บทที่ 614 ครอบครัวที่อบอุ่น

หลังจากที่ได้ใส่ยาแล้วเว่ยฉิงแต่งตัวเสร็จสรรพ บ่าวรับใช้ก็นำอาหารมาให้ เขารีบทานอาหาร จากนั้นจึงได้ไปดูลูกน้อยทั้งสองคน

“ฮูหยิน ข้าฝันร้าย ในความฝันของข้าลูกแฝดจำข้าไม่ได้เลย” เว่ยฉิงพูดขึ้นด้วยความวิตกกังวล

“ท่านเป็นบิดาของพวกเขา เขาจะจำท่านไม่ได้อย่างไร?” ถังหลี่ยิ้ม

สามีของนางช่างโง่เขลาเสียจริง แต่ก็เป็นความโง่เขลาที่น่ารัก เมื่อประตูเปิดออกก็ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ให้หันมาหาพวกเขา

มู่เป่าเปามองเว่ยฉิงแล้วค่อยๆ คลานเข้าไปหาบิดา ในขณะที่ถังเป่าเปาอ้าแขนออก นางทำท่าราวกับราชินีที่กำลังรอให้เว่ยฉิงมากอด ทำให้รู้สึกขบขันขึ้นมา

“ยัยหนูคนนี้..ท่าทางไม่เบา”

ถังหลี่คุ้นเคยกับนิสัยของเด็กๆ ลูกสาวของนางทำตัวราวกับราชินีในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น นางมักจะมองมู่เป่าเปาด้วยแววตารังเกียจ เมื่อนางฉี่รดที่นอนเด็กน้อยจะทำหน้าตกใจราวกับว่าไม่เชื่อว่าตนเองจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นได้ บางครั้งเมื่อนางฉี่รดที่นอน นางจะแสร้งคลานหนี แล้วเตะให้มู่เป่าเปากลายเป็นแพะรับบาปแทนตนเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นภายใต้จมูกของถังหลี่ นางจึงรู้เห็นมาโดยตลอด

หากไม่ใช่เป็นสายเลือดของปลาหลี่นำโชค ถังหลี่คิดว่าบุตรสาวของนางคนนี้คงเป็นคนที่ทะลุมิติมาเป็นแน่

เว่ยฉิงเดินไปอุ้มเด็กน้อยที่อ้าแขนรออยู่

“ลูกรักของพ่อ” เว่ยฉิงพูดพร้อมกับจุมพิตที่แก้มของนางแรงๆ

ถังเป่าอยู่ในอ้อมกอดของบิดา ใบหน้าอวบอ้วนของนางแสดงออกถึงความคุ้นเคยสนิทสนม เห็นได้ชัดว่านางยังคงจดจำเว่ยฉิงได้ดี ในที่สุดมู่เป่าก็คลานมาข้างๆ

เขายื่นมือน้อยๆ ออกไปจับที่ชายเสื้อของบิดา เว่ยฉิงอ้าแขนอีกข้างอุ้มลูกชายขึ้นมา พยายามชั่งน้ำหนักเด็กน้อยด้วยแขนของตนเอง

“เจ้าตัวเล็กนี่หนักกว่าเยอะเลย” เว่ยฉิงพูด เมื่อเทียบกับถังเป่าแล้วมู่เป่าค่อนข้างตัวหนักกว่ามาก ใบหน้าของเขาจ้ำม่ำ ดวงตาเรียวเล็ก แขนเป็นปล้องราวกับรากบัว ส่วนถังเป่าเป็นเด็กน้อยที่ดูราวกับแกะสลักมาจากหยก

ใบหน้าของนางขาวนวลเนียน ดวงตากลมโตขนตาเป็นแพยาว จมูกเล็กๆ นั่นเหมือนกับภรรยาของเขามาก

เว่ยฉิงหยอกเย้าทารกทั้งสองอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะถูกถังหลี่ลากไปนอน ตลอดระยะเวลาของการเดินทาง เว่ยฉิงเหนื่อยมาก ใบหน้าของเขาอิดโรย เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วลงไปนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย จากนั้นจึงได้มองถังหลี่อย่างกระตือรือร้น

“ฮูหยิน มานอนด้วยกันสิ”

ถังหลี่ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกพร้อมกับนอนลงข้างๆ เว่ยฉิง เขารั้งนางมากอดไว้ข้างกาย ตอนนี้เขาตัวหอมและสะอาดแล้ว เว่ยฉิงจึงได้ให้ภรรยาแนบใบหน้าเข้าที่หน้าอกของตน กอดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น

ถังหลี่ได้ยินเสียงหัวใจเต้น พลันรู้สึกโล่งอกและผ่อนคลาย เว่ยฉิงพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในต้าฉี ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือประเพณี เขาเล่าไปเรื่อยๆ ถังหลี่ตั้งใจฟังจนกระทั่งเสียงค่อยๆ เบาลงไป เมื่อเงยหน้ามองขึ้นก็พบว่าเว่ยฉิงหลับไปแล้ว เขาหายใจสม่ำเสมอพร้อมกับมีเสียงกรนแผ่วเบา เขาคงเหนื่อยมาก ถังหลี่หลับตาลง ฟังเสียงหัวใจเต้นของสามี นางผล็อยหลับตามไปในที่สุด

เมื่อถังหลี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จึงเห็นว่าเว่ยฉิงตื่นนอนแล้ว เขากำลังจ้องมองมาที่นางราวกับถังหลี่คือสมบัติที่แสนล้ำค่าไม่ว่าจะชื่นชมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ เขาอยากจะสัมผัสนางแต่เห็นว่านางยังหลับใหลอยู่ เว่ยฉิงจึงได้แต่ห้ามใจของตัวเองไว้ เขาเอียงใบหน้าซบเข้าที่ลำคอของภรรยา ทำให้ถังหลี่หัวเราะออกมา

“นี่คืออะไรหรือ?” ถังหลี่มองไปที่กล่องบนเตียงหยิบขึ้นมาดู

“องค์หญิงอันหยางมอบให้ข้ากับกู้หวนจิ่น” เว่ยฉิงพูด

“มันคือหยกประดับปลาคู่”

ถังหลี่เปิดกล่องออกดูพบว่าเป็นหยกประดับที่สวยงามมาก นางรู้สึกสับสน

“เหตุใดองค์หญิงจึงมอบมันให้พวกท่าน?”

เว่ยฉิงอธิบายว่าองค์หญิงอันหยางชอบพอพวกเขาทั้งสองคน แต่ทว่ากู้หวนจิ่นแสร้งทำเป็นพวกตัดแขนเสื้อกับเขา ถังหลี่ได้ฟัง นางขมวดคิ้วพลางยิ้ม อดคิดไม่ได้เลยว่าองค์หญิงอันหยางผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบัน นางต้องเป็นคู่ชิป[1]ไม่ก็แฟนคลับของสามีและพี่สามของนางเป็นแน่

หากนางรู้ว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคนเป็นผู้ชายแท้ๆ นางจะฝันสลายหรือไม่? พี่สามของนางร้ายกาจเกินไปแล้ว

“ฮูหยิน ข้ามอบหยกประดับปลาคู่ให้กู้หวนจิ่นไม่ได้ เจ้าเก็บไว้เถอะ” เว่ยฉิงพูด

ถังหลี่รับมันไว้ ทั้งสองกอดจูบกันสักพัก จากนั้นจึงได้ออกมาจากห้อง ที่ด้านนอกประตูห้องมีร่างเล็กๆ นั่งหันหลังให้พวกเขาอยู่ตรงขั้นบันได

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูซานเป่ารีบหันมาทันที เด็กหญิงรวบผมเป็นทรงหางม้า นางเติบโตขึ้นใบหน้าเริ่มฉายแววงดงามให้เห็น

เมื่อเห็นบิดาดวงตาของซานเป่าเป็นประกาย นางรีบลุกขึ้นไปหาเว่ยฉิงทันที เขากอดเด็กหญิงไว้ลูบศีรษะของนางเบาๆ

“ซานเป่า คิดถึงพ่อหรือไม่?”

นางผงกศีรษะเล็กๆ ขึ้นลง

“ข้าคิดถึงท่านพ่อแทบตาย” ซานเป่าพึมพำ นางกอดคอบิดาไว้สักพักจึงปล่อยออกอย่าไม่เต็มใจ

“ซานเป่าตัวหนัก ท่านพ่อเพิ่งกลับมาจากการเดินทางต้องอุ้มข้าอีกจะทำให้ท่านเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป ”

เว่ยฉิงตื้นตันใจจนแทบหลั่งน้ำตา บุตรสาวตัวน้อยของเขาช่างเป็นเสื้อบุนวมที่อบอุ่น ทั้งเอาใจใส่และว่าง่าย

เขาเฝ้ามองเด็กน้อยเติบโตขึ้น ตอนที่ซานเป่ามาอยู่กับเขาในตอนนั้น นางยังเดินไม่มั่นคงเลยด้วยซ้ำ พริบตาเดียวก็เติบโตเป็นสาวเสียแล้ว

เวลาผ่านข่างไปไวเหลือเกิน…เว่ยฉิงรู้สึกอ่อนไหว ถึงซานเป่าจะไม่ให้เขาอุ้มแต่เด็กน้อยก็เดินตามราวกับเป็นหางของเขา หลังจากนั้นไม่นานเว่ยจื่ออี้ที่ได้ยินว่าพ่อกลับมา ก็รีบมาหาเว่ยฉิงอย่างรวดเร็ว เมื่อเด็กหนุ่มเห็นเขา ดวงตาพลันสว่างเป็นประกาย

“ท่านพ่อ”

เว่ยฉิงเทียบส่วนสูงของเขากับบุตรชาย พบว่าเว่ยจื่ออี้สูงขึ้นกว่าเดิม เขาถามคำถาม จื่ออี้ตอบอย่างเชื่อฟัง ตอนนี้เว่ยจื่ออี้ไม่ได้เรียนหนังสืออีกแล้ว เขาเปิดห้องสมุดที่รวบรวมหนังสือทุกประเภท ทั้งนิทาน และบันทึกเรื่องราวต่างๆ รวมถึงยังเขียนเรื่องของตัวเองอีกด้วย บทความที่เขาเขียนค่อนข้างได้รับความนิยม จนทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง

เมื่อเว่ยจื่ออี้เขียนหนังสือ บางครั้งถังหลี่ก็ให้คำแนะนำแก่เขา เด็กหนุ่มรู้สึกว่าโครงเรื่องที่มารดาของเขาเสนอมาค่อนข้างดีและแปลกใหม่ เขาจึงชอบคุยกับมารดาเรื่องหนังสือนิทานเหล่านั้น

“ท่านพ่อ ข้ามีสหายใหม่แล้ว” เว่ยจื่ออี้กระซิบ เว่ยฉิงมองท่าทางการแสดงออกของบุตรชายอย่างสนใจ

“เอ้อร์เป่าของพ่อมีคนที่ชอบแล้วหรือ?” ใบหน้าของเว่ยจื่ออี้เปลี่ยนเป็นสีแดง

“ท่านพ่อ ไม่ใช่คนที่ชอบขอรับ เขาเป็นบุรุษ”

“บุรุษ?” เว่ยฉิงเลิกคิ้ว

“ข้าไม่เคยเจอเขามาก่อน แต่เขาเขียนนิทานมาขายที่ห้องสมุดของข้า เรื่องราวในนั้นล้วนน่าตื่นตะลึง หากเป็นสตรี ข้าคงจะกังวล พวกเราติดต่อกันทางจดหมาย ข้าอยากเจอเขาทว่าเขาไม่ตอบกลับมา คิดว่าเขาคงไม่สะดวก..” เว่ยจื่ออี้กล่าว

เว่ยฉิงพยักหน้า น่าจะเป็นเหตุผลตามที่บุตรชายกล่าวไว้ทั้งสองนั่งคุยกัน ในตอนนั้น เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยก็กลับมาจากสำนักฮั่นหลิน

[1] เป็นอาการที่แฟนคลับเอาสมาชิกไอดอลที่ชอบ หรือไอดอลที่สนิทกันมาจับคู่กัน แล้วคิดไปว่าเป็นคู่รักกัน