ตอนที่ 616 โต้เถียงเรื่องกรุ๊ปเลือด

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 616 โต้เถียงเรื่องกรุ๊ปเลือด

เมื่อเห็นว่าไป๋ซวงตื่นขึ้น พ่อไป๋และแม่ไป๋ก็ตื่นเต้น

ฟางจั๋วหรานคืนมีดให้กับบริกรและพูดอย่างสับสน “ผมเป็นแพทย์มาหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นหรือรู้มาก่อนเลยว่าภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันจะสามารถหายเป็นปกติได้ภายในไม่กี่นาที นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ!”

แม่ไป๋และคนอื่น ๆ มัวแต่มีความสุข จึงไม่มีใครได้ยินคำพูดประชดประชันของเขา

แม่ไป๋เป็นห่วงและยืนกรานจะพาไป๋ซวงไปยังห้องฉุกเฉิน

ผลก็เหมือนกับเมื่อวาน หมอในแผนกฉุกเฉินตรวจอยู่นานแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติกับไป๋ซวง

เมื่อทั้งครอบครัวจากไป หมอที่เพิ่งตรวจไป๋ซวงก็พึมพำกับตนเอง “ทุกวันนี้คนที่แข็งแรงปกติดีกลับปรารถนาจะให้ตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย แปลกจริง ๆ!”

ใบหน้าของไป๋ซวงร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด

หล่อนลอบชำเลืองมองสีหน้าของพ่อไป๋และแม่ไป๋ พวกเขาสงบมากและยังคงไม่ได้ยินคำพูดของหมอ

ไป๋ซวงโล่งใจทันทีที่ในที่สุดสถานการณ์แห่งความลำบากใจก็ผ่านไป

กว่าที่ครอบครัวไป๋จะเดินทางมาถึงวิลล่าก็เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว

โต้วโต้วและอาหวงยืนอยู่ที่ประตูและมองไปยังประตูลานบ้าน

เมื่อเห็นว่าในที่สุดฟางจั๋วหรานและครอบครัวของไป๋ก็มาถึง หล่อนจึงพาอาหวงไปเปิดประตูให้พวกเขาอย่างมีความสุข

เด็กหญิงกล่าวอย่างแผ่วเบา “แม่จ๋าทำอาหารแสนอร่อยไว้รอให้ทุกคนได้มารับประทานค่ะ”

เมื่อทุกคนไปยังห้องรับประทานอาหาร พวกเขาก็เห็นว่าบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารเช้ามากมาย

ขณะกำลังรับประทานอาหารเช้า หลินม่ายยิ้มและถามไป๋ซวง “วันนี้คุณยังต้องการรับประทานเครื่องในเป็นมื้อกลางวันหรือไม่คะ? กึ๋นไก่ผัดเห็ดและซุปตับหมูที่ทำไว้ให้คุณเมื่อวาน…ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยชอบมันนัก อีกอย่าง ฉันทำอาหารรสเผ็ดที่มีส่วนผสมของพริกมากมาย ก็ดูเหมือนว่าคุณอากับคุณน้าไป๋จะไม่ชื่นชอบนัก วันนี้อยากให้ฉันเปลี่ยนรสชาติอาหารให้กับพวกคุณไหมคะ?

ไป๋ซวงกำลังกินเสี่ยวหลงเปา เมื่อหล่อนได้ยินคำพูดของหลินม่าย หล่อนก็ตกใจจนใช้แรงกัดมากเกินไป ทำให้น้ำซุปร้อนในตัวซาลาเปาไหลเข้าปากทันที จนหล่อนสำลักแทบตาย

หลินม่ายรีบเทน้ำต้มสุกเย็นให้หล่อนหนึ่งแก้ว

ไป๋ซวงดื่มในอึกเดียว ซึ่งทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาก

หล่อนเบิกตาคู่เล็กด้วยแววตาข้องใจ “ม่ายจื่อ ฉันบอกคุณเมื่อไหร่ว่าฉันชอบกินเครื่องในสัตว์? และเมื่อไหร่ที่ฉันบอกคุณว่าครอบครัวของฉันชอบอาหารรสเผ็ด? ฉันจะบอกให้ชัด ๆ เลยนะว่าฉันไม่ชอบกินเครื่องในสัตว์ ทั้งครอบครัวของฉันมาจากเมืองหลวงและกินอาหารรสเผ็ดไม่ได้ แต่คุณกลับทำตรงกันข้าม”

ทันทีที่หล่อนพูดจบ ฟางจั๋วหรานก็พูดด้วยใบหน้าเฉยเมย “ผมได้ยินอย่างชัดเจนว่าคุณบอกม่ายจื่อว่าคุณชอบกินเครื่องในสัตว์ และทุกคนในครอบครัวของคุณชอบอาหารรสเผ็ด นั่นเป็นเหตุผลที่ม่ายจื่อทำอาหารที่มีส่วนประกอบของเครื่องในสัตว์หลายจานให้คุณเมื่อคืนนี้ รวมถึงอาหารที่ใส่พริกด้วย แต่ตอนนี้คุณกลับปฏิเสธทุกอย่าง นั่นทำให้ผมสงสัยมากว่าคุณจงใจบอกม่ายจื่อเมื่อวานนี้เพียงเพื่อใส่ร้ายหล่อน!”

เมื่อใดก็ตามที่เขาเผชิญกับใบหน้าที่ดูคล้ายกับหลินเพ่ย ฟางจั๋วหรานก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา

ประกอบกับเรื่องที่หล่อนแกล้งป่วยเพื่อหลอกครอบครัว เขาก็ยิ่งเกลียดหล่อน

เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังมุ่งร้ายต่อหลินม่าย แน่นอนว่าเขาย่อมลุกขึ้นปกป้องหญิงผู้เป็นที่รักของเขาทันที

ไป๋ซวงกล่าวด้วยน้ำตาไหลริน “ฉันไม่ได้ทำ คุณใส่ร้ายฉัน!”

“ผมใส่ร้ายคุณงั้นเหรอ?” ฟางจั๋วหรานหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ผมไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับคุณ ทำไมผมต้องใส่ร้ายคุณด้วย?”

น้ำตาของไป๋ซวงไหลลงมาเป็นสาย “เพราะคุณไม่ต้องการให้ฉันอยู่ในบ้านของตระกูลไป๋ คุณกลัวว่าฉันจะปฏิบัติไม่ดีต่อม่ายจื่อเมื่อหล่อนกลับไป”

หล่อนมองอย่างจริงใจและกล่าว “ฉันจะไม่ทำร้ายม่ายจื่อหรอก คุณไม่จำเป็นต้องปกป้องหล่อนขนาดนี้ก็ได้”

ฟางจั๋วเยวี่ยไม่ต้องการให้ความสนใจกับไป๋ซวงในตอนแรก แต่เขายังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

เขาทนไม่ได้กับการกระทำของหญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ จึงขมวดคิ้วกล่าว “ในเมื่อคุณบอกว่าจะไม่ทำร้ายม่ายจื่อ งั้นก็กลับไปหาพ่อแม่ที่แท้จริงของคุณสิ ปากก็บอกว่าจะไม่ทำร้ายม่ายจื่อ แต่ในใจกลับมีแผนการมากมายที่คิดจะใส่ร้ายหล่อน แบบนี้แล้วจะให้ผมเชื่อใจคุณได้ยังไง?”

ไป๋เซี่ยพยักหน้า มองไปยังไป๋ซวงและกล่าว “ใช่ แต่ละคนต่างกลับบ้านของตัวเอง กลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเอง เดิมทีพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็เป็นคนสลับตัวเธอและม่ายจื่ออย่างมุ่งร้าย ก็สมควรแล้วที่เธอจะกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดไม่ใช่เหรอ?”

ไป๋ซวงน้ำตาไหลทันที หันไปมองพ่อไป๋และแม่ไป๋ “พ่อ แม่ หากจะให้ทิ้งท่านทั้งสองไป หนูทำใจไม่ได้จริง ๆ”

หล่อนร่ำไห้อย่างน่าสมเพช ดูน่าเวทนาสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น

แม่ไป๋ตำหนิไป๋เซียพร้อมปลอบโยนไป๋ซวง “ลูกรู้ว่าน้องสาวกำลังป่วย แต่ก็ยังจงใจทำให้หล่อนโกรธอีก!”

ไป๋เซี่ยโกรธมากจนเบือนหน้าหนีผู้เป็นแม่

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินม่ายจึงพูดกับไป๋ซวง “เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจะแต่งงานกับจั๋วหรานในอีกไม่นาน และวางแผนจะมีครอบครัวเล็ก ๆ ของฉันเอง ฉันไม่อาศัยอยู่ในบ้านของคุณแน่นอน คุณไม่ต้องปั่นหัวใครเพราะกลัวว่าฉันจะกลับไปยังตระกูลไป๋และส่งผลกระทบต่อสถานะของคุณหรอก มันน่าเบื่อเข้าใจไหม?”

ไป๋ซวงร้องไห้หนักขึ้น “ฉันไม่ได้ทำ อย่าใส่ร้ายฉัน”

หลินม่ายพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่ต้องการโต้เถียงกับคุณ เรื่องนี้คุณรู้ดีที่สุด”

ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครสนใจหล่อน ทุกคนกินอาหารเช้าต่อไป

คุณย่าฟางพูดด้วยใบหน้าหม่นลง “เราสองสามีภรรยารู้จักนิสัยของม่ายจื่อดีที่สุด หล่อนมองคนไม่ผิดหรอก!”

คุณปู่ฟางพยักหน้าจากด้านข้าง

เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่หลินม่ายจะทำผิดต่อใคร มีเพียงไป๋ซวงเท่านั้นที่ทำผิดต่อเธอ

แม่ไป๋โกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ และต้องการที่จะหักล้างคำพูดของคุณย่าฟาง แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ที่นี่ในฐานะแขกจึงไม่เหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น ทำได้เพียงกลืนความโกรธลงไป

อาหารเช้ามื้อนี้ไม่เป็นที่พอใจอย่างมาก

หลังรับประทานอาหารเช้า ครอบครัวไป๋ก็เดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรับผลกรุ๊ปเลือดของหลินม่าย

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางไม่มีความกระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อน พวกเขาเพียงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า ‘เดินทางปลอดภัย’ และนั่งบนโซฟาอย่างมั่นคง ไม่แม้แต่จะเดินออกไปส่งพวกเขาที่หน้าประตู

ใบหน้าของแม่ไป๋เต็มไปด้วยความไม่พอใจ พลางคิดกับตัวเองว่าหล่อนจะไม่ไปที่บ้านของตระกูลฟางอีก

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ผลการตรวจกรุ๊ปเลือดของหลินม่ายก็ออกมาแล้ว

แม่ไป๋ดูผลลัพธ์เพียงครั้งเดียว จากนั้นหล่อนก็ดูผิดหวัง

พ่อไป๋ ไป๋เซี่ย และไป๋ลู่ตั้งโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่ออ่านผลนั้น

ไป๋ลู่เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ม่ายจื่อไม่ใช่เลือดกรุ๊ปโอได้ยังไง? เป็นไปได้ว่าโรงพยาบาลทำผิดพลาด”

ไป๋เซี่ยพยักหน้า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

ไป๋ซวงส่ายศีรษะพลางกล่าว “ความผิดพลาดระดับต่ำแบบนั้นจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาลขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยังไงคะ? พูดแบบนี้เหมือนกำลังกล่าวหาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเลยนะคะ!”

พยาบาลที่รับผิดชอบการแจกจ่ายผลการทดสอบกล่าว “เราเจาะเลือดจากผู้ป่วย และหลอดทดลองแต่ละหลอดก็ถูกติดด้วยข้อมูลของผู้ป่วย เป็นไปไม่ได้ที่จะผิดพลาดค่ะ”

หลินม่ายพูดอย่างเฉยเมย “เป็นไปได้ไหมคะว่ามีคนแอบสลับหลอดเก็บเลือดจนทำให้ผลการตรวจผิดพลาด”

พยาบาลพูดไม่ออกชั่วขณะ

หล่อนยุ่งกับงานมาก ไม่เพียงคัดแยกและเก็บหลอดทดลองที่มีเลือดของคนไข้เท่านั้น แต่ยังต้องเอาผลตรวจไปให้คนไข้หรือคนในครอบครัวที่มารับผลตรวจด้วย

หลอดที่มีตัวอย่างเลือดวางอยู่ทางซ้าย และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะอยู่ทางขวา

หากหล่อนหันไปดูผลการตรวจแล้วมีคนสลับตัวอย่างเลือด หล่อนคงไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ

ไป๋ซวงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ใครกันที่บ้าถึงขั้นสลับตัวอย่างเลือดของคุณ?”

หลินม่ายมองเธอพร้อมเลิกคิ้ว “คุณไงคะ ตราบใดที่กรุ๊ปเลือดของฉันไม่ใช่กรุ๊ปโอ ฉันก็จะไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลไป๋และไม่สามารถเข้าสู่ตระกูลไป๋ได้ ซึ่งนั่นจะทำให้คุณโล่งใจอย่างมาก”

ไป๋ซวงส่ายศีรษะพลางกล่าว “ฉันไม่ได้ทำ คุณกำลังใส่ร้ายฉัน!”

หลินม่ายพูดอย่างเหยียดหยาม “หากคุณไม่ได้ทำ งันฉันขอตรวจกรุ๊ปเลือดอีกครั้งค่ะ”

ไป๋ซวงไม่ต้องการให้เธอตรวจกรุ๊ปเลือดอีกจึงเอ่ยขึ้น “ทำไมคุณถึงยืนกรานว่าการตรวจกรุ๊ปเลือดมีปัญหา? ไม่เชื่อผลตรวจเหรอว่าคุณมีเลือดกรุ๊ปบี?”

หลินม่ายส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ “เป็นไปไม่ได้ เพราะฉันเคยบริจาคเลือดมาก่อน และฉันมีเลือดกรุ๊ปโอ!”

ไป๋ซวงกระซิบ “ใครจะรู้ล่ะว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก!”

พ่อไป๋พูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “หยุดส่งเสียงดังได้แล้ว! เราจะตรวจกรุ๊ปเลือดของม่ายจื่ออีกครั้ง!”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คราวนี้หล่อนไม่รอดแน่ไป๋ซวง มาในเวลาราชการ ตรวจปุ๊บได้ผลปั๊บ หล่อนจะหาโอกาสสลับเลือดตอนไหน

ไหหม่า(海馬)