ตอนที่ 540 น้ำใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 540 น้ำใจ

ม้าที่หญิงสาวนั่งส่งเสียงร้องอกมาอย่างตกใจ จากนั้นกระโจนข้ามวงล้อมของกองทัพหนานหรง นำกองทัพถอยจากไป

ภายใต้หน้ากากผีของแม่ทัพหนานหรง ดวงตาของเขาเบิกโพลง ใบหน้าภายใต้หน้ากากลามไปถึงบริเวณลำคอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากไฟไหม้ เขาเหลือบเห็นรองแม่ทัพเล็งยิงธนูไปยังร่างของไป๋ชิงเหยียน เขารีบเอื้อมไปจับแขนของรองแม่ทัพไว้ทันที ลูกธนูลอยไปตกอยู่ที่โล่ด้านหน้าที่ใช้คุ้มกันแม่ทัพหน้ากากผี

“ท่านแม่ทัพ!” รองแม่ทัพหันไปมองแม่ทัพหน้ากากผีอย่างไม่เข้าใจ

ลำคอของแม่ทัพหน้ากากผีร้อนผ่าว ครู่ใหญ่ดวงตาเยือกเย็นคมกริบของแม่ทัพหน้ากากผีจึงหันไปมองรองแม่ทัพ กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถอยทัพ! เราจะปะทะกับต้าจิ้นตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากต้าจิ้นและต้าเยี่ยนถอยไปถึงเขตแดนของเป่ยหรงมันจะไม่เป็นผลดีต่อเรา ที่สำคัญองค์หญิงแห่งต้าเยี่ยนถูกลูกธนูของข้าเข้าไป นางไม่รอดแน่ ถอยทัพก่อน!”

“ท่านแม่ทัพกล่าวถูกต้องขอรับ” รองแม่ทัพพยักหน้า ตะโกนลั่น “ถอยทัพ!”

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินกองทัพหนานหรงตะโกนสั่งให้ถอยทัพจึงหันไปมอง หญิงสาวเห็นร่างของบุรุษคนหนึ่งในชุดเกราะสวมหน้ากากผีนั่งอยู่บนหลังม้าสีดำ ร่างของเขาสูงโปร่ง ร่างทั้งร่างดูเยือกเย็นและสุขุมจนไป๋ชิงเหยียนรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ทั้งคุ้นเคย ทั้งดูแปลกหน้า

ไป๋ชิงเหยียนยังอยากมองให้ชัดอีกรอบ ทว่า แม่ทัพหน้ากากผีของหนานหรงหันหลังกลับพากองทัพถอยทัพไปเสียก่อน

ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ตัดสินใจว่ากลับไปคงต้องส่งคนไปสืบประวัติของแม่ทัพหน้ากากผีผู้นั้นอย่างละเอียด

ต่งฉางหลานพากลุ่มของเซียวหรงเหยี่ยนกลับไปถึงเติงโจว บัดนี้องค์หญิงหมิงเฉิงสลบไปแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนอุ้มองค์หญิงหมิงเฉิงมาตลอดทาง ส่วนต่งฉางหลานช่วยกดบาดแผลขององค์หญิงเอาไว้ เขาเดินเข้าไปในจวนอย่างรีบร้อน ตะโกนให้หมอประจำจวนและหมอของเมืองเติงโจวมารักษาอาการขององค์หญิง

เมื่อวางร่างขององค์หญิงหมิงเฉิงลงบนเตียงในห้อง หมอปะจำจวนรีบห้ามเลือดให้องค์หญิงเป็นลำดับแรก

องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยน ทหารต้าเยี่ยนที่คุ้มกันองค์หญิงหมิงเฉิงมายังเป่ยหรง หมัวมัวและสาวใช้ข้างกายขององค์หญิงล้วนถูกกักบริเวณทั้งหมด

เซียวหรงเหยี่ยนเข้าใจดี ต้าจิ้นช่วยองค์หญิงแห่งต้าเยี่ยนกลับมาได้แล้ว นอกเหนือจากการรักษาองค์หญิง พวกเขาต้องกุมขังทหารและสาวใช้ของต้าเยี่ยนทั้งหมดเพื่อสอบสวนเรื่องราวให้กระจ่างแจ้ง

เยว่สือและองครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนเคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน พวกเขาย่อมรู้ดีว่าควรรับมือเช่นไร

เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนส่งองค์หญิงหมิงเฉิงถึงมือหมอแล้ว ชายหนุ่มโค้งกายคำนับต่งฉางหลาน “ขอบคุณสหายฉางหลานมากขอบรับที่ช่วยชีวิตข้าไว้”

ต่งฉางหลานสั่งให้บ่าวรับใช้นำชุดสะอาดมาให้เซียวหรงเหยี่ยนเปลี่ยน จากนั้นพาชายหนุ่มไปที่ห้องด้วยตัวเอง ระหว่างทางจึงเอ่ยถามขึ้น “เหตุใดสหายเซียวถึงได้ไปอยู่รวมกับขบวนส่งตัวเจ้าสาวของต้าเยี่ยนได้ขอรับ”

แม้ต่งฉางหลานจะสงสัยในตัวของเซียวหรงเหยี่ยนอยู่บ้าง ทว่า ชายหนุ่มคือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ ต่งฉางหลานจึงให้เกียรติเซียวหรงเหยี่ยนอยู่บ้าง

“เมื่อข้าทำการค้ากับหรงตี๋เสร็จ ข้าจึงนึกถึงเรื่องที่สหายฉางหลานเชิญข้ามาเยี่ยมที่เติงโจว เดิมทีข้าอยากมาดูว่าที่นี่สามารถเปิดตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าได้ดั่งที่สหายฉางหลานเคยกล่าวไว้หรือไม่ หากได้ข้าอยากลงทุนด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญเจอกองทัพหรงตี๋ปะทะกับขบวนของต้าเยี่ยนเช่นนี้ ข้าโลภมากเอง ข้าคิดว่าหากช่วยเหลือองค์หญิงแห่งต้าเยี่ยนไว้ได้ ราชวงศ์เป่ยหรงจะได้ติดค้างน้ำใจข้า วันหน้าข้าจะได้ทำการค้าอย่างสะดวกมากขึ้น คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าอาจเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น โชคดีที่สหายฉางหลานและคุณหนูใหญ่ไป๋มาได้ทันเวลา!” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวพลางโค้งคำนับต่งฉางหลานอีกครั้ง “เหยี่ยนขอบคุณสหายฉางหลานและคุณหนูใหญ่ไป๋ที่ช่วยชีวิตข้าไว้จริงๆ ขอรับ”

“สหายเซียวอย่าทำเช่นนี้เลยขอรับ” ต่งฉางหลานรีบประคองเซียวหรงเหยี่ยนขึ้น “สหายเซียวไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อนเถิด หากท่านพ่อรู้ว่าสหายเซียวมาที่นี่ ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ”

เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้ายิ้มๆ ทำความเคารพต่งฉางหลานอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายในห้องรับรอง

เมื่อไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึงเติงโจว หญิงสาวสั่งให้องครักษ์ไป๋กลับไปทำแผลที่จวนต่ง ส่วนตนเองพาหลูผิงมุ่งหน้าไปยังที่คุมขังทหารต้าเยี่ยน หมัวมัวและสาวใช้ขององค์หญิงหมิงเฉิงโดยไม่แม้แต่จะถอดชุดเกราะออก

ไป๋ชิงเหยียนต้องถือโอกาสตอนที่พวกเขาเพิ่งถูกจับแยกคุมขัง ยังไม่ทันรวบรวมความคิด สืบสวนพวกเขาก่อนเผื่อว่าจะได้เบาะแสอันใดบ้าง

ต่งชิงเยว่คิดเช่นเดียวกับไป๋ชิงเหยียน ทั้งสองบังเอิญพบกันที่หน้าค่ายทหารเติงโจว

“ท่านน้าชาย ข้าจะไปสืบสวนหมัวมัวและสาวใช้ขององค์หญิง ท่านน้าชายสืบสวนคนที่เหลือนะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ต่งชิงเยว่พยักหน้า

หลูผิงเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไป เมื่อผลักประตูซึ่งมีทหารยืนเฝ้าอยู่เข้าไปด้านใน หญิงสาวเห็นหมัวมัวและสาวใช้กำลังกอดกันตัวกลม

เมื่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามาคือแม่ทัพหญิง หมัวมัวนึกขึ้นได้ว่าต้าจิ้นมีเทพสังหารอยู่คนหนึ่งคือหลานสาวคนโตของเจิ้นกั๋วอ๋อง เมื่อนางเห็นอายุของไป๋ชิงเหยียนจึงเดาฐานะของหญิงสาวออกทันที นางรีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้น “ขอบพระคุณองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ช่วยชีวิตเพคะ ไม่ทราบว่าองค์หญิงของบ่าวเป็นเช่นไรบ้างเพคะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดเมตตาให้บ่าวและสี่เชวี่ยไปดูแลองค์หญิงหมิงเฉิงเถิดเพคะ”

หมัวมัวชรากล่าวพลางน้ำตาไหลพราก รีบรั้งแขนของนางกำนัลสี่เชวี่ยที่ยังคงยืนตกใจให้รีบคุกเข่าลง

ไป๋ชิงเหยียนมองออกว่าหมัวมัวผู้นี้เป็นห่วงอาการขององค์หญิงแห่งต้าเยี่ยนจากใจจริงจึงกล่าวขึ้น “เจ้าวางใจเถิด ตอนนี้หมอกำลังตรวจอาการขององค์หญิงหมิงเฉิงอยู่ ก่อนที่จะให้พวกเจ้าไปปรนนิบัติองค์หญิง ข้ามีเรื่องอยากสอบถามหมัวมัวและนางกำนัลผู้นี้ก่อน เจ้าทั้งสองช่วยตอบตามความจริงด้วย มิเช่นนั้นข้าคงไม่อาจปล่อยให้พวกเจ้าไปดูแลรับใช้องค์หญิงหมิงเฉิงได้”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วเชิญถามมาได้เลยเพคะ หากบ่าวรู้ บ่าวจะตอบทั้งหมดเพคะ”

นางกำนัลผู้นั้นเห็นหมัวมัวก้มศีรษะแนบพื้น ตนจึงรีบทำตามบ้าง “บ่าวก็จะตอบตามความจริงทุกอย่างเพคะ!”

หลูผิงเห็นดังนั้นจึงรีบลากเก้าอี้มาให้ไป๋ชิงเหยียน

“ต้าเยี่ยนต้องการส่งองค์หญิงหมิงเฉิงไปแต่งงานเชื่อมไมตรีที่หนานหรง ในเมื่อทูตของพวกเจ้าขอใช้เส้นทางจากต้าจิ้นแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่เดินทางผ่านต้าจิ้นตรงเข้าไปยังเป่ยหรงเลย ทว่า กลับเดินทางอ้อมมาเข้าทางดินแดนหนานหรงเช่นนี้” ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ เอ่ยถามเสียงราบเรียบ

“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว พวกเราเป็นเพียงบ่าว ไม่รู้เส้นทางเพคะ เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิง นอกจากใต้เท้าเผิงซึ่งเป็นผู้นำขบวนครั้งนี้แล้ว แม้แต่ทหารที่มีหน้าที่คุ้มกันองค์หญิงก็ยังไม่รู้เส้นทางการเดินทางเลยเพคะ ที่สำคัญฝ่าบาททรงเป็นคนกำหนดเส้นทางการเดินทางครั้งนี้ก่อนพวกเราออกเดินทาง หากองค์หญิงทรงไม่เชื่อ ลองส่งทูตไปสอบถามฝ่าบาทของพวกเราที่ต้าเยี่ยนดูก็ได้เพคะ!” หมัวมัวรีบเอ่ยตอบ

คำกล่าวของหมัวมัวข้างกายขององค์หญิงหมิงเฉิงแห่งต้าเยี่ยนดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก

ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ “พวกเจ้าเผชิญหน้ากับกองทัพหนานหรงได้เช่นไร”

“องค์หญิงกำลังนั่งอ่านบันทึกขนบธรรมเนียมประเพณีของเป่ยหรงอยู่ในรถม้ากับบ่าว จู่ๆ แม่ทัพเผิงซึ่งเป็นผู้นำขบวนก็ตะโกนสั่งให้หันขบวนกลับ ทว่า ยังไม่ทันจะหันกลับ ชาวหรงตี๋ก็ขี่ม้าชูธงของหรงตี๋โผล่มาล้อมขบวนของพวกเราไว้จากทุกสารทิศเพคะ ต่อมาก็เกิดการต่อสู้ขึ้น บ่าวและสี่เชวี่ยคุ้มกันองค์หญิงหลบอยู่ในรถม้า ทว่า ทันใดนั้นคุณชายชุดขาวนามว่าเซียวหรงเหยี่ยนก็โผล่เข้ามาในรถม้า กล่าวว่าเป็นคนรู้จักของท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน อ้างว่ามาช่วยเหลือองค์หญิงออกไปจากที่นี่! ต่อมาเมื่อเห็นว่ารถม้ายื้อต่อไปไม่ไหว เซียวเซียนเซิงผู้นั้นจึงจะพาองค์หญิงหลบหนี ขณะลงมาจากรถม้า องค์หญิงถูกธนูยิงที่ลำคอ…”