บทที่ 559 ยังอยากที่จะดูแลอาซือ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 559 ยังอยากที่จะดูแลอาซือ?

บทที่ 559 ยังอยากที่จะดูแลอาซือ?

ซวีจ้าวยักไหล่ “ข้าไม่สนใจหรอก วรยุทธ์แมวสามขาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เมื่อครู่ข้าไม่ได้มีเจตนาจะวิ่งหรอกนะ แต่เจ้ามาดึงข้าเสียก่อน”

เหยาเอ้อหลางเบิกตากว้าง เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความไม่เชื่อหู “ซวีจ้าวนี่เจ้า! พวกมันเข้ามาใกล้มาขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเจ้าไม่วิ่งหนี ดีไม่ดีหากโดนพวกมันฟันจนเละเล่า ฟังเจ้าเอ่ยมาเช่นนี้แล้ว ดูราวกับว่าเจ้าจะไม่เชื่อในทักษะการต่อสู้กับข้า ขอร้องล่ะ ข้าเองก็เคยร่วมสนามรบมาก่อน ถ้าหากไม่ใช่การจัดการของพ่อข้า ข้าก็คงได้ไปอยู่ในกองทัพแล้ว”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว”

ซวีจ้าวเอ่ยขึ้นเบา ๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเหยาเอ้อหลางเห็นท่าทางเช่นนี้เด็กหนุ่มเองก็รู้สึกเสียอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่อีกฝ่ายเป็นคนที่มาช่วยชีวิตตนไว้ จึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้

ในอีกด้านหนึ่ง

เจี่ยงเถิงปิดตาหลินซือจากด้านหลังและเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “อาซือ เจ้าหลับตาลงและลองทายดูว่าข้าเตรียมอะไรไว้ให้เจ้า?”

หลินซือยังไม่ลืมว่าเมื่อครู่นั้นเจี่ยงเถิงได้หยอกล้อตนเองไว้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด “หึ! มาดูกันว่าท่านจะจริงใจเตรียมอะไรให้ข้าประหลาดใจ ข้าจะรอดู”

เจี่ยงเถิงหัวเราะทันใด เด็กหนุ่มส่งสัญญาณให้กู้อันผิงเข็นรถเข็นมา “แถ่นแท้น! เจ็บขาอยู่ไม่ใช่หรือ ช่วงนี้เดินไม่ได้ ข้าก็เลยให้พี่กู้สอนข้าทำสิ่งนี้ให้เจ้า เดิมทีข้าไม่รู้มาก่อนว่างานไม้มันจะทำยากเย็นเช่นนี้ เจ้าดูแล้วชอบหรือไม่?”

หลินซือจ้องมองรถเข็น เด็กสาวทั้งประทับใจและโมโหในเวลาเดียวกัน “พี่อาเถิง! ข้าก็ว่าอยู่ว่าไม่กี่วันมานี้เหตุใดจึงไม่พบท่านเลย ที่แท้ก็ไปทำสิ่งนี้นี่เอง ข้าชอบมาก ๆ ข้าจะลองนั่งดูนะ!”

ว่าพลางเด็กสาวก็ลุกยืนขึ้น

เจี่ยงเถิงช่วยประคองนางนั่งบนรถเข็นอย่างรวดเร็ว หลินซือสัมผัสได้ถึงบาดแผลบนมือของเจี่ยงเถิง จึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “แผลนี่ท่านได้มาเช่นไร? ท่านพี่โง่ ทำไม่เป็นก็ไม่ต้องทำสิ ไม่ต้องอวดเก่ง ข้าค่อย ๆ เดินก็ได้ ท่านดูถูกข้าเกินไปแล้ว”

เจียงเถิงซ่อนมือไว้ด้านหลัง เด็กหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “แผลเล็กน้อย ตอนแรกยังไม่คุ้นมือจึงได้แผลมา ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าชอบก็ดีแล้ว ตอนนั้นสหายกู้บอกว่าสตรีไม่น่าจะชอบของพวกนี้หรอก”

“ใครบอกล่ะ ข้าชอบมาก ๆ! ข้าจะรักษามันไว้อย่างดี คิด ๆ ดูแล้วก็พอใจเป็นอย่างมาก!”

หลินซือส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น

เจี่ยงเถิงจ้องมองเด็กสาวตัวน้อยสุดแสนน่ารักที่อยู่ตรงหน้าเขา ภายในใจเปี่ยมไปด้วยความรัก

เด็กหนุ่มอดนึกในใจไม่ได้ว่า ‘เจ้าดูสิ ในอนาคตของนางมีเจ้าอยู่ด้วย เช่นนั้นแสดงว่านางมีใจให้แล้ว เพียงแต่เจ้าเด็กโง่ผู้นี้ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้า ทั้งที่เจ้าก็แสดงออกอย่างชัดเจน คนรอบข้างเพียงแค่เห็นยังมองออก แต่นางกลับไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เสียเลย’

เจี่ยงเถิงถอนหายใจ เด็กหนุ่มไม่ต้องการบังคับอาซือ ตอนนี้อาซือยังไม่รู้เรื่องราว เช่นนั้นเด็กหนุ่มก็ต้องคอยอยู่ข้าง ๆ นาง รอจนกว่านางจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่

ต้องมีสักวัน แล้วนางจะมองเห็นตนเองผู้ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างตลอดมา

จู่ ๆ เจี่ยงเถิงก็นึงถึงตอนยังเด็ก ครั้งหนึ่งอาซือเคยทำสมุดบัญชีของท่านอาซูพัง แล้วก็มาร้องไห้กับตน

“พี่อาเถิง ฮือ…ข้าจะทำเช่นไรดี ข้าทำสมุดบัญชีของท่านแม่พัง ท่านแม่จะต้องโกรธแน่เลย! สองวันมานี้ท่านพี่ป่วย ท่านแม่เองก็อารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ถ้านางรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องตีข้าแน่ ๆ พี่อาเถิงช่วยข้าด้วย!”

หลินซือน้ำตาไหลพรากและวิ่งเข้ามาหาเจี่ยงเถิง

เวลานั้นเจี่ยงเถิงก็ได้รู้ว่าตนมีใจให้หลินซือ เด็กชายลูบบ่าหลินซือแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อาซือเป็นเด็กดี ไม่ต้องร้องนะ ยังมีพี่อาเถิงอยู่ เจ้าบอกพี่อาเถิงมาก่อนว่าเจ้าทำสมุดของท่านอาซูพังได้เช่นไร ข้าจะได้คิดวิธีการอธิบายได้”

หลินซือร้องไห้อยู่สักพักหนึ่งจึงค่อย ๆ ดีขึ้น เด็กหญิงกล่าวพลางสะอึกสะอื้น “ข้าเห็นว่าท่านแม่คอยดูแลท่านพี่ด้วยความยากลำบาก ทุก ๆ วันตอนค่ำยังต้องนั่งดูบัญชีจนดึกจนดื่น จึงไม่ได้พักผ่อนดี ๆ ข้าก็เลยคิดว่าข้าจะสามารถช่วยแบ่งความกังวลของท่านแม่ได้หรือไม่ ผลปรากฏว่าข้าทำจานหมึกคว่ำจนบัญชีมองไม่ชัดเจนเสียแล้ว”

หัวใจของเจี่ยงเถิงอ่อนยวบ อาซือของเขาจิตใจงดงามมาตลอด เจี่ยงเถิงคอยปลอบนางอยู่ซักครู่จึงเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “พอได้แล้วอาซือ ไม่ต้องร้องแล้ว เอาแบบนี้ไหม ข้าพาเจ้าไปสารภาพผิดกับท่านอาซู เมื่อนางรู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ ก็จะไม่โทษเจ้าอย่างแน่นอน”

และในท้ายที่สุดเจี่ยงเถิงก็พาหลินซือไปอธิบายต่อเหยาซู และหญิงสาวก็รู้ดีว่าลูกของตนนั้นเชื่อฟังมาโดยตลอด ไม่เพียงแต่ไม่ถือโทษหลินซือ แต่กลับสอนเด็กน้อยว่าจะดูบัญชีได้อย่างไร

“พี่อาเถิง ขอบใจท่านมาก! ที่ท่านพาข้ามาสารภาพกับท่านแม่ ไม่เช่นนั้นข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี” หลังจากที่หลินซือออกมาก็ได้เอ่ยขอบคุณ

เจี่ยงเถิงส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “มีอะไรต้องขอบคุณเล่า ข้าก็เพียงแค่ทำในสิ่งที่ข้าสมควรจะทำ ท่านอาซูเป็นคนที่มีเหตุผล เหตุใดจึงจะไม่ฟังเรื่องราวให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยตัดสินเจ้า ข้าเองก็เพียงแค่รู้ถึงจุดนี้ เลยพาเจ้าไปสารภาพผิด”

เวลานั้น หลินซือก็รู้สึกว่าพี่อาเถิงนั้นสุดยอดมาก! เวลาจะทำเรื่องอะไรเขาจะต้องไตร่ตรองก่อน แต่ตนเองนั้นไม่ได้ไตร่ตรองอะไรมากมาย เวลาจะทำสิ่งใดก็ประมาทเลินเล่อ หุนหันพลันแล่นอยู่เสมอ

จริง ๆ แล้วเจี่ยงเถิงคิดว่าเวลาอาซือพบกับเรื่องที่ยากลำบากก็จะมาหาตนเป็นคนแรก แสดงว่าเด็กหญิงหวังพึ่งพาตน ทั้งสองคนเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อพวกเขาเจอปัญหาและถูกลงโทษ พวกเขาก็ทนรับมันไว้ด้วยกัน นับได้ว่ามิตรภาพก็เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา

“สหายกู้ พวกเราเองก็อยู่รบกวนท่านมาหลายวันแล้ว ฮูหยินของข้าก็ใกล้จะหายดีแล้ว ข้าต้องการที่จะกลับในเวลานี้ แผนการระหว่างท่านกับข้า ท่านเองก็ลองไตร่ตรองดู เมื่อคิดได้แล้วค่อยมาหาข้า ข้าจะช่วยท่านอย่างแน่นอน” เจี่ยงเถิงเอ่ยลาต่อกู้อันผิง

กู้อันผิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ตามนั้นเถิด ข้าเองก็จะไม่ยื้อพวกเจ้าไว้แล้ว ข้าจะหาเหล่าน้องชายสักสองสามคนให้ไปส่งพวกเจ้าลงเขา เรื่องเปิดร้านข้าจะไตร่ตรองให้ละเอียดอีกที หลังจากที่คิดได้แล้วจะไปพบกับเจ้าแน่นอน”

หลังจากนั้นเจี่ยงเถิงและหลินซือก็ลงจากภูเขาไป

บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเหล่าพี่น้องกู้อันผิงมาส่งพวกเขาลงจากภูเขาจึงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจี่ยงเถิงจึงขจัดความกังวลของตนไป

“อาซือ! เจ้ากลับมาแล้ว ข้าเป็นกังวลจนจะตายแล้ว แล้วเหตุใดเจ้าจึงนั่งรถเข็น? บาดเจ็บหรือ? มาให้ข้าดูหน่อย”

ไป๋หรูปิงไม่ได้พบกับหลินซือมาหลายวัน จึงคิดถึงเด็กสาวเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินว่านางกลับมาแล้วจึงมารอที่หน้าหมู่บ้าน

หลินซือกอดไป๋หรูปิงและเอ่ยขึ้น “พี่ไป๋! ข้าคิดถึงท่านมาก ไอ้หยา พูดถึงรถเข็นคันนี้ ข้าก็แค่เท้าเคล็ดเล็กน้อย แต่พี่องเถิงยืนยันที่จะทำรถเข็นคันนี้ขึ้นมาเพื่อให้ข้าเดินน้อยลง ตอนนี้เลยเป็นเช่นนี้”

“พี่อาซือ! ท่านไม่อยู่ข้าคิดถึงท่านเป็นอย่างมาก เจี่ยงเถิงไม่ได้ออกไปกับท่านหรอกหรือ? เหตุใดจึงไม่ปกป้องท่าน หึ ถ้าหากเป็นข้านะ ข้าไม่มีทางปล่อยให้ท่านบาดเจ็บแน่ ๆ”

องค์รัชทายาทเข้าไปหาหลินซือแล้วเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคือง

เจี่ยงเถิงเห็นท่าทางขององค์รัชทายาทที่ดูเหมือนจะหายใจไม่ออก

ประโยคนี้ของเขากำลังโทษตนว่าไม่ดูแลหลินซืออย่างดีหรือ? ถ้าหากเป็นเขา? ถ้าเป็นเขาก็คงจะกลัวจนแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่สามารถปกป้องได้สิไม่ว่า แล้วยังอยากที่จะปกป้องหลินซือเนี่ยนะ? แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงองค์รัชทายาท เจี่ยงเถิงจึงทำได้แค่บ่นในใจ

…………………………………………………………………………………………………………………………