ตอนที่ 1113 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (15) / ตอนที่ 1114 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (1)
ตอนที่ 1113 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (15)
สยงป้าสะดุ้ง เขาคิดว่าจวินอู๋เสียจะไม่พูดกับเขาอีกแล้วชั่วชีวิตนี้
คำพูดของจวินอู๋เสียสร้างความงุนงงให้สยงป้าพร้อมกับทำให้เขาตกใจ เขาเห็นพลังของจวินอู๋เย่าที่โค่นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสี่คนในชั่วอึดใจเดียวกับตาตัวเองแล้วก็รู้ว่าพลังที่แท้จริงของจวินอู๋เย่านั้นเกินกว่าที่พวกเขาเคยเจอมาก
ตอนนี้สยงป้ารู้สึกกลัวจับใจ เขาตระหนักได้ทันทีว่าเขาโชคดีมากขนาดไหน
โชคดี…
โชคดีที่ชวีซินรุ่ยเป็นศัตรูกับจวินอู๋เสีย
โชคดีที่พวกเขามีศัตรูคนเดียวกับจวินอู๋เสีย ไม่อย่างนั้นคนที่จะมีชะตากรรมเดียวกับชวีซินรุ่ยคงเป็นพวกเขาแทน
สยงป้าที่ทั้งรู้สึกสะเทือนใจและเสียใจก้าวยาวๆ เข้าไปที่ตีนกำแพงเมือง เขาคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสียต่อหน้าทุกคน
“พวกเราชาวเมืองพันอสูรทุกคนจะไม่ลืมความเมตตาของคุณชายจวิน เมืองพันอสูรทำเรื่องน่าละอายไว้กับคุณชายอย่างมาก แต่พวกเราโชคดีที่คุณชายไม่ถือโทษและช่วยพวกเราเอาไว้จากเรื่องยุ่งยากคราวนี้ คุณชายจวินโปรดรับการคารวะจากข้าน้อยด้วย!” สยงป้าทำการคารวะต่อหน้าจวินอู๋เสียทันที การกระทำอย่างรวดเร็วและเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นของเขาทำให้โลหิตไหลออกจากหน้าผากของเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดแม้แต่น้อย
พวกเขาติดหนี้จวินอู๋เสียไว้มากเหลือเกิน แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังช่วยพวกเขาเอาไว้อีก การกระทำของจวินอู๋เสียที่ตอบแทนความบาดหมางด้วยความเมตตาทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนหวายฟาดที่หัวใจนับครั้งไม่ถ้วน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของพวกเขากำลังถูกทรมานอย่างเจ็บปวด
จวินอู๋เสียมองสยงป้าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา ชาวเมืองที่อยู่รอบๆ สยงป้าพลันได้สติขึ้นมา ชวีซินรุ่ยถูกจัดการจนหมดสภาพ ลูกน้องของนางก็ถูกฆ่าจนหมด ในที่สุดพวกเขาก็เป็นอิสระจากฝันร้ายที่ครอบงำพวกเขามานานเกินทศวรรษ!
ทันใดนั้นเอง ทุกคนที่อยู่หน้าประตูเมืองพันอสูรก็คุกเข่าลงตรงหน้ากำแพงเมือง!
“ขอบคุณคุณชายจวินที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”
“ขอบคุณคุณชายจวินที่ช่วยพวกเราจากเรื่องเลวร้าย!”
“ขอบคุณ…”
“…”
เสียงขอบคุณดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนก้องไปทั่วท้องฟ้าเมืองพันอสูร ชาวเมืองที่ทุกข์ทนกับการกดขี่ของชวีซินรุ่ยในที่สุดก็เป็นอิสระ พวกเขาไม่ต้องกลัวความโหดเหี้ยมชั่วร้ายของชวีซินรุ่ยอีกต่อไปแล้ว และพวกเขาจะไม่ต้องแยกจากครอบครัวของตัวเองอีก! พวกเขาจะไม่ต้องถูกบังคับให้ไปที่ผาสุดขอบฟ้าซึ่งเป็นหายนะสำหรับพวกเขาทุกคนอีกแล้ว!
ในที่สุดพวกเขาก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่มนุษย์พึงมีแล้ว!
คนทั้งเมืองพันอสูรรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียปรากฏตัวขึ้นทันเวลา ต่อให้พวกเขาทุกคนตั้งใจว่าจะสู้จนตัวตายกับพวกนั้น แต่ด้วยพลังอันอ่อนด้อยของพวกเขาย่อมไม่เพียงพอที่จะโค่นล้มชวีซินรุ่ยได้ สุดท้ายพวกเขาก็จะได้แค่ศักดิ์ศรีที่เสียไปกลับคืนมาโดยใช้โลหิตและความตายเป็นเครื่องสังเวย!
แล้วสุดท้าย…
เมืองพันอสูรก็จะถูกชวีซินรุ่ยฆ่าล้างเมืองอย่างโหดเหี้ยม
จวินอู๋เสียคือผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ เป็นผู้ที่ให้ความหวังใหม่และโอกาสในการมีชีวิต!
เสียงขอบคุณดังขึ้นปนไปกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นช่วงๆ แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและความขมขื่นในใจของพวกเขาที่เก็บสะสมมาตลอด
ถึงจะมีคนคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลายพันคน จวินอู๋เสียก็ไม่มีสีหน้ายินดีเลยแม้แต่น้อย นางเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปที่จวินอู๋เย่าที่อยู่ข้างๆ นาง
“พาข้าไปที่หอเมฆาสวรรค์”
ดวงตาของจวินอู๋เย่าเป็นประกายวูบหนึ่ง แต่เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่โอบแขนรอบตัวจวินอู๋เสียแล้วอุ้มนางขึ้นก่อนจะเตะเท้ากับพื้นเบาๆ แล้วเหาะไปจากกำแพงเมือง
สยงป้าเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่จวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่าเหาะไป หัวใจของเขาสั่นกระตุกทันทีด้วยความตกใจ
นั่นเป็นทางไปหอเมฆาสวรรค์!
สัตว์วิญญาณของจวินอู๋เสียถูกชวีซินรุ่ยจับขังอยู่ที่นั่นและรวมทั้งคนที่ถูกขังอยู่ชั้นใต้ดินของเมฆาสวรรค์ก็คือ…
ตอนที่ 1114 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (1)
ในหอเมฆาสวรรค์ เหล่าชายหนุ่มคนโปรดกำลังเสแสร้งทำมารยาขณะที่รอ ‘เจ้านาย’ ของพวกเขากลับมา แต่ไม่คาดว่าคนที่พวกเขาเห็นพังประตูหอเมฆาสวรรค์เข้ามาจะเป็นจวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่า
“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่ วันนี้ท่านยายไม่อยู่ ถ้าต้องการพบท่านยายก็มาวันอื่น” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งพร้อมกับหันมามองจวินอู๋เสีย พอเห็นจวินอู๋เย่าดวงตาของเขาก็ฉายแววตกใจแวบหนึ่งแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าเขาพูดไม่ทันขาดคำ ศีรษะของเขาก็ขาดออกจากตัว โลหิตพุ่งทะลักกระจายใส่เหล่าชายหนุ่มคนโปรดคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ทันที
ทันใดนั้น
เสียงร้องโหยหวนก็ดังก้องหอเมฆาสวรรค์ เหล่าชายหนุ่มคนโปรดเหยาะแหยะนุ่มนิ่มที่อยู่อย่างหรูหราสุขสบายจะไปเคยเจอภาพน่ากลัวแบบนี้ได้อย่างไร
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีชวีซินรุ่ยคอยหนุนหลัง กระทั่งต่อหน้าเจ้าเมืองแห่งเมืองพันอสูรพวกเขาก็ยังวางท่าอวดดี พอจู่ๆ มาเห็นพวกตัวเองโดนฆ่าทิ้งอย่างไม่แยแส พวกเขาจึงหวาดกลัวกันมาก
เหล่าชายหนุ่มคนโปรดที่หยิ่งจองหองอยู่เมื่อครู่ก็พากันขวัญหนีดีฝ่อ ต่างตะเกียกตะกายหนีไปขดตัวซ่อนตามมุมต่างๆ ตัวสั่นงันงก
จวินอู๋เสียไม่เสียเวลาไปกับพวกไร้ศักดิ์ศรีพวกนี้ นางตรงไปที่ชั้นบนสุดของหอเมฆาสวรรค์ และที่นั่นนางก็ได้เห็นภาพที่คุ้นเคยของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกำลังนอนอยู่บนพรมขนจิ้งจอกสีขาวอย่างสงบ ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณวางอยู่ข้างๆ มัน มันไม่สนใจอะไรอื่นเลย สิ่งเดียวที่ทำให้มันมีปฏิกิริยาได้ก็คือขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณเท่านั้น
หลายครั้งที่ชวีซินรุ่ยอยากให้ชวีเหวินเฮ่าใช้ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณควบคุมใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ แต่ชวีเหวินเฮ่าปฏิเสธนางและไม่ยอมนางในเรื่องนี้ ทั้งยังทิ้งสิทธิ์ครอบครองขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณของตัวเองด้วย แต่นอกจากเขาแล้ว ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็ไม่ฟังคำสั่งคนอื่นเลย และเมื่อไม่มีคำสั่งอะไร ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจึงได้แต่ทำตัวติดกับขลุ่ยตามสัญชาตญาณเท่านั้น
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่อยู่ในสภาพมึนงงสัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามาหามัน มันลืมตาขึ้นและเห็นร่างเล็กๆ ยืนอยู่ตรงหน้า
มันเอียงคอเล็กน้อยและมองเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างสงบนิ่งโดยไม่ทำอะไร
“ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน” จวินอู๋เสียก้มลงพร้อมกับยื่นมือเข้าไปหาใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมองจวินอู๋เสียอย่างสับสน คนผู้นี้ทำให้มันรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก จิตสำนึกของมันที่ถูกขลุ่ยสะกดเอาไว้เริ่มถูกปลุกขึ้นมา มีเสียงเล็กๆ ในใจมันกำลังบอกว่าคนที่อยู่ตรงหน้ามันนี้ไม่เป็นอันตรายกับมันและมันควรยอมอยู่ในอ้อมกอดของนาง
“แบ๊ะ” คนตรงหน้ามันดูคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่ไม่ว่ามันจะพยายามคิดเท่าไรมันก็คิดไม่ออกว่านางเป็นใคร แต่ส่วนลึกในความทรงจำของมันมีร่างหนึ่งที่ดูคลุมเครือซึ่งเหมือนกับร่างของจวินอู๋เสียที่อยู่ตรงหน้ามัน
“มันถูกสะกดอยู่ จำเจ้าไม่ได้หรอก” จวินอู๋เย่าพูดกับจวินอู๋เสียอย่างอ่อนโยนขณะที่สังเกตใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไปด้วย
จวินอู๋เสียมองไปที่ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณด้านข้างแล้วหยิบมันขึ้นมา ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะยืนขึ้นทันที แววตาดูลี้ลับ แต่ไม่ได้มีทีท่าจะโจมตีแม้แต่น้อย
เสียงลึกๆ ในหัวใจมันคอยแต่บอกว่ามันต้องไม่ทำร้ายจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเอาขลุ่ยไว้ที่ด้านหลังแล้วอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะขึ้นมา ตอนแรกใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็บิดตัวดิ้นไปมา แต่กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้มันค่อยๆ สงบลง ในที่สุดมันก็กระดิกหางและหาตำแหน่งที่สบายให้ตัวเองก่อนจะซุกอยู่ในอ้อมกอดของนาง