ตอนที่ 606 ค้นหาภาพถ่ายอนาจาร

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 606 ค้นหาภาพถ่ายอนาจาร

ไป๋ลู่วิ่งวุ่นช่วยแม่ไป๋เก็บของที่หลินเพ่ยขโมยไปด้วยอีกคน

หลินเพ่ยเป็นหัวขโมย หล่อนอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาเป็นเวลาหลายวัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ขโมยของ

มือของหัวขโมยนั้นฉกฉวยเร็วยิ่งกว่าใคร ตราบใดที่ได้เห็นของมีมูลค่า แน่นอนว่าต้องปรารถนาจะครอบครอง

ไป๋ลู่ทำการค้นตัวหลินเพ่ย นอกจากสร้อยคอทองคำ ซองอั่งเปา เสื้อผ้าใหม่สวยๆ และหมอนใบใหม่ที่แม่ไป๋ซื้อให้ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว

ไป๋ลู่รู้สึกท้อแท้เล็กน้อย ไม่คาดคิดว่ามือและเท้าของหัวขโมยจะสะอาด และไม่ได้ขโมยอะไรอีก

หลังจากไป๋เซี่ยกินอาหารเช้าเสร็จ เขาก็มาดูแม่ไป๋และไป๋ลู่ ก่อนนับสิ่งของที่หลินเพ่ยขโมยไป

เขาจ้องไปยังหมอนใบงามแล้วถอนหายใจ “ทำไมหล่อนถึงขโมยหมอนไปล่ะครับ?”

หมอนใบงามนั้นเป็นหมอนที่แม่ไป๋ซื้อให้หลินเพ่ยเป็นพิเศษ

มันงดงามอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะงดงามขนาดไหนก็เป็นได้แค่หมอน

ถึงแม้จะขโมยหมอนไปก็ใช้กินไม่ได้ ใช้นุ่งห่มไม่ได้ ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

คำพูดของเขาทำให้ไป๋ลู่นึกบางอย่างขึ้นได้

ไป๋ลู่หยิบกรรไกรมาตัดหมอนออก เอื้อมมือสัมผัสเพื่อตรวจสอบ ดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ในแกนหมอน

หล่อนฉีกแกนหมอนออก ล้วงมือเข้าไปดึงถุงผ้าใบเล็กออกมา

หล่อนเปิดถุงผ้าใบเล็กออก และพบว่าข้างในเป็นรูปถ่ายปึกใหญ่

หล่อนหยิบรูปถ่ายออกมา และหลังจากดูเพียงไม่กี่รูป สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

หล่อนยื่นรูปเหล่านั้นให้กับแม่ไป๋และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “แม่ ดูนี่สิคะ!”

แม่ไป๋หยิบรูปถ่ายขึ้นมาเหลือบมอง จากนั้นก็วูบหมดสติไป รูปถ่ายกระจัดกระจายไปทั่วพื้น

ไป๋เซี่ยมองลงไปยังภาพถ่ายบนพื้น และสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก

แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจภาพเหล่านั้นแล้ว เขาย่อตัวลงและบีบมือแม่ไป๋พลางตะโกน “พ่อ! แม่หมดสติ!”

พ่อไป๋กำลังเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปทำงาน

แม้ก่อนหน้านี้แผนเดิมของพวกเขาจะเป็นการส่งหลินเพ่ยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือด แต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะไปด้วย ปล่อยให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของแม่ไป๋

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกของลูกชาย พ่อไป๋ก็รีบไปยังห้องที่เกิดเหตุทันที

ไป๋ซวงซ่อนตัวอยู่ในห้องและครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หล่อนวางแผนไว้ว่าหลังแม่ไป๋พาหลินเพ่ยไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ตนจะแอบเข้าไปในห้องของหลินเพ่ยเพื่อค้นหาภาพอนาจารของตน จากนั้นก็ทำการทำลายทิ้งและใช้ชีวิตต่อไปอย่างสบายใจ

แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไป๋เซี่ย หล่อนก็รีบออกจากห้องของตนและไปที่ห้องของไป๋เซี่ย

ต่อหน้าพ่อและแม่ไป๋ หล่อนเป็นลูกที่ดีและเชื่อฟังมากกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ เสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หล่อนกลายเป็นที่โปรดปราน

ตอนนี้หล่อนไม่ใช่ทายาททางสายเลือดของตระกูลไป๋อีกต่อไป ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตัวให้ดีกว่าเดิมเพื่อให้เป็นที่โปรดปรานของพ่อและแม่

เมื่อไป๋ซวงก้าวเข้าไปในห้องของไป๋เซี่ยและมองดูภาพถ่ายที่กระจายทั่วพื้น หล่อนก็ตกตะลึงทันที จิตใจพลันว่างเปล่า เมื่อพ่อไป๋เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาหาหล่อนทันที

มีเพียงเสียงเดียวที่ดังขึ้นในใจตอนนี้ว่า ‘จบแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!’

ตอนนี้เองแม่ไป๋ก็ฟื้นคืนสติจากการปลุกโดยไป๋เซี่ย เมื่อเห็นไป๋ซวงก็น้ำตาไหลและถามด้วยอาการสั่นสะท้าน “ซวงเอ๋อร์ รูปถ่ายพวกนี้หมายความว่ายังไง?”

ในเมื่อเรื่องต่าง ๆ มาถึงจุดนี้แล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่บอกความจริง

แต่หากพูดความจริงไปก็คงไม่เป็นผลดีต่อหล่อน

ไป๋ซวงรีบสร้างเรื่องโกหกในใจของหล่อนทันที

หล่อนคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับร่ำไห้อย่างขมขื่น บอกเล่าเรื่องราวต่อแม่ไป๋

เพียงหนึ่งเดือนก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ระหว่างทางกลับบ้านจากโรงเรียน หลินเพ่ยหยุดหล่อนไว้และบอกว่าอีกฝ่ายคือลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลไป๋

หล่อนมีความสุขมากตลอดเวลาที่ผ่านมา

ครอบครัวไป๋เลี้ยงดูหล่อนมาเป็นอย่างดีจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร

หากสามารถช่วยพ่อและแม่ไป๋ตามหาลูกสาวโดยกำเนิดได้ ก็คงเป็นการตอบแทนเล็กน้อยสำหรับพวกเขา

ดังนั้นเมื่อหลินเพ่ยเสนอให้หล่อนไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อรับประทานอาหารและพูดคุย หล่อนจึงติดตามหลินเพ่ยไปโดยไม่ลังเล

แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการรับประทานอาหารในครั้งนั้นจะกลายเป็นฝันร้ายตลอดชีวิต

หลังรับประทานอาหารเสร็จ หล่อนก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ

เมื่อลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองกำลังเปลือยกายอยู่บนเตียงสกปรก

หลินเพ่ยที่นั่งข้างเตียงหล่อนบอกว่าตนเป็นคนปล่อยให้ผู้ชายหลายสิบคนข่มขืนหล่อนโดยคิดเงินครั้งละสิบหยวน อีกทั้งยังถ่ายภาพอนาจารของหล่อนไว้ด้วย

หล่อนล้มลงทันทีและต้องการต่อสู้กับหลินเพ่ยอย่างสิ้นหวัง

แต่หลินเพ่ยแข็งแกร่งกว่าหล่อนและทุบตีหล่อนจนนอนพังพาบกับพื้น

หลินเพ่ยสั่งให้หล่อนร่วมมือกับตน โดยให้อีกฝ่ายแสร้งปลอมตัวเป็นหลินม่าย ลูกสาวคนสุดท้องของตระกูลไป๋

หลินเพ่ยข่มขู่ว่าหากหล่อนไม่เชื่อฟัง ต่อให้หล่อนจะฆ่าตัวตาย หลินเพ่ยจะเผยแพร่ภาพอนาจารของหล่อนไปทุกที่ และจะทำให้พ่อแม่และพี่น้องไป๋อับอาย

ไป่ซวงพูดพลางน้ำตาไหล โค้งคำนับพ่อและแม่ไป๋

“พ่อคะ แม่คะ ขอโทษนะคะ หนูก็แค่อยากช่วยพ่อกับแม่ตามหาลูกสาวตัวน้อยที่หายไปหลายปี แต่หนูไม่คิดว่า… หนูไม่คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นแบบนี้ หนูช่วยหลินเพ่ยหลอกลวงพ่อแม่ เพราะหนูไม่มีทางเลือกอื่น หนูไม่ต้องการให้รูปภาพอนาจารของหนูแพร่ไปทั่วให้คนอื่นพากันชี้หน้าและสร้างปัญหาให้พ่อและแม่”

ไป่เซี่ยตะคอกอย่างเย็นชา “เอาแต่พูดว่าทำเพื่อพ่อแม่ ทำไมฉันถึงฟังดูเหมือนเธอกำลังกุเรื่องเพื่อตัวเองล่ะ?”

ไป่ซวงร้องไห้หนักขึ้น “ถึงพี่จะคิดแบบนั้นฉันก็ไม่ว่าอะไร เรื่องราวทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน เพราะฉะนั้นไม่ควรช่วยหลินเพ่ยหลอกลวงพวกคุณ ฮือๆๆ…”

ทันใดนั้น แม่ไป๋ก็พลันลุกขึ้นจากพื้น

หล่อนผลักไป๋เซี่ยอย่างแรงและพูดด้วยความโกรธ “ซวงเอ๋อร์ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องสะเทือนใจครั้งใหญ่ แทนที่จะปลอบโยน แต่ลูกกลับประชดประชันน้อง!”

ไป๋ลู่และพ่อไป๋ก็ตำหนิเขาเช่นเดียวกัน

ไป๋เซี่ยจากไปโดยไม่พูดอะไรด้วยใบหน้ามืดมน

แม่ไป๋ดึงไป๋ซวงเข้ามาในอ้อมแขนและร้องไห้อย่างขมขื่นขณะสวมกอดหล่อน

หล่อนไม่เพียงไม่ตำหนิไป๋ซวงที่ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน กลับยังรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับหล่อนด้วย

เมื่อไป๋ซวงสามารถหลอกแม่ไป๋และคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย หล่อนก็รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย

แต่สิ่งที่หล่อนแสดงออกคือการร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม ซบอกแม่ไป๋และร่ำไห้พลางกล่าว “แม่คะ ถ้าภาพอนาจารเหล่านี้แพร่ออกไป ชีวิตหนูคงพังทลาย และหนูคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

แม่ไป๋กอดหล่อน ตบหลังหล่อนพลางปลอบโยน “อย่ากลัวเลย เราจะทำลายรูปพวกนี้ทันที”

“แต่… ถ้าหลินเพ่ยบอกทุกคนว่าหนูถูกข่มขืนโดยผู้ชายนับสิบคน…”

ดวงตาของพ่อไป๋กลายเป็นเย็นชา “ลองหล่อนกล้าทำสิ! ฉันจะจัดการหล่อนเดี๋ยวนี้เลย!”

หลังกล่าวจบ เขาก็เดินออกไปยังห้องของหลินเพ่ยและเตะหล่อนอย่างแรงหลายครั้งจนกลิ้งไปกับพื้นและร้องโอดครวญไม่หยุด

ปากของหล่อนถูกอุดด้วยถุงเท้าเหม็น และหล่อนก็ร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่า ฟังดูน่าขนลุกเล็กน้อย

แม่ไป๋ได้ยินหลินเพ่ยร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพชในห้องของไป๋เซี่ย แต่คนใจอ่อนอย่างหล่อนกลับไม่แยแส

หลินเพ่ยสมควรทุกข์ทรมานเพราะหล่อนทำให้ซวงเอ๋อร์ลูกสาวผู้เป็นดั่งผ้าขาวต้องเจ็บปวด ความปรารถนาในใจหล่อนคือต้องการให้หลินเพ่ยถูกสับนับพันชิ้น จะให้หล่อนเมตตาต่อผู้หญิงที่ใจร้ายแบบนี้ได้อย่างไร?

พ่อไป๋ทุบตีหลินเพ่ยอย่างรุนแรงก่อนจะดึงถุงเท้ากลิ่นเหม็นเน่าออกจากปากของหล่อนแล้วถามอย่างเย็นชา “เจ็บไหม?”

หลินเพ่ยร่ำไห้ราวกับจะร้องขอความสงสาร “เจ็บ…”

เมื่อเห็นดังนี้ พ่อไป๋ก็รู้สึกขยะแขยง

เขาเคยเห็นคนไร้ยางอายมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่าหลินเพ่ย

เขาทุบตีหล่อนแทบปางตาย แต่หล่อนก็ยังมีหน้ามาเกลี้ยกล่อมเขา!

พ่อไป๋ตะโกน “เธอก็เจ็บเป็นเหมือนกันนี่! แต่ในตอนที่เธอปล่อยให้คนอื่นทำร้ายซวงเอ๋อร์ของเรา เคยคิดบ้างไหมว่าหล่อนก็เจ็บปวดเหมือนกัน! แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่เจ็บปวดยิ่งกว่า! ตอนนี้สายเกินกว่าจะสำนึกผิดแล้ว ฉันจะแจ้งตำรวจและสั่งให้พวกเขายิงเป้าเธอซะ ข้อหาทำร้ายซวงเอ๋อร์ของเรา!”

ทางเดียวที่จะทำให้หลินเพ่ยหยุดแพร่งพรายเรื่องไร้สาระเพื่อทำลายชื่อเสียงของไป๋ซวง วิธีเดียวที่ดีที่สุดก็คือประหารชีวิตหล่อน เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อไป๋ซวงอีก!

หลินเพ่ยตื่นตระหนกทันที

หล่อนเติบโตมาท่ามกลางความยากลำบากและยังไม่ได้เผชิญวันที่ดี อีกทั้งยังไม่ได้แก้แค้น แล้วหล่อนจะยอมตายอย่างง่ายดายได้อย่างไร!

หล่อนหัวเราะเยาะเบาๆ “ส่งฉันให้ตำรวจเพื่อให้พวกเขายิงเป้าฉันอย่างงั้นเหรอ? ฉันรับประกันได้ว่าตราบใดที่ฉันถูกยิง ภาพอนาจารของลูกสาวสุดที่รักของคุณจะแพร่กระจายทั่วทุกที่ คุณเป็นถึงผู้อาวุโสและรองประธานธนาคาร คิดจริงหรือว่าฉันจะไร้เดียงสาจนลืมแบ็คอัพรูปภาพอนาจารพวกนั้นไว้?”

สีหน้าของพ่อไป๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เธอต้องการอะไร?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ถึงยัยไป๋ซวงจะร้าย แต่นางก็โดนรุมโทรมมานะคะพี่ชาย ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาตัดสินความผิดนาง หากจะลงโทษนางก็ลงโทษด้วยเรื่องอื่นเถอะ

อย่าเสียเวลาเจรจากับยัยเพ่ยนี่เลยค่ะพ่อไป๋ ยิงเป้าทำหมันนางไปเลยจบๆ จะได้ไม่เหลืออะไรไว้ทำพันธุ์หรือทำมาหากินต่อ

ไหหม่า(海馬)