ตอนที่ 1109 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (11) / ตอนที่ 1110 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (12)
ตอนที่ 1109 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (11)
รังสีกดดันรุนแรงมากจนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนหน้าอกกำลังจะระเบิด นี่เป็นสิ่งที่เสิ่นฉือและพรรคพวกของเขาไม่เคยเจอมาก่อน!
ชายหนุ่มคนนี้ยังไม่ทันได้ลงมืออะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็แทบจะรับไม่ไหวกันแล้ว จินตนาการเพ้อฝันของชวีซินรุ่ยสลายไปอย่างรวดเร็ว เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก ใบหน้างามซีดเผือดทันที!
แค่รังสีกดดันอย่างเดียวก็ทำให้ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงพ่ายแพ้ได้แล้ว ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน!
พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
รังสีกดดันที่รุนแรงขนาดนี้พวกเขาเคยเจอจากจ้าวตำหนักของสิบสองตำหนักเท่านั้น แต่สถานการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจ้าวตำหนักท่านนั้นจงใจเพิ่มรังสีกดดันให้รุนแรงขึ้น
แต่สำหรับชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาคนนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาช้าๆ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันได้อย่างมากมาย!
“ท่าน…ท่านเป็นใคร…” ตั้งแต่ชวีซินรุ่ยกลับมาที่เมืองพันอสูร นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกกลัว นางมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบคนนั้นด้วยแววตาหวาดกลัว
รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของจวินอู๋เย่า เขามองชวีซินรุ่ยที่หน้าซีดเผือดแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าสินะ” ดูเหมือนเขาจะพูดกับตัวเอง แต่ก็ฟังเหมือนกำลังถามชวีซินรุ่ยเช่นกัน
“อะ…อะ…อะไร…” ชวีซินรุ่ยงง นางไม่รู้ว่าจวินอู๋เย่าพูดถึงอะไร
รอยยิ้มของจวินอู๋เย่ายิ่งดูน่ากลัว เขายกมือขวาขึ้นพร้อมกับขยับนิ้วเล็กน้อย
แสงสีดำถูกยิงออกไปราวกับลูกธนูตรงเข้าสู่ปากของชวีซินรุ่ยทันที!
“อ๊ากกก!” เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของชวีซินรุ่ย แสงสีดำนั่นทะลวงปากของนาง โลหิตจำนวนมากไหลทะลักออกมา!
ชวีซินรุ่ยอ้าปากที่มีโลหิตอยู่เต็มด้วยความเจ็บปวด จึงทำให้เห็นว่าลิ้นของนางกำลังเน่าด้วยความเร็วที่น่าตกใจ!
ก้อนเนื้อเน่าหลุดออกมาจากปากของนางพร้อมด้วยโลหิตสีแดงที่สาดกระจายไปทั่วพื้น!
ชวีซินรุ่ยรู้สึกเหมือนมีใครกำลังเอาเหล็กร้อนๆ มานาบที่ลิ้นนาง นางปวดแสบปวดร้อนทรมานมากจนไม่สามารถยืนอยู่ได้และล้มกลิ้งลงไปกับพื้นพร้อมกับกุมปากเอาไว้อย่างไร้ประโยชน์
โลหิตผสมเศษเนื้อไหลผ่านร่องนิ้วของนางออกมาไม่หยุด กลิ่นโลหิตคาวคลุ้งกระจายออกมาจากจุดที่นางอยู่
ทุกคนเบิกตากว้างจ้องมองชวีซินรุ่ยที่ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นสกปรกอย่างหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อ
เกือบทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพากันยืนค้าง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
ชวีซินรุ่ยคนที่ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงผู้คนเมืองพันอสูรทั้งเมืองมามากกว่าสิบปีคนนั้น…กำลังนอนบิดตัวไปมาอย่างเจ็บปวดทรมานอยู่บนพื้นเหมือนสุนัขที่กำลังจะตายพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหู
ภาพที่ไม่น่าเชื่อนั้นทำให้ทุกคนในเมืองพันอสูรพากันอ้าปากค้าง!
พวกเขารู้ดีกว่าใครว่าชวีซินรุ่ยแข็งแกร่งขนาดไหน ในปีมรณะนั้นนางล้างเมืองพันอสูรด้วยโลหิตอย่างไรทุกคนยังจำได้ดี ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงคือฝันร้ายที่เกาะกุมในใจของทุกคน พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครจัดการกับยัยแก่นั่นได้ง่ายดายขนาดนี้…..
แต่ภาพที่เกินจินตนาการและเป็นไปไม่ได้มากที่สุดนั้นก็กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขาในตอนนี้แล้ว
จวินอู๋เย่าแค่กระดิกนิ้วเท่านั้น เขาก็ส่งชวีซินรุ่ยลงสู่ขุมนรกได้ทันที!
เมืองพันอสูรทั้งเมืองเงียบกริบ มีเพียงเสียงร้องโหยหวนของชวีซินรุ่ยเท่านั้นที่ดังก้องอยู่!
ตอนที่ 1110 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (12)
ฝันร้ายที่ครอบคลุมเมืองพันอสูรมานานหลายปีค่อยหายไปทีละน้อยพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนนั้น!
เสิ่นฉือมองชวีซินรุ่ยที่ล้มกลิ้งอยู่บนแอ่งโลหิตของตัวเองอย่างหวาดกลัว ถึงแม้พลังของชวีซินรุ่ยจะอ่อนที่สุดในกลุ่มพวกเขาสี่คน แต่นางก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากมายเท่าไรนัก ถ้าพวกเขาจะสู้กับนางก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มนางได้ในเวลาสั้นๆ
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาชนะด้วยการกระดิกนิ้วแค่นิ้วเดียวเลย…
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เสิ่นฉือกลัวจวินอู๋เย่า อย่างนั้นสิ่งที่เกาะกุมหัวใจเขาอยู่ในตอนนี้ก็พูดได้อย่างเดียวว่าสยองขวัญขีดสุด!
รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินอู๋เย่าไม่ได้จางลงเลยแม้แต่น้อย แต่ความอำมหิตในแววตาของเขากลับมากขึ้นทุกทีด้วยกลิ่นคาวโลหิตที่เข้มข้นในอากาศ
“ถึงข้าจะอยากบดขยี้กระดูกเจ้าไปทีละนิดๆ แต่ในเมื่อเสี่ยวเสียเอ๋อร์อยากเก็บชีวิตเจ้าไว้ ข้าก็จะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่นานขึ้นอีกหน่อย” คำพูดชวนขนลุกออกมาจากริมฝีปากอันเย้ายวนของจวินอู๋เย่า จวินอู๋เสียอยากเก็บนางเอาไว้เป็นๆ เขาก็จะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ แต่…ปากที่บังอาจทำให้จวินอู๋เสียแปดเปื้อนนั่น เขาไม่อยากให้มันอยู่ต่ออีกแม้แต่นาทีเดียว
อย่างไรก็เถอะ…
ตราบเท่าที่นางไม่ตายมันก็พอแล้วนี่ ไม่ใช่หรือ
จวินอู๋เย่าหันหน้าเล็กน้อย สายตาที่ยังคงกระหายโลหิตมองไปที่เสิ่นฉือกับบุรุษอีกสองคนที่อยู่ข้างหลัง
เสิ่นฉือรู้สึกเหมือนโลหิตในกายกลายเป็นน้ำแข็งและหนาวขึ้นมากะทันหันจนฟันเริ่มกระทบกันอย่างไม่อาจควบคุมได้!
“ทะ…ท่าน…ท่านเป็นใครกันแน่…” เสิ่นฉือหนาวเยือกไปทั้งร่าง เขารู้แค่ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาน่ากลัวกว่าทุกคนที่เขาเคยพบมาทั้งชีวิต!
ความแข็งแกร่งอันโหดเหี้ยมอำมหิตนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง แม้แต่จ้าวตำหนักของพวกเขาก็อาจจะเทียบไม่ได้แม้แต่น้อย!
เสิ่นฉือสัมผัสพลังวิญญาณในร่างของจวินอู๋เย่าไม่ได้เลยสักนิด แต่ความแข็งแกร่งที่ยากจะต่อต้านของเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่
ด้วยพลังขนาดนี้ แม้แต่ในสามโลกชั้นกลางก็ยังไม่มีใครสามารถต่อต้านเขาได้!
จวินอู๋เย่าหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้น หมอกสีดำออกจากฝ่ามือของเขาแล้วรวมตัวกลายเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่เสิ่นฉือกับบุรุษอีกสองคนทันที!
เมื่อเสิ่นฉือเห็นมังกรทมิฬ เขาก็นึกขึ้นมาได้
เขาเคยได้ยินตำนานของคนผู้หนึ่งที่อยู่เหนือสามโลกของผู้ใช้พลังวิญญาณและครอบครองอำนาจที่ไม่มีใครเคยพบเห็น เขาบดขยี้ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดมานับไม่ถ้วน!
พลังที่ชายหนุ่มคนนั้นครอบครองไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็นสสารสีดำที่เขาสามารถสั่งการได้ตามใจชอบซึ่งได้สร้างฝันร้ายอันไม่สิ้นสุดให้แก่ผู้คน!
ในขณะที่มังกรทมิฬพุ่งเข้าใส่เสิ่นฉือ เขาก็มองเห็นจุดจบของตัวเอง สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือจวินอู๋เย่ากับรอยยิ้มราวปีศาจร้ายและในดวงตาสีดำสนิทที่มองดูพวกเขาส่องประกายสีม่วงออกมา!
ทันใดนั้นมังกรทมิฬก็กินเสิ่นฉือกับบุรุษอีกสองคนเข้าไปทั้งตัว!
โลหิตสีแดงสดทะลักออกมาในหมอกสีดำที่ห่อหุ้มพวกเขาอยู่ เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดผสมกับเสียงกระดูกที่ถูกบดขยี้ดังมาจากในหมอกสีดำนั้น!
ภายในหมอกสีดำที่กำลังหมุนวนนั่นสามารถมองเห็นเงาโลหิตอยู่จางๆ ทุกสิ่งที่อยู่ในหมอกที่เป็นเหมือนพายุที่รุนแรงกำลังถูกบดขยี้ไปทีละน้อย!
ชวีซินรุ่ยนอนสั่นกระตุกด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น นางมองเสิ่นฉือกับพรรคพวกที่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงอีกสองคนถูกหมอกสีดำบดขยี้จนเหลือแต่โลหิตโดยไม่มีปัญญาทำอะไรได้…
ดวงตาของนางจ้องค้างขณะที่หัวใจเกือบหยุดเต้น!