บทที่ 596 เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหงอี

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 596 เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหงอี

ในสำนักหงอี

สถานที่ที่เจ้าสำนักอยู่ทั้งกว้างขวางทั้งเงียบสงบ สวยงามและสบาย ในศาลาแปดเหลี่ยมที่ทาด้วยสีแดง รอบๆถูกคลุมด้วยผ้าโปร่งสีฟ้าอ่อน ทั้งหมดมีผ้าโปร่งสามชั้น เคลื่อนไหวตามลม

บนหินเรียบๆด้านนอกของศาลาแปดเหลี่ยม มีผู้เฒ่าผมขาวหนวดเคราสั้นผู้หนึ่ง หมัดค้ำศีรษะ ปากคาบก้านดอกไม้ดอกหนึ่ง กำลังนอนยกขาไขว่ห้างขึ้น

ในศาลา มีเงาร่างคนเคลื่อนไหว จากนั้นจึงเห็นมือข้างหนึ่งที่เรียวยาวยื่นออกมาจากด้านในผ้าโปร่ง โผล่ออกมานิดหน่อย สายตาเพียงพอที่จะสามารถเห็นโฉมหน้าทั้งหมดของผู้เฒ่าที่นั่งอยู่บนก้อนหินได้ชัดเจน หลังจากที่คนในศาลาเห็นว่าผู้เฒ่าหลับแล้วจริงๆ ก็ถอนมือกลับไปเงียบๆ

บนโต๊ะหนังสือคือตำราเคล็ดลับวิทยายุทธที่ล้ำค่าที่กองเป็นชั้นสูงๆ ด้านข้างหนังสือ《เพลงบู๊》เล่มหนึ่งกางออกอยู่ ด้านในยังมีคำชี้แนะวิถีทางของวิทยายุทธและการเคลื่อนไหวด้วย

มือใหญ่ที่เรียวยาวอยู่บน《เพลงบู๊》ปิดลงเบาๆ

จากนั้นหยิบหนังสืออีกเล่มหนึ่งจากใต้โต๊ะหิน : คู่มือวิชาพิษลวงตา แอบเปิดดูสองสามหน้าแรก ยังไม่ได้อ่านอย่างละเอียด เห็นเพียงความเคลื่อนไหวด้านหน้า คู่มือวิชาพิษลวงตาในมือถูกหยิบไปแล้ว จากนั้นก็ถูกมะแหงกในทันที

“ท่าน ท่านเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“หึ! ข้าก็ว่า! เจ้าสำนักทำไมท่านกลับตัวกลับใจตั้งใจศึกษาตำราเคล็ดลับวิทยายุทธที่ล้ำค่าแล้วนะ? ที่แท้ก็หลอกข้าตาเฒ่าผู้นี้! ให้ดูให้ดีๆ คู่มือวิชาพิษลวงตา ไม่เลวนี่! เก็บไปหลายเล่มขนาดนั้น ยังมีที่เล็ดลอดหลงเหลืออีก ไม่แกล้งหลับก็ยังไม่รู้ว่าท่านซ่อนไว้ที่ไหน แฮ่แฮ่ ตาเฒ่าอย่างข้าฉลาดจริงๆ”

เสียงที่แก่ชราดังขึ้นอย่างสบายๆ ในน้ำเสียงค่อนข้างมีความภูมิใจ ขณะที่พูดยังยักคิ้วหลิ่วตาอีก

คนที่กล่าว ก็คือตาเฒ่าที่นอนอยู่บนก้อนหินด้านนอกศาลาเมื่อครู่

ในฐานะเจ้าสำนักคนใหม่ ยู่หลิวซูที่ฐานะต้อยต่ำดั่งของไม่มีค่า สีหน้าขมขื่น กะพริบตามองดูตาเฒ่า พูดอย่างโกรธเคือง :

“ผู้อาวุโสสาม นี่เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของข้าแล้ว อย่าเก็บไปเลยได้ไหม? ก็ทำเหมือนว่าเป็นหนังสือที่คลายความกลัดกลุ้มระหว่างที่ข้าตั้งใจฝึกซ้อมวิทยายุทธได้หรือไม่?”

รับตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักหงอีมีหนึ่งปีกว่าแล้ว นอกจากติดตามผู้อาวุโสแต่ละคนไปทำธุระด้านนอก สามารถหายใจหายคอได้ เพียงแค่อยู่ในสำนักหงอี ก็คือฝึกวิทยายุทธแต่ละอย่าง ดื่มยาบำรุง ศึกษาตำราเคล็ดลับวิทยายุทธที่ล้ำค่า

ผู้อาวุโสสิบท่านในสำนัก ผลัดกันเฝ้าดู หย่อนยานเล็กน้อยไม่ได้

วิทยายุทธกำลังภายในของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่คู่มือวิชาพิษลวงตาถึงจะเป็นความเชี่ยวชาญและความสนใจทั้งหมดของเขา

แต่ผู้อาวุโสใหญ่บอกว่า คู่มือวิชาพิษลวงตาเป็นวิชาที่ไม่ดี มีเพียงคนที่เจตนาไม่ดีถึงชอบของเหล่านี้ ไม่อนุญาตให้เขาศึกษาของเหล่านี้ เลื่อนขั้นวิทยายุทธกำลังภายใน ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้สำนักหงอีพัฒนาและสืบสานเกียรติคุณได้

รู้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว

เวลาหนึ่งปีกว่านี้ ในส่วนของสำนักหงอีเขาไม่ค่อยมีความเกียจคร้านสักน้อย

มีเพียงคู่มือวิชาพิษลวงตาเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาดื้อรั้นเป็นอย่างมาก เมื่อมีเวลาก็จะเริ่มเก็บรวบรวม แอบศึกษา

เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่ใช่คนโง่ เขาเก็บรวบรวมได้หนึ่งเล่ม พวกเขาก็ยึดหนึ่งเล่ม

เขาพยายามคิดทุกวิถีทางแอบซ่อน พวกเขาก็พยายามคิดทุกวิถีทางหาออกมา ที่กล่าวว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม ตอนนี้เล่มสุดท้ายของเขาก็ถูกยึดแล้ว ยู่หลิวซูทำได้เพียงขอความปรานีผู้อาวุโสสามด้วยสีหน้าที่ขื่นขม

ใครจะรู้……

“ไม่ได้ไม่ได้” ผู้อาวุโสสามส่ายศีรษะ ไม่มีความผ่อนผันแม้แต่น้อย

เห็นผู้อาวุโสสามยัดเข้าไปในหน้าอก ยู่หลิวซูก้มหน้า ถอนหายใจเงียบๆ พึมพำกับตัวเอง :

“ดีที่ข้ายังเป็นเจ้าสำนัก ทำไมไม่มีสิทธิ์ในการพูดแม้แต่น้อยนะ? เจ้าสำนักนี้ชั่งเป็นได้อย่างไร้ประโยชน์แล้วสินะ!”

หลังจากผู้อาวุโสสามได้ยินดังนั้น เปล่งเสียงไม่พอใจเสียงหนึ่ง :

“คำพูดเช่นนี้อดีตเจ้าสำนักเคยพูดสามร้อยครั้งแล้ว ล้วนเป็นการขัดขืนที่ไร้ประโยชน์ เจ้ายังสามารถขัดขืนได้อีกสามปี ข้าค่อยหารือกับผู้อาวุโสไม่กี่ท่านว่าต้องดูแลเจ้าเคร่งครัดขึ้นหน่อยหรือไม่”

เห็นท่าทางเจอผีของยู่หลิวซู ผู้อาวุโสสามหัวเราะอย่างพอใจแล้ว ตบคู่มือวิชาพิษลวงตาเก็บเข้าไปที่หน้าอก ชี้ไปที่《เพลงบู๊》บนโต๊ะหิน เปิดไปตำแหน่งที่ยู่หลิวซูก่อนหน้านี้แทนให้ดูมากขึ้น เริ่มพูดวิเคราะห์และอธิบายอย่างมีพลังยาวยืด :

“《เพลงบู๊》นี้อย่าดูว่าอักษรเยอะรูปน้อย เยิ่นเย้อ ยังดูเหมือนว่าไม่มีบทยุ่งเหยิง แต่แก่นแท้ของมันก็อยู่ด้านใน เจ้าดูไม่กี่คำนี้…….

โดยสรุป《เพลงบู๊》เหล่านี้รอบรู้ลึกล้ำ ต้องศึกษาให้ดีเป็นที่สุด เจ้าสำนัก ข้าเห็นอารมณ์และจิตใจของท่านสงบ เตรียมศึกษา《เพลงบู๊》นี้ ดังนั้นข้าก็จะไม่อยู่เกะกะที่นี่แล้ว ข้าออกไปเดินเล่นก่อน ก่อนฟ้ามืด ข้าจะกลับมาทดลองผลลัพธ์”

ผู้อาวุโสสามหมุนตัวออกจากศาลา หลังจากยู่หลิวซูแอบชำเลืองมองแวบหนึ่ง เพิ่งต้องการจะยืนขึ้น ก็เห็นผู้อาวุโสสามถอยกลับมาอีกแล้ว เขารีบนั่งตัวตรง หยิบ《เพลงบู๊》ขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ เสียงของผู้อาวุโสสามดังขึ้นทางด้านหลัง

“ไม่อนุญาตให้แอบขี้เกียจ ไม่อนุญาตให้เผลอหลับ ยังมีตำราเคล็ดลับวิทยายุทธที่ล้ำค่าอื่นๆบนโต๊ะจำเป็นต้องดู เล่มหนึ่งก็เว้นไม่ได้ อย่าเลียนแบบอดีตเจ้าสำนักเด็ดขาด เอาพวกเขาทำเป็นฝืนเผาไฟ ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ร้ายแรงมาก”

“ผู้อาวุโสสาม ข้ารู้แล้ว” ยู่หลิวซูตอบอย่างจริงจัง

ผู้อาวุโสสามพยักหน้า

ยู่หลิวซูนอกจากจะหัวแข็งไปหน่อยต่อวิชาพิษลวงตาแนวทางที่ไม่ดีพรรคนี้ อย่างอื่นเขายังนับว่าเชื่อฟัง หากว่าเหมือนหลานเยาเยา ทำเรื่องใหญ่ไปทั่ว พวกเขาตาเฒ่าเหล่านี้เกรงว่าจะต้องมีชีวิตน้องลงไปสองสามปีแล้ว

รอจนผู้อาวุโสสามก้าวออกไป หลังจากที่ยู่หลิวซูยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาตัดสินใจยืนขึ้น หยิบ《แก่นสารของวิชาพิษลวงตา》จากม้านั่งหินที่นั่งจนร้อนๆอุ่นๆออกมา

ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสชั่งหลักแหลมแล้ว โชคดีเขายังเหลือไว้อีก

นี่คือเล่มสุดท้ายอย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นหนังสือวิชาพิษลวงตาที่ดีที่สุดในที่เขาเก็บรวบรวมไว้ ไม่สามารถให้ถูกพบเห็นได้อีก สวรรค์คุ้มครอง สวรรค์คุ้มครองด้วย!

ไม่รู้เลยจริงๆ ลมสายหนึ่งพัดขึ้น ผ้าโปร่งฉีกออกอย่างรุนแรง ทำให้หนังสือที่หยิบจากบนเก้าอี้หินที่อยู่ด้านล่างก้นของยู่หลิวซูเปิดเผยออกมาอย่างไร้กังขา

ผู้อาวุโสรองที่ยืนตัวตรง ยืนอยู่บนยอดหินอย่างสง่า ตามองที่ศาลาแปดเหลี่ยม แววตาลึกล้ำ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่กลิ่นอายทั้งร่างหนาแน่นขึ้นมาก

ผู้อาวุโสสามเดินมาอย่างสบายๆ ยกคู่มือวิชาพิษลวงตาที่หยิบออกมาจากหน้าอก เปิดปากอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“อีกเล่มที่เป็นแนวทางความคิดไม่ได้ไม่ถูกวิถีทาง” ผู้อาวุโสสามพลิกสองสามหน้า กล่าวอย่างรังเกียจ : “ดูดู ของเหล่านี้ล้วนเขียนแต่อะไรมั่วซั่วเลอะเทอะ ไม่มีความเป็นแบบฉบับดั้งเดิมสักนิด ต้องการให้ข้านำคนสองสามคนไปสั่งสอนคนที่ขายหนังสือปลอมหนักๆสักรอบหรือไม่?”

“ไม่จำเป็น!” ผู้อาวุโสรองส่ายหน้า

เพราะว่าเขาได้จัดการไปแล้ว

กล้าเอาวิชาพิษลวงตาปลอมที่เลอะเทอะมาหลอกเจ้าสำนัก ปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆ เขาไม่ลงมือ หรือว่ายังต้องรอให้ผู้อาวุโสสามออกหน้า? หึ เจ้าหนุ่มที่รู้จักแต่นอนผู้หนึ่ง

เมื่อผู้อาวุโสสามมองสีหน้าของผู้อาวุโสรอง ยิ้มอย่างฉับพลันแล้ว “ท่านนี่นะ ก็คือทำเรื่องผลลัพธ์สูง”

พูดจบ ผู้อาวุโสสามมองตามสายตาของผู้อาวุโสรอง หัวเราะแหะแหะเสียงหนึ่ง

“《แก่นสารของวิชาพิษลวงตา》เล่มนั้นถึงมือของเจ้าสำนักแล้วหรือ?”

“อืม!” ผู้อาวุโสรองพยักหน้า แววตาในดวงตาไม่กระจ่าง “ลูกพี่ตั้งอกตั้งใจอย่างยิ่ง”

ลูกพี่ก็คือตาแก่ที่เคยเป็นพ่อบ้านช่วยหลานเยาเยาที่ตำหนักเทพธิดา หลังจากที่เย่นเฉิงเสี้ยงติดตามหลานเยาเยาไปที่ทะเลทรายแล้ว ลูกพี่ก็กลายเป็นเสาหลักสำคัญของพวกเขาตาเฒ่าทั้งกลุ่มนี้ เจ้าสำนักคนใหม่ที่หลานเยาเยาอดีตเจ้าสำนักมองไว้ดีแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องสั่งสอนชี้แนะให้ดี

แต่ผู้อาวุโสสามยังค่อนข้างไม่เข้าใจ :

“ทั้งๆที่ท่านบอกว่าวิชาพิษลวงตาของชนิดนี้เป็นวิชาการนอกรีต ทำไมยังเห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกพี่? หากว่าจิตใจเจตนาของเจ้าสำนักไม่ถูกต้องเล็กน้อย ลุ่มหลงจนไร้สติ กลายเป็นพวกประหลาดจะทำอย่างไร? พวกเราจะไปหาเจ้าสำนักที่ดียิ่งกว่าจากที่ไหน?”