บทที่ 596 ถ่ายทอดทุกอย่าง
บทที่ 596 ถ่ายทอดทุกอย่าง
เห็นได้ชัดว่าเว่ยต้านรอโอกาสนี้มาโดยตลอด เขาพูดถ่วงเวลาจึงทำให้ผู้เฒ่ามี่คลายความระมัดระวังลงเพื่อที่จะได้ออกการโจมตีครั้งสุดท้ายนี้อย่างมีประสิทธิผลที่สุด!
ผู้เฒ่ามี่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ทว่าเขาก็ยังสามารถฝืนใช้นิ้วของตัวเองจิ้มไปที่หว่างคิ้วของเว่ยต้านได้สำเร็จ
แสงสว่างในดวงตาของเว่ยต้านจางลง ดวงตาของเขากลายเป็นสีเทาและลมหายใจของเขาก็ค่อย ๆ หมดลงไป
ผู้เฒ่ามี่เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว เขากุมมือที่ท้อง เลือดไหลออกมาจากปากของเขา
เมื่อเห็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ หัวใจของซูอันก็ซึมเศร้าที่เพื่อนรักทั้งสองคนต้องมาห้ำหั่นกันจนตาย
ขณะนี้เขาปลดผนึกบนจุดชีพจรหมดแล้ว แต่ยังไม่ยอมเคลื่อนไหวให้ แสร้งทำเป็นว่ายังคงถูกผนึกแทน “ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” เขาถาม
ผู้เฒ่ามี่มองเขาด้วยท่าทางรำคาญ “เจ้าไม่เห็นเลือดที่ข้ากระอักออกมาหรือไร!?”
ซูอันหัวเราะอย่างเคอะเขิน “จริงด้วย ๆ ฮะ ๆ แต่ด้วยความเลิศล้ำของผู้อาวุโส ข้าแน่ใจว่าท่านจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว”
ผู้เฒ่ามี่นิ่งอึ้งไปครู่
เขาใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อปรับลมหายใจ “มันจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร การโจมตีครั้งสุดท้ายของเว่ยต้านนั้นทรงพลังหนักหน่วง เมื่อครู่นี้ข้าประมาทเกินไป เขาทำสำเร็จในการลากข้าไปเยือนยมโลกกับเขา…”
ซูอันแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง “มัน…ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จู่ ๆ ผู้เฒ่ามี่ก็แสดงสีหน้าอ่อนโยนราวกับตาแก่ใจดี “อาซู ลองถามตัวเองดู ข้าผู้นี้ปฏิบัติต่อเจ้าดีมาตลอดหรือไม่?”
หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินคำถามนี้และสีหน้าที่แปลกประหลาดของอีกฝ่าย เขาจึงตอบกลับทันทีว่า “ผู้อาวุโสปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดีที่สุด! ถือได้ว่าท่านเปรียบเสมือนเป็นเทพสวรรค์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของข้า!”
“ดูเหมือนเจ้าจะยังมีความกตัญญูรู้คุณอยู่บ้าง ความพยายามของข้าจึงไม่สูญเปล่า” ผู้เฒ่ามี่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ซูอันยิ่งสงสัย ทำไมเขาถึงพูดถึงเรื่องนี้ในเวลานี้?
ชายชรากล่าวต่อ “ข้าแน่ใจว่าเจ้าได้ยินการสนทนาระหว่างข้ากับเว่ยต้านแล้ว ข้าไม่เคยมีลูกบุญธรรมในชีวิตนี้ และด้วยความสัมพันธ์ของเรา จึงนับได้ว่าเจ้าไม่ต่างอะไรจากบุตรบุญธรรมของข้า”
หัวใจของซูอันอ่อนไหวเมื่อได้ยินความอ่อนแอในน้ำเสียงของเขา ชายชราคนนี้อาจจะไม่มีแผนการใดแอบแฝงก็ได้ เขาอาจจะเป็นแค่ตาแก่ที่กำลังจะจากไปและต้องการจะสั่งเสียก็เท่านั้น “ข้าจะไม่มีวันลืมความเมตตาที่ผู้อาวุโสมอบให้! ถ้าผู้อาวุโสไม่รังเกียจ ข้าจะเป็นคนดูแลจัดการทุกอย่างให้กับท่านหลังจากที่ท่านไปสู่สรวงสวรรค์”
“ข้าดีใจที่มีลูกกตัญญูอย่างเจ้า” ผู้เฒ่ามี่หัวเราะ “แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีเวลาเหลือพอที่จะมีความสุขได้นานกว่านี้”
“อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสร้ายแรงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? ข้าแน่ใจว่าเมื่อพิจารณาถึงระดับการบ่มเพาะที่ท่านมี ท่านควรจะสามารถฟื้นตัวได้หลังจากพักฟื้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง!” ซูอันคิดที่จะให้ยาแก่ผู้เฒ่ามี่ ยาที่เมื่อกินเข้าไปจะได้รับการฟื้นฟูทันทีเช่นเดียวกับยาเม็ดคืนวิญญาณของจี้เติ้งถู ซึ่งน่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของชายชราคนนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ภาพความโหดเหี้ยมและการใช้เล่ห์ลวงระหว่างสหายเก่าแก่อย่างผู้เฒ่ามี่และเว่ยต้านยังคงชัดเจนอยู่ในใจ ไม่มีทางที่เขาจะลืมความสงสัยทั้งหมดที่มีในตัวตาเฒ่าคนนี้ได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะรออีกสักหน่อย เพราะเขาสามารถช่วยชายชราได้ตราบใดที่อีกฝ่ายยังมีลมหายใจสุดท้ายหลงเหลือ
“มันสิ้นหวัง ข้าเข้าใจอาการบาดเจ็บของตัวเองดีที่สุด” ผู้เฒ่ามี่กล่าวต่อ “อย่าเสียเวลาอีกเลย ข้าต้องการใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อส่งต่อทุกสิ่งที่ข้ารู้ให้กับเจ้า ด้วยวิธีนี้ บางส่วนของตัวตนของข้าจะคงอยู่ต่อไปแม้ว่าข้าจะจากไป”
ซูอันขมวดคิ้ว “ผู้อาวุโส ท่านอย่าพูดอะไรต่ออีกเลย ท่านควรรักษาอาการบาดเจ็บของท่านก่อน!”
“ไม่เลว เจ้ามีมโนธรรม ข้าไม่ได้เลือกคนผิดจริง ๆ” รอยยิ้มของผู้เฒ่ามี่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการรักษา หากเจ้าปฏิเสธที่จะรับของขวัญที่ข้าจะมอบให้เจ้า เจ้าอาจจะถูกสวรรค์ตำหนิได้!”
ไม่มีอะไรอื่นที่ซูอันสามารถพูดได้ “ขอบคุณผู้อาวุโส!”
“เอาล่ะ ฟังให้ดี” ผู้เฒ่ามี่นั่งลงแล้วพูดพลางหอบหายใจ “ข้าได้ส่งต่อวิชาร่างก้าวทานตะวันของข้าไปแล้ว อีกกระบวนท่าคือ ดัชนีทานตะวัน จงจำวิธีไว้ให้ดี”
“ทำใจให้สงบเฉกเช่นยามรุ่งอรุณ ละทิ้งความคิดวอกแวกให้สิ้น นึกภาพเทพธิดาสวรรค์ประทับลงสู่เส้นลมปราณทุกเส้น ปกคลุมทั่วมหาสมุทรวิญญาณ…”
ซูอันโล่งใจทันทีเมื่อเห็นว่าชายชราคนนี้กำลังถ่ายทอดทักษะแก่เขาจริง ๆ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยิ่งสงสัยว่าทั้งหมดนี้หมายถึงอะไร? เพราะถึงอย่างไร นี่ก็เป็นทักษะที่ลึกซึ้งยิ่งนัก!
เมื่อกล่าวเสร็จแล้ว ผู้เฒ่ามี่ก็พูดว่า “นี่คือทั้งหมดที่เจ้าต้องจำเพื่อฝึกฝนทักษะนี้ เจ้าจำมันได้มากเพียงใด?”
“ทั้งหมด” ซูอันตอบโดยไม่รู้ตัว
“ทั้งหมด?” ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้ว “เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าไม่ควรโกหก เจ้าต้องถามข้อสงสัยใด ๆ ที่เจ้ามีในขณะที่ข้ายังมีชีวิตอยู่”
ซูอันเพิ่งตระหนักขึ้นได้ พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำของเขาทำให้ตัวเองสามารถจดจำทุกสิ่งอย่างได้อย่างรวดเร็ว แต่ผู้เฒ่ามี่ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาจำคำเตือนของเจียงลั่วฝูได้ ดังนั้นเขาจึงเก็บความลับนี้ไว้กับตัวเอง เขารีบพูดว่า “เอ่อ…อันที่จริงข้าจำได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น”
“แค่ครึ่งเดียวงั้นหรือ?” ผู้เฒ่ามี่พึมพำ “ลืมไปตั้งมาก ยังกล้าอวดดีอีก!”
อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักว่าใช้คำพูดรุนแรงเกินไป ผู้เฒ่ามี่จึงปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลขึ้น “ห้าในสิบส่วนนั้นไม่เลว เมื่อพิจารณาจากพรสวรรค์ของเจ้า เอาล่ะ จงตั้งสมาธิอีกครั้ง ข้าจะทำให้ดูอีกสามครั้ง เจ้าต้องจำไว้ให้ดี”
“เข้าใจแล้ว” ซูอันยิ้มอย่างเขินอายเพื่อปกปิดอาการเสแสร้ง ชายชราคนนี้บอกว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่กลับยังมีเวลาอธิบายเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหรือ?
ผู้เฒ่ามี่ไม่เพียงแต่สาธิตวิธีใช้ดัชนีทานตะวันหลายครั้ง เขายังอธิบายส่วนเนื้อหาที่ลึกซึ้งอีกหลายประการ
หลังจากซูอันได้ฟังมันมาหลายครั้งแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองสามารถใช้ทักษะนี้ได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่ามันจะไม่ได้ทรงพลังเท่าของผู้เฒ่ามี่ แต่ก็ยังคงเป็นดัชนีทานตะวัน
แต่แล้วจู่ ๆ ซูอันก็คิดอะไรออกบางอย่าง เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส ทักษะที่ท่านเคยใช้หลบหนีจากผ้าเช็ดหน้านั่นช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ! มีดอกบัวผุดขึ้นในทุกย่างก้าวของท่าน ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าข้าจะเหมาะกับมันหรือเปล่า!”
ผู้เฒ่ามี่อดส่งเสียงรำคาญไม่ได้ “เจ้าหนู เจ้ากำลังบอกใบ้ให้ข้าสอนเคล็ดวิชานั้นแก่เจ้าใช่หรือไม่? ฮึ่ม! ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากถ่ายทอดมันให้เจ้า เพียงแต่ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าต่ำเกินไป และทักษะนี้อยู่เหนือความเข้าใจของเจ้าในตอนนี้ เจ้าคงไม่เข้าใจมันแม้แต่น้อยแม้ว่าข้าจะสอนให้เจ้าก็ตาม”
“เราจะรู้ได้อย่างไรหากท่านไม่ลองสอนข้าดู? ข้าไม่ต้องการทักษะอื่นแล้วนอกจากมัน!” ซูอันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแน่วแน่