ตอนที่ 297 แผนการสะท้านโลก
ตอนที่ 297 แผนการสะท้านโลก
“อื้ม”เย่ซิวตู๋ตอบกลับเบา ๆ และเงยหน้ามองดูผู้คนที่ต้องการสนทนากับตน แต่กลับเกรงกลัวสถานะของเขา เขาค่อย ๆ ขมวดคิ้วและเขย่งเท้าเล็กน้อย ก่อนจะเหินกายพาหนานหนานขึ้นไปบนหลังคา
ประชาชนข้างล่างต่างก็ตื่นตกใจ หลังจากนั้นแต่ละคนก็ร้องเรียกออกมา “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องซิว…”
หนานหนานที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มหัวเราะออกมา เด็กน้อยรู้สึกว่าการละเล่นเช่นนี้ช่างสนุกสนานเป็นอย่างมาก “ท่านพ่อ ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปที่ใด?”
“ไปหาแม่ของเจ้า” ในระหว่างที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมานั้น ทั้งคู่ก็ได้มาหยุดที่หลังประตูของโรงเตี๊ยมที่อวี้ชิงลั่วอยู่ในตอนนี้
หนานหนานตกตะลึง และรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
เอ่ยตามความจริงก็คือ เมื่อวานนี้เด็กน้อยไม่ได้เห็นกองกำลังของอาณาจักรหลิวอวิ๋นเข้ามายังเมืองหลวง ตอนนี้จึงอยากไปดูมาก ๆ
แต่เด็กน้อยก็คิดได้ว่าท่านพ่อจะต้องไม่เห็นด้วยแน่ ๆ เฮ้อ…ใจแคบจริง ๆ
หนานหนานก้มศีรษะลงครุ่นคิด ไม่ว่าอย่างไรท่านพ่อก็พาเด็กน้อยมาหาท่านแม่ และไม่ได้พากลับไปฝึกวรยุทธ์ต่อแต่อย่างใด เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ตนเองก็ยังได้รับประโยชน์อยู่
ครั้นคิดเช่นนี้ ในใจของหนานหนานก็ผ่อนคลายขึ้นมาทันที อยากเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยกับเย่ซิวตู๋ว่าตนตกลงจะไปหาท่านแม่ แต่ในขณะที่ศีรษะเล็ก ๆ ได้เงยหน้าขึ้น ก็พบว่ามีคนสองคนยืนอยู่กับอวี้ชิงลั่วที่บริเวณห้องปีกข้างของชั้นสอง และท่านลุงโม่ก็คำนับท่านพ่อของตน
หนานหนานทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ ท่านพ่อไม่คิดจะถามความคิดเห็นของเด็กน้อยเลยหรือ? ยังไม่ทันจะคิดให้กระจ่าง ท่านพ่อก็พาตนมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่านี่เป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เคารพความคิดเห็นของเขาเลย
หนานหนานหันศีรษะและจ้องชายหนุ่มเขม็ง พลางครุ่นคิดว่าควรปรึกษาปัญหาชีวิตกับท่านพ่อหรือไม่ เพียงแต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากพูด อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงก็วิ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
“หนานหนาน”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงมีความสุขของสหายที่ไม่ได้เจอมานานหลายวัน ความทุกข์ใจของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ก็ถูกปัดทิ้งไปในทันที เขารีบไถลลงมาจากตัวของเย่ซิวตู๋ และดึงมือของพวกเขาพลางหัวเราะขึ้น “ไอหยา ไอหยา ไม่เจอกันนานมาก พวกเจ้าคิดถึงข้ามากหรือไม่? หืม ดูจากสีหน้าของพวกเจ้าแล้ว ข้าก็รู้ได้แล้วว่าพวกเจ้านั้นคิดถึงข้าจวนจะขาดใจตาย นั่นก็ถูก เพราะข้าน่ารัก สดใสอ่อนโยน ชาญฉลาด ผู้ใดเห็นก็หลงรัก พวกเจ้าไม่คิดว่าข้าไม่คำนึงถึงพวกเจ้าเลยหรือไม่?”
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงสบตากัน และทั้งสองก็หัวเราะขึ้น นิสัยของหนานหนานนั้น ต่อให้ไม่ได้พบกันมาเป็นเวลาหลายวัน ก็สามารถทำให้ผู้คนผ่อนคลายได้ตั้งแต่เอ่ยประโยคแรกขึ้น
แต่เย่ซิวตู๋ที่ได้ยินคำพูดสุดแสนจะหลงตัวเองของหนานหนานกลับมีความรู้สึกซับซ้อนจนพูดอะไรออกมาไม่ได้
ชายหนุ่มหันศีรษะละสายตาจากหนานหนาน และหันไปมองโม่เสียนที่อยู่ด้านข้างพลางเอ่ยขึ้นเบา ๆ “สองแม่ลูกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
“แม่นางอวี้บอกว่าพวกนางยังมีชีวิต ตอนนี้ได้พาลงไปรักษาแล้ว ดูจากสีหน้าของแม่นางอวี้ หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอันใด ก็น่าจะช่วยชีวิตเอาไว้ได้ขอรับ” โม่เสียนเอ่ยตอบเบา ๆ
เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา เขาเองก็รู้ดีว่าความสามารถของหญิงสาวนั้นมีมากถึงเพียงใด
เย่ซิวตู๋หันกลับมามองหนานหนานอีกครั้ง ก่อนนั่งลงไปบริเวณด้านข้าง และเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ของตำหนักอ๋อง
โม่เสียนตอบกลับอย่างละเอียด เพียงแต่ชายหนุ่มหยุดไปพักหนึ่ง และจู่ ๆ ก็เข้าไปเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ท่านอ๋อง เมื่อครู่นั้นข้าน้อยดูเหมือนว่าจะพบเข้ากับองครักษ์ขององค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรหลิวอวิ๋น”
องครักษ์ของอาณาจักรหลิวอวิ๋นหรือ? เย่ซิวตู๋เม้มริมฝีปากและเคาะโต๊ะเบา ๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
บางทีฉีหานเว่ยก็คาดไม่ถึงว่าตนที่เป็นองครักษ์ตัวน้อย ๆ ที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก เพียงแค่ปรากฏตัวออกมาจากหน้าต่างเท่านั้น กลับถูกโม่เสียนจดจำได้
ในตอนนี้เขาก็ยังคงนั่งจิบชาอย่างช้า ๆ อยู่บนชั้นสอง และจ้องมองไปยังถนนข้างล่างอย่างลึกซึ้ง
“นายท่าน พวกเรากลับเรือนรับรองกันดีไหมขอรับ?”
“ฉีลิ่ง เจ้าว่า คำพูดนั้นของเย่ซิวตู๋หมายความว่าอย่างไร?”
องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขานั้นตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงรีบครุ่นคิดถึงคำพูดของเย่ซิวตู๋ ชายหนุ่มขมวดคิ้วอยู่นานและเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “จากความหมายของเย่ซิวตู๋แล้ว หรือว่าอาณาจักรจิงเหลยนั้นจะมีผู้แอบอ้างเข้ามาในการแข่งขัน?”
“อา ดูจากสีหน้าขององค์ชายทั้งสามเมื่อสักครู่นั้น ก็มีความเป็นไปได้” ฉีหานเว่ยหัวเราะอย่าเย็นชา และนึกถึงท่าทีขององค์ชายทั้งสามก่อนที่พวกเขาจะจากไป เรื่องที่พวกเขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้นั้น เกรงว่าเย่ซิวตู๋จะรับรู้เข้าแล้ว
องครักษ์ตกตะลึง และแปลกใจอย่างรวดเร็ว “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราก็ถือโอกาสเอาความผิดครั้งนี้ ทำให้อาณาจักรจิงเหลย…”
จู่ ๆ คำพูดของเขาก็หยุดลงขณะมองเห็นฉีหานเว่ยยกมือขึ้นห้าม ชายหนุ่มจึงเม้มปากและไม่เอ่ยอะไรออกมา
“ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านี้ก็ย่อมได้ แต่ตอนนี้…จากคำกล่าวของเย่ซิวตู๋ที่เอ่ยต่อหน้าอุปราช เช่นนั้นอาณาจักรจิงเหลยก็น่าจะเตรียมตัวเอาไว้แล้ว เกรงว่าเรื่องที่จะแอบอ้างเข้าร่วมการประลองนั้น ก็คงไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงมือทำอีกแล้ว”
ฉีหานเว่ยเองก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน อาณาจักรจิงเหลยและอาณาจักรหลิวอวิ๋นต่างก็ไม่สงบสุข พวกเขาต่างทำสงครามกันอย่างลับ ๆ มาเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะตอนนี้อุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลยผู้นั้นก็เป็นคู่ต่อสู้ด้วยเช่นกัน ไม่กี่ปีมานี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาณาจักรล้วนตึงเครียดยิ่ง
ตอนนี้หากสามารถใช้เรื่องอื้อฉาวของพวกเขาในการประลองทั้งสี่อาณาจักรได้ อาณาจักรจิงเหลยก็จะตกเป็นเป้าหมายของอีกทั้งสามอาณาจักร และไม่ง่ายเลยที่จะทำให้กลับมาสงบสุข
น่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ
ฉีลิ่งถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ และมองดูใบหน้าที่อบอุ่นของเจ้านาย ขณะยืนอยู่บริเวณด้านหลังอย่างเงียบ ๆ
ไม่นานนักฉีหานเว่ยก็ได้เอ่ยขึ้นเบา ๆ “กลับเรือนรับรอง”
“ขอรับ”
ไม่นานทั้งสองคนก็เดินออกมาจากประตูหลังของร้านอาหาร เสิ่นอิงได้รับคำสั่งจากเย่ซิวตู๋ว่าให้แอบอยู่บนกำแพงและเฝ้าดูพวกเขา จนกระทั่งพวกเขาเดินไปยังทิศทางของเรือนรับรองได้ไกลแล้ว ชายหนุ่มจึงกระโดดลงมา และกลับไปหาเย่ซิวตู๋ที่ห้องด้านข้าง
“ท่านอ๋อง ฉีหานเว่ยกลับเรือนรับรองแล้ว และเขาก็มีเพียงองครักษ์หนึ่งนายที่อยู่ข้างกายโดยไม่ได้พาผู้ใดมาด้วยเลยขอรับ” เสิ่นอิงกดเสียงต่ำและเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยพบว่ามีคนสองกลุ่มคอยจับตามองดูพวกเขาอย่างลับ ๆ”
เย่วิวตู๋พยักหน้า เรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของชายหนุ่มอยู่แล้ว คาดว่าหนึ่งในกลุ่มนั้นจะต้องเป็นคนของฮ่องเต้
“พวกเจ้าให้คนคอยจับตามองอุปราชจากอาณาจักรจิงเหลยผู้นั้นเอาไว้ วันนี้ได้รับรู้นิสัยของอุปราชผู้นั้นแล้ว ว่าเขาคงจะไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ข้าเองยังมีเรื่องที่ต้องทำ คงต้องไปก่อน”
โม่เสียนตกตะลึง “ท่านอ๋องไม่รอแม่นางอวี้หรือขอรับ? แม่นางอวี้รักษาสองแม่ลูกมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว อีกสักครู่ก็น่าจะกลับมาที่นี่แล้วขอรับ”
ท่านอ๋องไม่ได้พบนางมาหลายวัน เขาจะไม่คิดถึงนางเลยหรือ?
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วและลุกยืนขึ้น “เรื่องของวันนี้ ไม่นานก็จะไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้แล้ว แน่นอนว่าพระองค์จะต้องเรียกข้าเข้าวัง อวี้ชิงลั่ว…ไว้วันอื่นค่อยเจอ สำหรับหนานหนานนั้น ให้เขากลับตำหนักอ๋องกับเจ้าก่อนเถอะ”
“ขอรับ” โม้เสียนพยักหน้า และมองดูหนานหนานที่พูดคุยกับอวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงด้วยความตื่นเต้น
เพียงแต่เย่ซิวตู๋และโม่เสียนนั้นยังไม่รู้ ว่าหนานหนานในตอนนี้กำลังวางแผนที่ยิ่งใหญ่สะเทือนโลกาอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มันมีลับลมคมในอะไรกันหนอระหว่างสี่อาณาจักรนี้
เจ้าหนานหนานวางแผนยิ่งใหญ่อะไรไว้กันนะ
ไหหม่า(海馬)