บทที่ 549 วางแผนหาเงิน

บทที่ 549 วางแผนหาเงิน

พวกเด็ก ๆ ที่ตื่นเต้นตามมู่มู่ไปจนถึงเที่ยงคืน และยังคงสนทนากันอย่างกระตือรือร้น เฉินจื่ออันกลับลี่เฉิงในเช้าวันรุ่งขึ้น เขายังมีงานอื่นที่ต้องทำอีกจึงไม่สามารถอยู่ต่อได้

หม่านซิ่วคิดจะอยู่กับพวกเสี่ยวเถียนด้วย แต่พี่ชายเกลี้ยกล่อมให้กลับไป ทั้งยังบอกอีกว่าก่อนเดินทางให้โทรศัพท์มาหาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

พี่สามยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูแลเด็ก ๆ ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะรีบโทรหาเธอกับจื่ออันทันที

หลังจากสามีภรรยาเฉินออกทางเดิน หลี่มู่มู่พาพวกเราเดินชมตามหน้าที่ตลอดทั้งวันเพื่อนดูกิจการต่าง ๆ

พวกเราเข้าออกตรอกซอยของหรงเฉิงวุ่นวายกันทั้งวัน

แม้ชายหนุ่มที่ชื่อหลี่มู่มู่จะเป็นแค่เจ้าถิ่น แต่เขาก็เก่งจริง ๆ นั่นแหละ

ทั้งฉลาดและสามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างเรียบง่ายเลย

แม้แต่เสี่ยวเถียนยังคิดว่าเขาเก่งเลย น่าจะเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่เป็นเศรษฐีเลยมั้ง

“ครอบครัวของท่านนายกเฉินก็เหมือนกับครอบครัวผมนี่ละครับ วางใจได้เลยนะ ผมรู้ทุกเรื่องในหรงเฉิงเลย” ระหว่างที่กินข้าว ใบหน้าหลี่มู่มู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวซื่อไม่ไว้ใจเขาเท่าไร เพราะคิดว่าอีกฝ่ายดูเจ้าเล่ห์

แต่เสี่ยวเถียนคิดว่าในเมื่อเป็นคนที่อาเขยไว้ใจ เขาก็สมควรได้รับความไว้วางใจจากเราด้วย

หลี่มู่มู่เหมือนเข้าใจความเคลือบแคลงในใจเสี่ยวซื่อ จึงเอ่ยขึ้น “ท่านนายกเฉินเคยช่วยผมไว้ครับ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเขา ผมกับน้องสาว…พวกคุณไม่ต้องห่วงหรอกนะ ต่อให้ผมต้องหันหลังให้คนทั้งโลก ก็ไม่มีทางหักหลังผู้มีพระคุณหรอกครับ!”

หลี่มู่มู่ไม่ได้บอกว่าเฉินจื่ออันช่วยอะไรไว้ แต่บทความรู้สึกที่ติดค้างบุญคุณไว้นั้นต้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน

เสี่ยวซื่อเงียบกริบ ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้เอง ถ้างั้นเขาก็สมควรได้รับความไว้วางใจจากเรานะ

เช้าวันต่อมา หลี่มู่มู่ไปหาพวกเขาที่โรงแรมแต่แทนที่จะพาเดินไปรอบ ๆ กลับถามพวกเขาแทนว่ามีความคิดอื่นใดหรือเปล่า

“การมาในครั้งนี้ของเราคือการเอาของกลับไปเมืองหลวงน่ะ” โส่วเวิน

“พี่ใหญ่ซูคิดไว้หรือยังครับว่าอยากเอาอะไรกลับไปบ้าง?”

เขาเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เหมือนว่าสิ่งที่หมายตาคือจะเป็นสินค้าที่มีมูลค่าให้ขายต่อ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทไหน ตราบใดที่เอากลับไปและขายได้ มันก็สามารถสร้างรายได้ได้เหมือนกัน

เด็ก ๆ ต่างเงียบกริบ หลังจากที่ดูเมื่อวานมาทั้งวันก็คิดว่าตนสามารถหาเงินได้นั่นแหละ แต่ถ้าจะให้เอาอะไรกลับไปนั้นก็พูดไม่ถูก

“แล้วพวกคุณคิดจะเอาสินค้าราคาเท่าไรกลับไปล่ะ?”

ไม่รู้ว่าพวกเขามีเงินกันเท่าไร จะเงินมากเงินน้อย ตัวเลือกที่เราสามารถเลือกได้ก็จะต่างกันไป

เสี่ยวซื่อเอ่ยจำนวนออกไป ทำเอาหลี่มู่มู่มึนไปชั่วขณะ

เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมก็ใช่ว่าจะแย่เสียทีเดียว ทีแรกยังนึกอยู่เลยว่าจะทำกันเล่น ๆ คงไม่ได้มีเงินเยอะอะไรเท่าไร แต่ไม่คิดเลยว่าจะใจป้ำขนาดนี้

ยิ่งมีเงินเยอะ ทางเลือกก็ยิ่งมาก

“ผมแนะนำว่าซื้อนาฬิกาข้อมือจะคุ้มกว่าครับ ถึงวิทยุและจักรเย็บผ้าจะทำเงินได้ แต่ขนาดของจักรมันใหญ่เกินไปแล้วก็ขายออกยาก ส่วนวิทยุจะทำกำไรได้น้อย ถึงยังไงก็ไม่คุ้มเท่าไรนัก”

เสี่ยวเถียนคิดเหมือนมู่มู่เลย รู้สึกว่านาฬิกาข้อมือมันคุ้มกว่า

“ส่วนข้อได้เปรียบที่มากที่สุดไม่ใช่แค่กำไรสูงเท่านั้นนะ แต่ยังรวมถึงความสะดวกในการขนย้ายด้วย” เสี่ยวซื่อพยักหน้า

เห็นชัดเลยว่าพวกเราคิดแบบเดียวกัน

ตอนกลับเราจะแบกของไปเยอะไม่ได้ เพราะงั้นนาฬิกาจึงเป็นตัวเลือกแรกสุดทันที

แต่เสี่ยวซื่อดูมาตั้งวันนึงแล้วนะ ถึงจะเหลืออีกสิบวันกว่าจะเปิดเรียนก็จริงแต่เราจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้ ต้องใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการหาเงินที่หรงเฉิงสักหน่อยค่อยกลับ

ถึงเราจะต้องเสียค่าที่พักและอาหาร แต่เขาเชื่อว่าในเวลาแบบนี้เขาสามารถหารายได้ได้มากมาย

ทันทีที่คิดเช่นนั้น เสี่ยวซื่อก็เอ่ยออกมาตรง ๆ

“พี่มู่มู่ เรายังเหลือเวลาอีกสิบกว่าวัน ระหว่างนี้มาทำธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ กันดีไหมครับ?”

แม้การมาในครั้งนี้จะเพื่อหาเงินก็ตาม แต่มันคงได้เงินกลับไปไม่เท่าไร แต่ถ้าเราหาเงินเดี๋ยวนี้เลยล่ะ นอกจากจะได้นาฬิกากลับบ้านแล้ว ยังได้เงินกลับไปอีกด้วยนะ

มู่มู่ไม่นึกเลยว่าเด็กคนนี้จะโพล่งขึ้นมา

หากทำธุรกิจกันในท้องถิ่น นั่นหมายความว่าเราจะต้องแข่งกับคนขายในท้องที่ ต่อให้เก่งก็สู้พวกเจ้าถิ่นไม่ได้หรอก แล้วถ้าพวกเขาตกเป็นเป้าหมายละก็ จะต้องเสียเปรียบแน่

เขาได้รับความไว้วางใจจากนายกเทศมนตรีเฉินให้ดูแลพวกเด็ก ๆ เราจะปล่อยให้พวกเขาเจอเรื่องแบบนั้นไม่ได้

“หรือว่าช่างมันเถอะดีครับ เหมือนว่าตลาดในหรงเฉิงจะโดนแบ่งกันหมดแล้วนะ”

เสี่ยวเถียนเข้าใจที่อีกฝ่ายว่า

“พี่มู่มู่ แล้วเราสามารถค้าส่งในหรงเฉิง แล้วขายพวกแถบเมืองรอบนอกได้ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนถาม

มู่มู่ขมวดคิ้ว

“เรามีคนค้าส่งในหรงเฉิงแล้วน่ะ พวกเมืองเล็กข้าง ๆ ก็มีเหมือนกันแต่มันเสี่ยงมากเลยนะ เพราะถ้าสินค้าไม่เหมาะจะขายยากมาก!”

บางคนเสียเงินก็เพราะเรื่องนี้แหละ ดังนั้นจึงอยากจะเตือนเอาไว้

เด็กสาวผงกหัวขอบคุณ

“ขอแค่ทำเงินได้ก็พอแล้ว พวกเราไม่หวังเงินมากมายหรอกครับ ถือว่าเป็นการฝึกฝนแล้วกัน จะได้เอามาเป็นค่าห้องกับค่าเดินทาง” เสี่ยวเถียนมั่นใจมาก เพราะตนมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจอยู่แล้ว

มู่มู่มองเด็กคนนั้น ทีแรกคิดจะให้พวกเขากล่อมเด็กสาวคนนี้อยู่

แต่ใครจะรู้เล่าว่า คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าพร้อมเพรียงเห็นด้วยอย่างเต็มที่

“งั้นพวกเรามาลองกัน”

ในเมื่อเขายืนกราน มู่มู่ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนอกจากทำความต้องการของพวกเขา

ตอนที่เราเร่ขายของ สินค้าที่เลือกมาไม่ใช่นาฬิการาคาแพง แต่เป็นพวกเสื้อผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่นั้นนะ เรายังเอาวิทยุและนาฬิกาอีกหลายชิ้นมาขาย โดยใช้เส้นสายมู่มู่ให้ได้มันมาด้วย

มู่มู่เพิ่งสั่งนาฬิกาที่พวกเขาอยากได้มาให้ จากนั้นก็ออกเดินทางกับเด็ก ๆ ไปยังเมืองเล็ก ๆ ข้างเคียง พอมาถึง เด็ก ๆ ไม่คิดจะหยุดพัก ต่างเริ่มวิ่งไปทั่วเพื่อขายของ

แต่ด้วยจำนวนคนที่มาก ชายหนุ่มแนะนำให้แบ่งกลุ่ม แต่อีกฝ่ายไม่เหมือนจะไม่เห็นด้วยเท่าไร

เขาไม่ได้คิดมาก แค่คิดว่าต้องดูแลเด็ก ๆ เท่านั้น จึงไม่รั้งอะไรต่อ

ไปด้วยกันก็ได้ แค่ตอนขายจะช้ากว่าปกติก็เท่านั้นแหละ แต่เขารู้ที่ไหนล่ะว่า คนพวกนี้รู้ดีว่าเราขายของได้ดีแน่ตราบใดที่มีเสี่ยวเถียนอยู่ด้วย

ไม่คุ้นแล้วยังไง แค่ไม่อยากเสียเวลาก็เท่านั้น

เป็นที่แน่นอนว่าสินค้าที่เอามาขายวันนี้ขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันสั้น แถมยังขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายกลับไปหรงเฉิงทันด้วย