดบัง นางรู้สึกว่าพั่วหนูเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้เขาดูมีชีวิตชีวา แจ่มใส ครั้งก่อนที่นางได้ช่วยพั่วหนูเอาไว้ เด็กหนุ่มดูเงียบขรึม หรือจะเป็นเพราะว่าในตอนนั้นเขามีอาการบาดเจ็บสาหัสจวนเจียนจะตายอยู่รอมร่อจึงทำให้มีทีท่าเป็นเช่นนั้นเอง แต่นี่คือนิสัยที่แท้จริงของเขา

“พี่ถังหลี่ท่านไม่คิดว่าฮ่าวตุ้นน่ารำคาญบ้างหรือ?” จู่ๆ พั่วหนูก็ถามขึ้น

“ข้าเกลียดเขา” ถังหลี่พยักหน้า

“เขาเป็นคนเลว ชอบข่มเหงข้า” พั่วหนูพึมพำ ถังหลี่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง คนผู้นี้กำลังฟ้องนางอยู่หรือเปล่านะ?

ที่จริงแล้วพั่วหนูมีอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น เขาถูกส่งมายังต้าโจวในฐานะตัวประกัน ย่อมไม่เป็นที่โปรดปรานของใครหลังจากผ่านความยากลำบากทุกรูปแบบเพื่อกลับไปยังซยงหนู และต่อสู้กับฮ่าวตุ้นอย่าง เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับความยากลำบากและความคับข้องใจมากมาย

“เจ้าอดทนมาหลายปีแล้วสินะ” ถังหลี่พูดเบาๆ นางทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบโยนเขา เมื่อได้ยินคำปลอบประโลมจากนาง พั่วหนูก็ยกยิ้มขึ้น

“แต่ตอนนี้เขารังแกข้าไม่ได้แล้วล่ะ” พั่วหนูพูดด้วยความภาคภูมิใจ ขยิบตาให้อย่างเจ้าเล่ห์

“พี่ถังหลี่ ให้ข้าช่วยท่านเรื่องนี้เถิด ดีหรือไม่?”

“เจ้ามีแผนอย่างไร?” ถังหลี่ถาม

“โค่นเขา! ซยงหนูวุ่นวายแน่ แล้วมาดูกันว่าเขาจะเอาอะไรมาขู่ต้าโจว” พั่วหนูพูด

“เจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน?” ถังหลี่ถาม เมื่อคิดว่าพั่วหนูต้องการความร่วมมือจากนาง หญิงสาวรู้สึกมีความสุขมาก

“ข้าไม่ต้องการอะไร” พั่วหนูส่ายศีรษะ ทำให้ถังหลี่ประหลาดใจ

“นี่มันไม่ยุติธรรมสำหรับเจ้า”

เมื่อถังหลี่และฮ่าวตุ้นสู้กัน จะมีแต่เสียกับเสีย ไม่ยุติธรรมที่จะเอาพั่วหนูมาเกี่ยวข้อง แล้วเขาไม่ได้รับประโยชน์กลับไป

“พี่ถังหลี่ ชีวิตของข้าเป็นของท่าน หากไม่ใช่ท่านช่วยเหลือข้าในวันนั้น ข้าคงนอนตายกลางถนนไปแล้ว” พั่วหนูกล่าว

คงมีแต่คนที่เกือบตายไปแล้วเท่านั้น ถึงจะรับรู้ได้ว่าความรู้สึกในยามนั้นเป็นเช่นไร เขาล้มลงกลางถนนด้วยความสิ้นหวัง เพียงปรารถนาให้มีใครสักคนหยุดแล้วช่วยเขา แต่ไม่มีใครเลย.. มีเพียงถังหลี่คนเดียวเท่านั้น…

หลายปีมานี้พั่วหนูมักจะฝันร้ายว่าตนเองโดนเถาวัลย์พันธนาการไว้ แม้จะพยายามดิ้นรนเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้น จนกระทั่งมีมือหนึ่งช่วยดึงเขาออกมาจากพันธนาการที่รัดแน่น เป็นถังหลี่นั่นเอง

“ข้าทนเขามามากพอแล้ว ข้าต้องขึ้นเป็นข่านให้ได้ ข้าจะทำให้ฮ่าวตุ้นไม่เหลืออะไรเลย เพื่อล้างแค้นให้มารดาของข้า” ดวงตาของพั่วหนูฉายแววอาฆาต

มารดาของพั่วหนูเป็นสตรีเผ่าฮั่น นางถูกสังหารโดยมารดาของฮ่าวตุ้นและตระกูลทางฝั่งบิดา ทั้งสองคนถูกโยนเข้าไปในฝูงของหมาป่า ในขณะที่ฝูงหมาป่ารุมกัด มารดาของพั่วหนูก็กอดเขาเอาไว้แน่น นาง ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

เขาเห็นแม่ตายไปต่อหน้าต่อตา

ต่อมา เขาถูกส่งมายังต้าโจวในฐานะตัวประกัน พั่วหนูทุกข์ทรมานใจมาก เขาได้รับความอัปยศอดสู ต้องเพียรพยายามอย่างหนักที่จะเอาชีวิตรอดเพื่อกลับไปแก้แค้น! เขาอยากแล่เนื้อเถือหนังศัตรูให้หมดสิ้นไป

พั่วหนูมองถังหลี่ ความเกลียดชังในดวงตาของเขาลดน้อยลง เขาลุกขึ้นยืนและทำความเคารพนางตามแบบฉบับของชาวฮั่น

“พี่ถังหลี่ ข้าต้องกลับไปที่เผ่าก่อน โปรดรอฟังข่าวดีจากข้า” ถังหลี่รู้สึกถึงอารมณ์ที่สับสนของตนเอง สุดท้ายแล้วก็ได้แต่เอ่ยคำว่า

“ระวังตัวด้วย”

พั่วหนูพยักหน้าหันหลังเดินจากไป

หญิงสาวมองตามด้านหลังของพั่วหนู เขาดูโตขึ้นมาก รูปร่างสูงสง่า แผ่นหลังกว้างเหมือนกับบุรุษที่โตเต็มที่แล้ว

การเดินทางในเส้นทางนองเลือดครั้งนี้มีอันตรายมาก นางหวังว่าเขาจะปลอดภัย

ถังหลี่กลับไปที่ห้อง นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา อย่างแรกคือฮ่าวตุ้นลักพาตัวองค์หญิงจิ้งชูกลางถนน จากคำบอกเล่าขององค์หญิงจิ้งชูทำให้ถังหลี่รู้ว่าฮ่าวตุ้นพยายามที่จะเอาชนะใจนาง แต่การแสดงออกของเขาทำให้เห็นว่าฮ่าวตุ้นเป็นคนใจร้อนเกินไป เขารู้แล้วว่าการเจรจาระหว่างเผ่าฮั่นและต้าโจวมีความยืดเยื้อ ต้าโจวไม่ได้ให้สิ่งที่เขาต้องการ

ฮ่าวตุ้นไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เขาต้องใช้วิธีอื่นอย่างเช่นการเอาชนะใจองค์หญิงจิ้งชู ทำให้นางแต่งงานกับเขาให้ได้ องค์หญิงจิ้งชูเป็นพระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้โจว หากเขาได้แต่งกับนาง สิ่งที่เขาจะขอมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ นั่นคือเสบียงและม้าศึก

แต่วิธีที่ฮ่าวตุ้นเกี้ยวพาองค์หญิงจิ้งชูนั้นไม่ถูกต้อง วัฒนธรรมและธรรมเนียมของชาวซยงหนูและต้าโจวมีความแตกต่างกัน

ชาวซยงหนูเน้นใช้พละกำลังและความแข็งแกร่ง องค์ชายรองฮ่าวตุ้นจึงใช้พละกำลังเพื่อเอาชนะใจหญิงสาว แต่ประเพณีของต้าโจวนั้น ชายหญิงต่างสงวนท่าทีและให้ความสำคัญกับความรักมากกว่า

การที่ฮ่าวตุ้นทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้องค์หญิงจิ้งชูหวาดกลัวและเกลียดเขามากยิ่งขึ้น เรื่องนี้เป็นเสมือนหนามที่ทิ่มตำอยู่ภายในใจของถังหลี่ นางคิดว่าการปล่อยฮ่าวตุ้นไปแบบนั้นยังไม่ถูกต้องนัก

สถานการณ์ในตอนนี้ทั้งสามีและพี่สามของนางไปไปเจรจากับแคว้นต้าฉีเพื่อทำลายพันธมิตรของสองแคว้น ส่วนพั่วหนูกลับไปที่เผ่าฮั่นของตน ถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำสำเร็จ สถานการณ์ของฮ่าวตุ้นย่อมเปลี่ยนไป

ถังหลี่ไม่อยากรอโดยที่ไม่ได้ลงมือช่วยทำอะไรเลย ฮ่าวตุ้นและจินเซ่อเป็นพวกเดียวกัน ที่ฮ่าวตุ้นทำลงไปย่อมเป็นคำยุยงจากจินเซ่ออย่างแน่นอน ตอนนี้ได้เวลาที่ถังหลี่จะโต้กลับบ้างแล้ว

นางมีแผนที่จะกำจัดฮ่าวตุ้นและจินเซ่อ แค่ต้องรอโอกาส..กลับกลายเป็นว่าโอกาสได้มาถึงเร็วกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก

ในตอนบ่ายวันนั้น ฉื่อซื่อมาหานาง

“ฮูหยิน มีข่าวจากฉื่อชีขอรับ”

หลังจากที่ฮ่าวตุ้นเข้ามาในเมืองหลวงได้ไม่นาน ถังหลี่ส่งฉื่อชีให้ไปลอบติดตามจินเซ่อ ข่าวที่มาถึงน่าจะเกี่ยวกับจินเซ่อเป็นแน่

“จินเซ่อและฮ่าวตุ้นมีนัดกันที่หอหยานชุนคืนนี้ขอรับ” ฉื่อซื่อกระซิบ

“หอหยานชุน..หอนางโลมน่ะหรือ?” ถังหลี่ถาม

“ขอรับฮูหยิน” ฉื่อซื่อตอบ

ถังหลี่แทบจะห้ามรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้ นี่เป็นโอกาสที่ดีไม่ใช่หรือ? จินเซ่อหนอ ช่างเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเสียนี่กระไร? กล้านัดเจอกับฮ่าวตุ้นที่หอนางโลมเช่นนี้ พระชายาผู้สง่างามนัดพบกับบุรุษต่างถิ่นในหอนางโลมแบบส่วนตัว หากสิ่งนี้เปิดเผยออกไป ชื่อเสียงของจินเซ่อต้องโดนทำลายอย่างย่อยยับเป็นแน่

“ผู้ที่อยู่เบื้องหลังหอหยานชุนคือจินเซ่อขอรับ” ฉื่อซื่อกล่าวต่อ

ข้าว่าแล้ว..

ไม่น่าแปลกใจที่จะนางเลือกหอหยานชุนเป็นที่นัดพบ ถึงจะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนาง แต่นั่นก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าพระชายาของรุ่ยอ๋องได้นัดพบเป็นการส่วนตัวกับชายต่างแคว้น..

“ให้ฉื่อชีเติมยาในห้องของพวกเขา แล้วหาทางล่อให้จ้าวชูไปที่หอหยานชุนให้ได้” ถังหลี่สั่ง

หากจ้าวชูไปที่หอหยานชุนแล้วล่ะก็ คงจะน่าสนใจมากทีเดียวที่เขาจะได้เห็นพระชายาของตัวเองกำลังมีความสัมพันธ์กับชายอื่น วิธีการที่ถังหลี่ใช้ในครั้งนี้เป็นแผนทั่วไปที่นางร้ายในนวนิยายจะใส่ร้ายนางเอก ทั้งง่ายดายและโหดเหี้ยม สมควรแล้วที่จะกำจัดสามคนนั่น เหมือนถังหลี่ฆ่านกสามตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียว

ไม่รู้ว่าเทียนเต๋าที่อยู่ข้างกายจินเซ่อจะช่วยนางเรื่องนี้ได้หรือไม่?

[1] 竹篮打水——一场空” หมายถึง ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ น้ำก็รั่วออกจากตะกร้าทันที เหลือไว้แต่ตะกร้าอันว่างเปล่า

สำนวนนี้จึงหมายถึง สูญเปล่า คว้าน้ำเหลว ไม่ได้รับผลสำเร็จหรือสิ่งตอบแทนอะไรเลย