ตอนที่ 292 เดรัจฉานไร้ประโยชน์

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 292 เดรัจฉานไร้ประโยชน์
ตอนที่ 292 เดรัจฉานไร้ประโยชน์

ทันทีที่องค์รัชทายาทได้ยินสิ่งที่อุปราชพูด หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาทันที

และเมื่อเห็นว่าอุปราชหนุ่มนั้นมองไปยังเย่ฮ่าวถิงและเอ่ยกับเขา ก็ดูเหมือนว่าตนนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของอุปราชอย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้องค์รัชทายาทรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก อุปราชผู้นี้หมายความว่าเช่นไร เป็นไปได้ไหมว่าองค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเฟิงชางที่สง่างามจะเทียบกับองค์ชายเจ็ดไม่ได้?

เป็นเพียงบุตรของเหมิงกุ้ยเฟย มีอะไรน่าภาคภูมิใจเช่นนั้นหรือ?

องค์รัชทายาทนั้นรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และระงับความหวาดกลัวที่อยู่ภายในใจ จึงเดินขึ้นไปข้างหน้าเย่ฮ่าวถิง และเอ่ยถามขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “แต่อะไรหรือ? มีสิ่งใดที่ทำให้ท่านอุปราชรู้สึกลำบากก็บอกกับข้า ข้าสามารถตอบสนองความต้องการได้ และจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน ในฐานะแขกของอาณาจักร และท่านอุปราชเองก็เป็นแขกคนสำคัญของอาณาจักรเฟิงชาง เช่นนั้นพวกเราไม่สามารถละเลยได้อย่างแน่นอน”

คำพูดขององค์รัชทายาททำให้เย่ฮ่าวถิงและท่านอ๋องเป่าต้องขมวดคิ้วขึ้นมา

หนานหนานที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋รู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก “เหตุใดท่านพ่อของเสี่ยวเฉิงเฉิงจึงเป็นเช่นนี้? โง่เขลาอะไรเช่นนั้น ทำอะไรก็ขี้ขลาด ช่างไม่เหมือนกับเสี่ยวเฉิงเฉิงแม้แต่น้อย ”

“อื้ม” เย่ซิวตู๋กอดร่างเล็ก ๆ ของเขาไว้ และเอ่ยขึ้นเบา ๆ “โชคดีที่หลานเฉิงไม่ได้เติบโตในตำหนักองค์รัชทายาท”

จริง ๆ แล้วการที่เย่หลานเฉิงถูกทิ้งไว้ในเรือนนั้นมาเป็นเวลาสองปี ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีกับเขาแล้ว

หนานหนานพยักหน้า และลูบอกของตนเอง ถ้าเสี่ยวเฉิงเฉิงเปลี่ยนไปเป็นคนน่าเกลียดหมือนกับองค์รัชทายาท ก็คงต้องตีเขาแรง ๆ สักครั้ง และจับเข่าคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวดี ๆ ของชีวิต และพยายามโน้มน้าวเขาอย่างเต็มที่…อ่า ไม่ใช่ ต้องแก้ไขข้อผิดพลาดของเขา

“เอ๊ะ เหตุใดเสด็จปู่จึงส่งองค์รัชทายาทไปเป็นคนต้อนรับทูตจากต่างเมืองล่ะ? ถ้าหากให้ท่านพ่อไปแทน สองแม่ลูกนั้นก็คงไม่ต้องตาย”

เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เจ้าเด็กนี่ช่างให้เกียรติเขาจริง ๆ หรือว่าหากเขาติดภารกิจแล้วเด็กคนนี้ก็จะสามารถแอบขี้เกียจได้?

คงจะไม่ใช่กระมัง…

“สองแม่ลูกนั้นไม่ตายหรอก”

“เรื่องนี้ข้ารู้ พวกเขาทั้งสองนั้นก็ได้ตายไปแล้ว ข้ารู้ว่าไม่สามารถใช้ใช้สมมติฐานเช่นนี้ได้น่ะ แต่ว่า ข้าก็แค่…เอ๊ะ เมื่อครู่ท่านพ่อบอกว่าอะไรนะ? สองคนนั้นไม่ได้ตายหรือ?” การสนทนาของหนานหนานหยุดลงอย่างกะทันหัน และมองดูท่านพ่อด้วยสายตาที่แปลกไป “ท่านรู้ได้เช่นไร?”

เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา “เมื่อครู่ข้าเห็นเหวินเทียนออกมาจากร้านอาหารจากฝั่งตรงข้าม และให้คนมาแบกสองแม่ลูกเข้าไป นั่นน่าจะเป็นความคิดของแม่เจ้า แต่จะรอดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแม่เจ้าแล้ว”

เย่ซิวตู๋หัวเราะเบา ๆ ใกล้ใบหูของหนานหนาน เขารู้สึกว่าอวี้ชิงลั่วนั้นเป็นคนที่มีความเมตตามาก ไม่เห็นจะไร้อารมณ์อย่างที่ผู้อื่นกล่าว เช่นนั้นแล้วจะไม่ยื่นมือออกไปช่วยเหลือคนแปลกหน้าหรือ?

เมื่อหนานหนานได้ยินเช่นนั้น ก็มีความสุขขึ้นมาทันที หลังจากนั้นจึงยื่นคอออกไปดูร้านอาหารตรงข้าม “ท่านแม่ของข้ามาจริง ๆ หรือ? อยู่ไหน อยู่ที่ไหน ข้าจะไปหาท่านแม่”

หนานหนานพูดอีกอย่างทำอีกอย่างมาโดยตลอด ตรงนี้บอกว่าอยากจะไปตรงนั้น พออยู่ตรงนั้นก็พยายามจะออกไปอย่างสุดความสามารถ จนเย่ซิวตู๋ต้องพาเด็กน้อยออกไป

ตัวที่เอียงเข้าไปข้างหน้าเกือบครึ่งตัว อีกนิดเดียวก็เกือบที่จะทำให้ทหารที่ยืนอยู่ตัวสั่นด้วยความกลัว

ท้ายที่สุดท่านอ๋องซิวและเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยผู้นี้สนทนาอะไรกัน? จู่ ๆ เด็กน้อยจึงได้ตื่นเต้นถึงเพียงนี้

เจ้าเด็กตัวน้อยผู้นี้ ครั้งก่อนดูเหมือนว่าจะเคยเห็นที่โรงเตี๊ยมเยว่หมิง ตอนนั้นก็อยู่กับท่านอ๋องแปด และตอนนี้ก็อยู่ในอ้อมแขนของของท่านอ๋องซิว ดูเหมือนว่า สถานะของเด็กผู้นี้จะไม่ธรรมดา

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ทหารจึงเพิ่มความเคารพมากยิ่งขึ้น ก่อนจะรีบเข้าไปขวางหนานหนานที่จะหงายหลังตกลงมา

“…”บริเวณด้านหน้าของหนานหนานถูกปิดกั้น มุมปากของเขากระตุกและเงยหน้ามองเย่ซิวตู๋

เย่ซิวตู๋หัวเราะและเข้าใกล้หนานหนานพลางเอ่ยขึ้นเบา ๆ “เอาล่ะ ไปทางนี้ไม่ค่อยสะดวก กองกำลังของอาณาจักรจิงเหลยหยุดอยู่ตรงกลาง พวกเราต้องข้ามกลุ่มคนตรงนั้นไป เจ้าเงียบหน่อย ดูก่อนว่าว่าเขานั้นจะเริ่มเดินตอนไหน ข้าจะพาเจ้าไป”

หนานหนานเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย จ้องมองไปยังอุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลยเงียบ ๆ เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าเขานั้นจะสังหารคนสังหารม้าไปเพื่ออะไร แล้วมันส่งผลดีต่อเขาเช่นไร

หนานหนานพองแก้มด้วยความโกรธ และจ้องมองทุก ๆ ย่างก้าวของอุปราชผู้นั้น

แม้อุปราชผู้นี้ได้กระทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่ใบหน้าของเขาก็ยังเป็นปกติเช่นเคย หลังจากฟังคำพูดเช่นนั้นขององค์รัชทายาท เขาก็เอ่ยเยาะอย่างเย็นชา “ข้าจะสามารถร้องขอสิ่งใดจากท่านได้หรือ? รถม้าที่เหล่าองค์ชายนั่งอยู่ตอนนี้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ท่านจะให้ข้าพาทุก ๆ ท่านไปที่เรือนรับรองได้เช่นไร?”

เมื่อองค์รัชทายาทได้ฟังประโยคนี้ ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย เพียงแค่ขาดม้าไปเท่านั้น เรื่องแค่นี้เอง สามารถจัดการได้ง่ายดายยิ่งนัก

พระองค์รีบเข้าไปหาองครักษ์ที่อยู่บริเวณด้านข้าง “ไป ไปนำม้าหลวงมา”

เย่ฮ่าวถิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ค่อย ๆ หรี่ตาลง โดยเฉพาะเมื่อเห็นอุปราชที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม ก็รู้สึกขึ้นมาว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็นเลยแม้แต่น้อย

ผลปรากฏว่า เมื่อรอให้องครักษ์ผู้นั้นกลับมา อุปราชหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “องค์รัชทายาท นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? จะให้ใช้ม้าเช่นนี้หรือ กล้าที่จะเลือกมาให้อาณาจักรเฟิงชางของพวกเราใช้หรือ?”

“…” องค์รัชทายาทอยากสบถด่าออกมาเสียจริง อุปราชผู้นี้ตั้งใจที่จะทำให้อาณาจักรเฟิงชางขายหน้าบนถนนเส้นหลักนี้ใช่หรือไม่?

เพียงแต่ว่าคำพูดนั้นฟังดูไม่มีเหตุผลเลย มีคนมาชนกับรถขององค์ชาย ก็สมควรตาย ม้าผู้พิทักษ์กลับทำให้นายตกใจ ก็ถูกตัดหัว สิ่งเหล่านี้ก็สามารถทำความเข้าใจได้ แต่ถึงตอนนี้แม้กระทั่งการเลือกม้า เขาต้องจู้จี้จุกจิกขนาดนี้หรือ?

“ท่านอุปราช ถ้าท่านไม่ชอบม้าตัวนี้ เช่นนั้นม้าที่ข้าขี่อยู่ตอนนี้เล่าเป็นอย่างไร?” เย่ฮ่าวถิงขมวดคิ้วจนเกือบจะรวมเข้าด้วยกัน ถ้าเรื่องวันนี้ไปถึงหูของเสด็จพ่อ แน่นอนว่าพระองค์จะต้องพิโรธอย่างแน่นอน พวกเขาต้องรับผิดชอบไม่ไหวกันไม่ไหวแน่ ๆ

อุปราชหนุ่มขมวดคิ้ว กลับไม่ได้คิดว่าองค์ชายเจ็ดจะให้พวกเขากลับเรือนรับรองโดยเร็วด้วยการยกม้าของตนเองให้ ช่างน่าเวทนายิ่งนัก

อุปราชหนุ่มส่ายหน้าและยิ้มออกมา “ม้าตัวโปรดขององค์ชายเจ็ดคงอยู่กับพระองค์มาหลายปีแล้ว ม้าตัวนี้ก็คงจำนายของมันได้ ถ้าหากว่าให้มันมาอยู่หน้ารถขององค์ชายของข้า เกรงว่าเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็พลิกรถจนคว่ำลง เมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์ก็จะไม่หนักไปกว่านี้หรือ?”

“ท่านอุปราช คำพูดของท่านนั้นช่างน่าสนใจ เช่นนั้นม้าทั้งหมดก็คงไม่คู่ควรใช่หรือไม่?” องค์รัชทายาทรู้สึกโกรธ “ม้าของอาณาจักรเฟิงชางและจิงเหลยไม่เหมือนกัน ถ้าหากยึดตามคำกล่าวของอุปราช ว่าม้านั้นรู้จักเจ้านายของมัน เช่นนั้นแล้วท่านคงไม่ได้จะบอกว่าม้าทั้งหมดของอาณาจักรเฟิงชางไร้ประโยชน์หรือ?”

“องค์รัชทายาทเอ่ยเช่นนี้ กลับเป็นการเตือนข้า” อุปราชตระหนักขึ้นได้ จึงพยักหน้าอย่างลึกซึ้ง “ดังนั้นเมื่อม้าไม่สามารถใช้การได้ เช่นนั้นแล้วเห็นเพียงแต่จะต้องหาวิธีอื่น”

“วิธีการอันใด หรือว่าอุปราชต้องการที่จะเปลี่ยนเป็นลา?” ถ้าหากว่าเห็นด้วย องค์รัชทายาทก็ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ

แววตาของอุปราชเยือกเย็นขึ้นมาทันที และตรงเข้าไปหาองค์รัชทายาท ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาทีละคำ ๆ “องค์รัชทายาทเอ่ยเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลาหรือม้า ต่างก็ล้วนเป็นเดรัจฉานทั้งสิ้น คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ล้วนไร้ประโยชน์”

………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา ต้องกลายเป็นศพแล้วให้คนหามไปใช่ไหมถึงจะเป็นสิ่งที่แกต้องการ อิอุปราช

ไหหม่า(海馬)