ตอนที่ 577 ในไม่ช้า

My Disciples Are All Villains

(อ่านแล้ว)
  ณ ศาลาตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้า
  ลู่โจวลืมตาตื่นขึ้นมาจากการทำสมาธิ ตัวเขาได้เติมเต็มพลังวิเศษไปกว่าครึ่งแล้ว ลู่โจวยังจำพลังจากคัมภีร์โลกาในตอนแรกที่ได้รับมาได้ ลู่โจวที่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเลยคิดที่จะท่องเนื้อหาจากคัมภีร์ขึ้นมา
  เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งการได้ยิน พลังที่จะได้ยินเสียงของทุกสรรพสิ่ง พลังที่จะทำให้ได้ยินเสียงที่ต้องการตามความปรารถนาได้
  พลังวิเศษ พลังสีฟ้าจางๆ ได้ปรากฏขึ้นที่หูของเขา ไม่นานนักลู่โจวก็ได้ยินเสียงคำรามจากน้ำตกที่ด้านหลังภูเขา ตัวเขาใช้พลังวิเศษให้มากขึ้นก็เพื่อที่จะได้ยินเสียงต้วนมู่เฉิงฝึกฝนหอก ตัวเขาได้ใช้พลังวิเศษอีกครั้ง และครั้งนี้ลู่โจวก็ได้ยินเสียงร้องของสัตว์ทั้งหลายและเสียงลมที่พัดผ่าน
  เมื่อรู้สึกว่าพลังวิเศษกำลังจะหมดลงอย่างรวดเร็ว และเพราะแบบนั้นลู่โจวจึงยืนยันได้ว่าระยะของการได้ยินขึ้นอยู่กับพลังวิเศษที่ใช้ ยิ่งระยะการได้ยินกว้างมากขึ้น มันก็จะยิ่งใช้พลังมากขึ้นเท่านั้น
  ลู่โจวส่ายหัว ตัวเขารู้สึกถึงความเปล่าประโยชน์ ความสามารถแบบนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรนอกจากการใช้ดักฟังกัน?
  ในตอนนั้นเองเสียงของหมิงซี่หยินก็ดังมาจากด้านนอก “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องเจ็ดส่งจดหมายมา เจ้านั่นบอกไว้ว่าศิษย์พี่ใหญ่กำลังเตรียมที่จะล้อมเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในอีก 2 วันต่อจากนี้….นอกจากนี้ยังมีเกาะเผิงไหล สำนักหมื่นอสรพิษ ฝ่ายเบ่งบาน และวิหารปีศาจ พวกเขาทั้งหมดได้มุ่งหน้ากันไปที่มณฑลเหลียงก็เพื่อที่จะขับไล่ชนเผ่าอื่น ไป่ยู่ชิง หยางยาน และดีชิง สุดยอดผู้พิทักษ์แห่งสำนักอเวจีเดิมทีถูกส่งไปยังเมืองมณฑลหยาน แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนี้ยังมีศิษย์พี่รอง เขาเองก็ไปที่นั่นด้วย”
  เอี๊ยดดด!
  ลู่โจวเปิดประตู ตัวเขามองไปที่หมิงซี่หยินในขณะที่เอามือไขว้หลัง ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ดูเหมือนว่าชนเผ่าอื่นทนรอต่อไปไม่ได้แล้วสินะ”
  “ชนเผ่าอื่นทั้งหรงซีและหรงเป่ยต่างก็เชื่อในสัตว์ร้าย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขากลายเป็นพวกป่าเถื่อนหลังจากที่แยกดอกบัวทองคำมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้พวกเขาไม่กลัวตายอีกต่อไป หนำซ้ำหลังจากที่ตัดดอกบัวทองคำความเร็วในการฝึกยุทธเองก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย ชนเผ่าอื่นคงจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้แน่ โอกาสที่ศิษย์พี่ใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการพิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์” หมิงซี่หยินพูดขึ้น
  ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า “ข้าเคยไปที่ดินแดนชนเผ่าอื่นมาก่อน มันเป็นเรื่องจริงที่เจ้าพวกนั้นชอบบูชาเหล่าสัตว์ร้าย แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการตัดดอกบัวทองคำจะเป็นประโยชน์ในการฝึกยุทธของเจ้าพวกนั้นได้”
  “ข้าคิดว่าเจ้าพวกนั้นช่างโง่เขลา ถ้าหากการตัดดอกบัวทองคำเป็นประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ เจ้าพวกนั้นก็ควรจะทุ่มเทเวลาไปกับการฝึกยุทธก่อนที่จะบุกโจมตีพวกเรา นั่นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเป็นไหนๆ ไม่ใช่เหรอไงกัน?” หมิงซี่หยินแสดงความเห็นออกมาอย่างไม่เห็นด้วย
  “หืม?”
  ผั๊วะ!
  หมิงซี่หยินรีบตบตัวเองก่อนจะพูดออกมา “พวกเขาไม่ได้โง่เง่า แต่พวกเขาก็แค่ฉวยโอกาสเท่านั้น นี่มันช่างน่าขยะแขยงซะจริง ท่านอาจารย์…พวกเราควรจะทำยังไงดี?”
  ลู่โจวกำลังครุ่นคิดอยู่ ตัวเขาลูบเคราในขณะที่เดินลงบันไดมา เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้นตัวเขาก็เดินไปถึงหมิงซี่หยิน “หมิงซี่หยิน”
  “ครับ ท่านอาจารย์”
  “ไปมณฑลเหลียงซะ”
  “ฮะ?”
  “เจ้าไม่อยากไปอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย
  หมิงซี่หยินรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจ ข้าแค่ประหลาดใจเฉยๆ ศิษย์พี่ใหญ่บอกเอาไว้ว่าไม่ให้พวกเราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ข้าก็แค่กังวลว่าเขาจะโกรธถ้าหากข้ายังจะไปที่นั่น”
  “ที่ที่เจ้าจะต้องไปก็คือมณฑลเหลียง มันไม่ใช่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์” ลู่โจวถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ในบรรดาพวกเจ้าทุกคน เจ้าเป็นคนที่ข้ารู้สึกกังวลน้อยที่สุด…ศิษย์พี่รองของเจ้ามักจะถือตัวและภาคภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ เจ้านั่นน่ะชอบดื้อรั้นซะยิ่งกว่าใคร”
  มีบางอย่างกำลังรบกวนใจของหมิงซี่หยินอยู่ ตัวเขาเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะประเมินชายชราผู้อยู่ตรงหน้า ในตอนนั้นรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ก็ได้หายไปจากใบหน้า ในที่สุดหมิงซี่หยินก้สังเกตเห็นถึงสีหน้าอันจริงจังของลู่โจว คำพูดและการกระทำของลู่โจวมักจะแฝงไปถึงความเป็นห่วงแก่ผู้ที่เป็นลูกศิษย์อยู่เสมอ ในตอนแรกหมิงซี่หยินคิดว่ามันเป็นกลอุบายใหม่ของผู้เป็นอาจารย์ แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าที่จริงจังแล้ว ดูเหมือนว่าผู้เป็นอาจารย์คนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริงๆ
  ความจงรักภักดีเพิ่มขึ้น: 1%..
  ลู่โจวสังเกตเห็นถึงค่าความจงรักภักดีที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อเห็นแบบนั้นตัวเขาก็ได้ถามออกมาอีกครั้ง “เจ้าเต็มใจที่จะไปไหม?”
  หมิงซี่หยินคุกเข่าข้างหนึ่ง “ข้าเต็มใจ ท่านอาจารย์”
  “ดี” ลู่โจวเงยหน้าขึ้นก่อนจะร้องเรียก “จี้เหลียง”
  ณ ทางขึ้นของภูเขาทอง จี้เหลียงกำลังมองขึ้นมาก่อนจะส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง มันค่อยๆ กระโดดขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่จะวิ่งมายังศาลาตะวันออก
  “จี้เหลียงเป็นม้าชั้นยอด จงขี่มันไปที่มณฑลเหลียงซะ”
  ฮี๊!
  จี้เหลียงดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของลู่โจว
  หมิงซี่หยินมองไปที่จึ้เหลียงอย่างตื่นเต้น ตัวเขากำลังจินตนาการถึงภาพความยิ่งใหญ่ที่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนบนสัตว์ขี่ในตำนานแบบนี้ เมื่อถึงตอนนั้นหมิงซี่หยินจะต้องดูเหนือความคาดหมายมากแน่
  จี้เหลียงวิ่งไปหาหมิงซี่หยิน มันก้มหน้าลงก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
  “เจ้าปฏิเสธที่จะให้ข้าขี่อย่างงั้นเหรอ?” หมิงซี่หยินถึงกับพูดไม่ออก
  ลู่โจวไม่คิดว่าจี้เหลียงจะมีนิสัยจู้จี้จุกจิกเช่นนี้
  “บี่เอี๊ยน!”
  บีเอี๊ยนได้บินลงมาจากหมู่เมฆก่อนที่จะลงสู่ลานหน้าศาลาตะวันออก
  เมื่อเทียบกับจี้เหลียงแล้ว บี่เอี๊ยนดูดุร้ายยิ่งกว่า แต่ถึงแบบนั้นมันก็เชื่อฟังและไม่จู้จี้จุกจิกกับผู้ขี่
  หมิงซี่หยินยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “งั้นก็ใช้บี่เอี๊ยนก็แล้วกัน แม้ว่ามันจะดูน่าเกลียดแต่มันก็ใช้ข่มขู่ศัตรูได้”
  ทันทีที่หมิงซี่หยินพูดจบ บี่เอี๊ยนก็รู้สึกไม่เต็มใจที่จะให้หมิงซี่หยินขี่ หลังจากถูกดูถูก บี่เอี๊ยนก็ได้ถอยหลังกลับไปก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนพื้น
  “…” หมิงซี่หยินพูดไม่ออก ตัวเขาหันกลับมามองผู้เป็นอาจารย์ด้วยสายตาอันอ้อนวอน
  ลู่โจวส่ายหัว ตัวเขาคิดที่จะเรียกวิซซาร์ดออกมา แต่เมื่อนึกถึงร่างกายที่ไม่ได้แข็งแรงอะไรของตัวเอง ลู่โจวจึงตัดสินใจที่จะทิ้งสัตว์ขี่อย่างวิซซาร์ดเอาไว้ที่นี่ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งตัวเขาก็พูดออกมาอีกครั้ง “จึ้เหลียง!”
  ฮี๊!
  หลังจากที่จี้เหลียงส่ายหัว มันก็ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ
  หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นพยักหน้า “ต้องอย่างงี้สิ”
  ลู่โจวได้สั่งการต่อ “ไปซะ จี้เหลียง”
  หมิงซี่หยินขึ้นขี่จี้เหลียงก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ไม่ต้องเป็นห่วงไปท่านอาจารย์ ในเมื่อฝากเรื่องนี้ไว้กับข้า มันจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับศิษย์พี่รองแน่! ข้าขอสาบาน…บนหลังม้าตัวนี้…”
  ฮี๊!
  จี้เหลียงยกเท้าหน้าขึ้นก่อนที่จะลอยไปบนฟ้า ไม่ทันที่หมิงซี่หยินจะได้พูดจบ ตัวเขาก็ได้หายวับไปในอากาศซะแล้ว
  มันเป็นเพราะจี้เหลียงได้ปลดปล่อยพลังที่ผันผวนออกมามากจนเกินไป และเพราะแบบนั้นสาวกส่วนใหญ่จึงมารวมตัวกันที่ศาลาตะวันออกเช่นกัน ไม่นานนักจ้าวยู่ ซู่ฮ่องกง หยวนเอ๋อ หอยสังข์และต้วนมู่เฉิงก็มารวมตัวกัน
  “ท่านอาจารย์ ข้าเองก็เต็มใจไปยังมณฑลเหลียงเช่นกัน”
  ลู่โจวเหลือบมองทุกคนก่อนจะพูดออกมา “ถ้าหากพวกเจ้าต้องการที่จะช่วยจริง พวกเจ้าก็ใช้เวลาฝึกฝนตัวเองต่อไปเถอะ”
  ศิษย์สาวกทุกคนพูดไม่ออก
  “ต้วนมู่เฉิง”
  “ครับ ท่านอาจารย์”
  “ต่อจากนี้ไปเจ้ามีหน้าที่ตรวจสอบพลังวรยุทธของทุกคน ในเมื่ออยู่ที่นี่แล้วก็จงใช้เวลาฝึกฝนให้หนักกว่านี้”
  “ครับ ท่านอาจารย์!”
  …
  ณ พระราชวัง ตำหนักเขียวชอุ่มภายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
  หลิวกู่ได้ลืมตาขึ้นมา “มีใครอยู่บ้าง?”
  มีผู้ส่งสารคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเป็นกังวล
  ก่อนที่จะคุกเข่า หลิวกู่ก็ได้พูดออกมาซะก่อน “ทำไมวันนี้สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ถึงไม่ส่งยาเม็ดแห่งการผลิบานออกมาล่ะ?”
  “ฝ่า…ฝ่าบาท…ประมุขโจวยู่ไคได้บอกเอาไว้ว่าวัตถุดิบหมด ในตอนนี้กำลังรวบรวมอยู่ ประมุขโจวบอกเอาไว้ว่าภายในเดือนนี้คงจะปรุงยาเม็ดแห่งการผลิบานไม่ได้” ผู้ส่งสารได้พูดออกมาอย่างสั่นกลัว
  “หืม?” หลิวกู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ข้าดูแลเขาเป็นอย่างดี เจ้านั่นมีอะไรแอบแฝงข้าอยู่สินะ?” ยังไงซะทางพระราชสำนักก็เป็นฝ่ายเตรียมวัตถุดิบ หลิวกู่ไม่ใช่คนโง่ ตัวเขารู้ดีว่าต้องใช้ส่วนผสมเท่าใดในการปรุงยาเม็ดแห่งการผลิบานได้ “ไปพาผู้อาวุโสทั้งสิบของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่มาหาข้าซะ”
  “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
  “แล้วสถานการณ์ของสำนักอเวจีเป็นยังไงบ้างล่ะ?” หลิวกู่ถาม
  ผู้ส่งสารตอบ “ฝ่าบาท ในตอนนี้สำนักอเวจีพิชิตมณฑลทั้ง 9 ได้แล้ว ข้าเกรงว่าสำนักอเวจีจะโจมตีเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีในอีกไม่ช้านี้”