War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1930
ตอนที่ 1,930 : รากวิญญาณสีเขียว!
“กู่ชุนยุยงส่งเสริมกู่หลง อันเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมยังผลให้สหายเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ ตกตายไปทั้งสิ้น 17 คน…โทษตายสามารถละเว้นได้เนื่องเพราะมิได้ลงมือเองเป็นการส่วนตัว หากแต่โทษเป็นยังอยู่! นับแต่วันนี้กู่ชุนจักถูกขับไล่ออกจากลัทธิบูชาไฟ และมิได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมลัทธิบูชาไฟตลอดชั่วชีวิต!!”
ในขณะที่ใช้พลังซัดขวางกู่ชุน อาวุโสคุมกฏกัวฉงพลันประกาศคำตัดสินโทษของกู่ชุนออกมาเสียงดังฟังชัดให้ทุกผู้คนได้ยินกันทั่ว!
ขับไล่ออกจากลัทธิบูชาไฟ ยังห้ามมิให้เข้าร่วมอีกชั่วชีวิต!!
ได้ยินคำตัดสินโทษนี้ของกัวฉง สีหน้ากู่ชุนพลันซีดลงปานกระดาษทันตา แววตาฉายชัดออกมาถึงความสิ้นหวังหมดอาลัย
หลังจากนั้นพักหนึ่งคล้ายมันคิดอะไรได้ มันเงยหน้าขึ้นมาถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความคับแค้นชิงชังเข้ากระดูกดำ ลึกลงไปในลูกตายังเผยประกายเย็นเยือกอันน่ากลัว
ในสายตาของมัน
หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียน มันคงไม่มีวันนี้!
ตลอดชั่วชีวิตนี้ ต่อให้พลังฝึกปรือของมันไม่มีวันไล่ตามต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป แต่มันจะไม่มีวันเลิกรากับต้วนหลิงเทียน!
มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนก็จริง หากแต่คนรอบๆกายต้วนหลิงเทียนเล่า?
หลังออกจากลัทธิบูชาไฟ มันจะทำทุกอย่างเท่าที่จะกระทำได้ เพื่อสืบหาภูมิหลังของต้วนหลิงเทียนมาให้จงได้…มันไม่เชื่อว่าครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายของต้วนหลิงเทียนทุกคนจะมีพลังฝีมือเหนือกว่าตัวมัน กู่ชุน!!
สัมผัสได้ถึงแววตานี้ของกู่ชุน ใจต้วนหลิงเทียนสั่นไหวทันที
จากนี้ไปกู่ชุนนั้นกลายเป็นตัวไร้ค่าไปแล้ว เขาย่อมไม่แยแสอะไรมัน
หากแต่ในโลกนี้ ถ้าคนที่เกลียดชังคับแค้นเขายังมีลมหายใจอยู่ ใจเขายากจะสงบ..
‘แววตาอาฆาตนั่น…หรือมันออกจากลัทธิบูชาไฟไปแล้วข้าลอบตามไปฆ่ามันเพื่อตัดรากถอนโคนดี?’
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจ
หากแต่ความคิดนี้ก็ถูกเขาปัดตกไปทันที ‘ไม่ได้ เรื่องนี้เสี่ยงเกินไป! ใครจะไปรู้เกิดข้าลอบตามกู่ชุนออกไป จะไม่กลายเป็นตั๊กแตนจ้องจับจั๊กจั่น ไม่รู้ภัยนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง?’
พอคิดถึงเรื่องนี้ และมองถึงความเป็นไปได้ที่หลี่อันจะลอบตามไปฆ่าเขา ต้วนหลิงเทียนก็ล้มเลิกความคิดตามไปฆ่ากู่ชุนเพื่อตัดรากถอนโคนทันที
แต่ทว่ายามเมื่อต้วนหลิงเทียนมองกัวฉงอีกครั้ง สองตาพลันทอประกายวาบคล้ายนึกอะไรได้ออก!
“อาวุโสกัวฉง!”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนยังเรียกกัวฉงออกมาเสียงดัง
“หืม?”
กัวฉงที่ได้ยินเสียงเรียกหา ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนพร้อมถามออกมาทันที “เจ้ามีอันใดรึ?”
“อาวุโสกัวฉง ในเมื่อตอนนี้กู่ชุนมันไม่ได้เป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟอีกต่อไป…เช่นนั้นข้าขอให้อาวุโสกัวฉงฆ่ามันเพื่อข้าได้หรือไม่? หากท่านลงมือฆ่ามันให้ข้า หลังจากนั้นอาวุโสกัวฉงก็ไม่จำเป็นต้องลำบากไปรายงานท่านจ้าวแท่นบูชาเพื่อให้รางวัลอะไรข้าอีกต่อไป…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำออกมา ยังเป็นเชิงให้อีกฝ่ายตัดสินใจเลือกเอง
แลกกับการฆ่ากู่ชุน ต้วนหลิงเทียนยินดีสละรางวัลที่จะได้รับจากจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬ
วูบ!
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หน้ากู่ชุนพลันเปลี่ยนสีกลับกลายทันที!
มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะต้องการฆ่ามันให้ตายขนาดนี้! ถึงขั้นไม่ลังเลที่จะสละรางวัลของจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬ!!
โอ!
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่อยู่ในจุดเกิดเหตุอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาฮือฮา ฉากเรื่องราวกลายเป็นวุ่นวายอยู่บ้าง
“อะไรกัน! ต้วนหลิงเทียน…เพียงเพื่อฆ่ากู่ชุนแล้ว กลับมิสนของรางวัลจากท่านจ้าวแท่นเลยหรือ?”
“ต้วนหลิงเทียนเสียสติไปแล้วหรือไร? ด้วยพลังฝีมือของมัน คิดไล่ตามไปฆ่ากู่ชุนหลังออกนอกเขตลัทธิบูชาไฟไปแล้วนับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก…จำเป็นต้องละทิ้งของรางวัลจากจ้าวแท่นบูชา แล้วให้อาวุโสกัวฉงลงมือด้วยหรือ?”
“บ้า! มันบ้าไปแล้วแน่ๆ!!”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคนคิดว่าการที่ต้วนหลิงเทียนทำแบบนี้ น่ากลัวสมงสมองจะไปหมดแล้ว
แน่นอนว่ายังมีศิษย์หลายคนที่มองเกมขาด และคาดเดาอะไรได้ออก “หากมองจากเรื่องราวความแค้นระหว่างต้วนหลิงเทียนกับอาวุโสหลี่อัน ต้วนหลิงเทียนสมควรหวั่นเกรงมิน้อย หากมันไล่ตามออกไปฆ่ากู่ชุนนอกเขตลัทธิบูชาไฟแล้วอาวุโสหลี่อันกลายเป็นนกขมิ้นที่ติดตามมาเบื้องหลังล่ะก็ คราวนี้มันมิพ้นต้องตาย…ยังต้องตายอย่างโง่งม!”
“อา จริงสิ! หากอาวุโสหลี่อันลงมือหมดจด มิเหลือร่องรอยอันใด เช่นนั้นคนก็ตายเปล่าแล้วจริงๆ!”
“ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจกระทำเช่นนี้ไม่เพียงละเอียดรอบคอบ ยังต้องกล้าหาญมิใช่น้อย! เพราะสุดท้ายก็มิใช่ทุกคนที่สามารถละทิ้งของรางวัลจากจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬได้!!”
“ไม่ต้องกล่าวแล้ว ครั้งนี้ข้าอดกล่าวชมต้วนหลิงเทียนมิได้จริงๆ!!”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬทั้งหลายพอได้ฟังความเรื่องนี้ก็เสมือนได้รู้แจ้ง หลายคนเข้าใจแล้วว่าต้วนหลิงเทียนคิดอ่านอะไร!
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะละทิ้งของรางวัลจากจ้าวแท่นบูชา แลกกับการให้ข้าทำอะไรเช่นนี้?”
กัวฉงเองก็คาดเดาความคิดต้วนหลิงเทียนได้ออก จึงกล่าวถามออกมาอีกครั้งเสียงเข้ม
“ใช่!”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอย่างไร้ลังเล!
ของรางวัลจากจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬงั้นเหรอ?
เอาตรงๆเลยเขาไม่คิดว่าจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬจะให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้…
เวทย์พลัง?
ตอนนี้เขามีไม่ขาดทุกสาย
วรยุทธ์เซียน หรือทักษะวิชา?
เขามีสำนึกกระบี่อันเลิศล้ำจาก ยอดใจกระบี่ อยู่แล้ว
ศาสตราร้อยอาคมเซียน?
เขาก็มีอยู่ในครอบครองแล้วเช่นกัน
ยันต์เต๋า ทรัพยากร ของใช้อื่นๆ?
ตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ
เขาจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าจะละทิ้งของรางวัลอะไรนั่น เพื่อแลกกับความตายของกู่ชุน!
“อาวุโสกัว ท่านมิอาจกระทำเช่นนี้ได้! ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ…ทำไม่ได้! อย่าทำข้…!!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนพยักหน้ายืนยันเป็นมั่นเหมาะ ทั้งกัวฉงเองก็เบนตามามองมันด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส หน้ากู่ชุนก็ซีดลงไร้สีเลือด แววตาฉายชัดถึงความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง พยายามร่ำร้องออกมาไม่หยุด
อนิจจาคำข้าไม่ทันกล่าวจบเสียงมันก็ขาดหายไป…
นั่นเพราะกัวฉงยกมือขวาขึ้นอย่างไร้เรื่องราว พลังเซียนขุมหนึ่งผนึกควบแน่นในชั่วพริบตา มือสะบัดพลิกเบาๆ หากแต่บังเกิดพลังบดขยี้ไร้สภาพขุมหนึ่งป่นร่างกู่ชุนจนแหลกเป็นละอองโลหิต ไร้ชิ้นเนื้ออวัยวะอันใดหลงเหลือ…
‘ช่างเป็นการลงมือที่ร้ายกาจไร้ร่องรอยนัก…นี่น่ะหรือพลังอำนาจของขอบเขตเซียนสวรรค์’
เห็นฉากสังหารดังกล่าวลูกตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหดหยีหลงด้วยความยำเกรง
สีหน้าเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนอื่นๆ ก็เผยความประหวั่นพรั่นพรึงออกมาไม่ต่าง สายตายามมองกัวฉงอีกครั้งยังกลายเป็นเลื่อมไสนับถือมากขึ้น
หลังจากสะสางปัญหาเรื่องราว รวมถึงจัดการศพของกู่หลงเรียบร้อย กัวฉงก็เหินร่างออกจากเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬไปทันที เรียกว่าพริบตาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ไปมาไร้ร่องรอยนัก
หลังจากที่กัวฉงจากไปแล้ว สายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็เบนมาตกยังร่างต้วนหลิงเทียน
ตอนนี้พวกมันก็เหลือต้วนหลิงเทียนเป็นความสนใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ต้วนหลิงเทียนนั่น…ที่แท้กลับยังชำนาญเวทย์พลังร้ายกาจถึงสองชนิด! จะเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวก็ดีหรือเวทย์พลังหนุนเสริมนั่นก็ยอด!”
“พรสวรรค์รากวิญญาณของมันเป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น หากแต่โชควาสนากลับดียิ่ง ไม่เพียงพบพานเวทย์พลังร้ายกาจมากมาย กระทั่งยังแตกฉานสำเร็จได้หมดจด…น่าอิจฉายิ่ง!”
“ระหว่างเดินทางผจญภัยมันต้องบังเอิญพบพานวาสนาปาฏิหาริย์มาเป็นแน่! โดยเฉพาะเวทย์พลังสายสนับสนุนนั่น กลับสามารถยกระดับพลังฝึกปรือให้เพิ่มพูนขึ้นถึง 2 ขั้นในชั่วระยะเวลาหนึ่ง…ข้ามั่นใจว่า 8 ใน 10 ส่วนสมควรเป็นเวทย์พลังระดับสูง!”
“ผู้ฝึกตนที่มีเพียงพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง กลับประสบความสำเร็จในการทำความเข้าใจรู้แจ้งเวทย์พลังระดับสูงถึงสองสาย…โชควาสนาเช่นนี้ นับว่าท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก!”
“ถึงแม้ดวงมันจักฝืนฟ้า แต่ความสำเร็จของตัวมันเองก็มิใช่ธรรมดา กลับตีความทำความเข้าใจเวทย์พลังได้สำเร็จ! อย่างน้อยๆไหวพริบปฏิภาณมันก็มิด้อยกว่าชนชั้นอัจฉริยะ…กระทั่งหากมองในเรื่องทำความเข้าใจนี้ น่ากลัวว่าจะมิได้ด้อยไปกว่าผู้ใดเลย!!”
“กลับมีความสามารถในการตีความเวทย์พลังสูงส่งถึงเพียงนี้…มิทราบว่าเวทย์พลังป้องกันชั้นสูงอย่างปราการเต่าทมิฬประจำแท่นบูชาเรา จะถูกมันเข้าใจได้หรือไม่?”
“เรื่องนั้นจะไปได้อย่างไร! อย่าได้ลืมไปว่าเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬของเรามิได้เป็นแค่เวทย์พลังสายป้องกันชั้นสูงธรรมดาๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังมีผู้ที่รู้แจ้งมันไม่ถึงสิบคน!!”
“เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้จริงๆ”
…
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬต่างพากันถกเรื่องเวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก ทั้งความสามารถในการเข้าใจ แน่นอนว่าส่วนมากจะพูดถึงเวทย์พลัง 2 ชนิดเท่านั้น
สำหรับเซียนอมตะข้ามภพนั้น เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนเปิดใช้เขตแดนหมื่นกระบี่อยู่ ทุกคนจึงไม่อาจแลเห็นอานุภาพของมันได้
หาไม่แล้วพวกมันจะต้องประหลาดใจกันมากกว่านี้
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่ทันได้เห็นอานุภาพของเซียนอมตะข้ามภพ ทว่ามีหลายคนที่จำได้แม่น ว่าก่อนที่เรื่องราวจะจบสิ้นลง มีเสียงหวีดหวิวของกระบี่ดังขึ้น 3 สาย
“ข้าจำได้ว่าก่อนกู่หลงตายตก ข้าได้ยินเสียงแหวกอากาศของกระบี่ดังขึ้น 3 เสียง…กระทั่งหากมองมิผิดศพของกู่หลงเองก็มีหลุมโลหิตที่จุดตายถึง 3 จุด…นั่นสมควรเป็นรอบกระบี่!”
“สมควรเป็นวรยุทธ์เซียนสายกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนฝึกปรือไว้แน่…อย่างไรก็ตามมองจากวรยุทธ์เซียนสายป้องกันที่กู่หลงใช้ออก ท่าทางวรยุทธ์กระบี่ของต้วนหลิงเทียนก็มิใช่ต่ำทราม!”
“ไม่ต่ำทรามอันใด…ข้าว่าไม่เพียงไม่ใช่แค่ไม่ต่ำทราม ยังเป็นวรยุทธ์กระบี่อันเลิศล้ำชุดหนึ่ง!”
“ฮั้ย! น่าเสียดายยิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกลับเปิดใช้เขตแดนบดบังสายตาพวกเราเช่นนี้ จึงอดเห็นฉากสังหารที่สำคัญที่สุดไป!”
…
ไม่ทันรู้ตัวเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็หันเหนความสนใจไปยัง กระบวนท่าสังหารที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกปลิดชีพกู่หลงกันหมด
ยิ่งพวกมันถกกันเท่าไหร่ก็คล้ายจะยิ่งสนุกสนานรึอย่างไรไม่ทราบ ที่แน่ๆพวกมันพากันจ้อไม่หยุด
เห็นดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะเหินร่างลงไปหมายกลับเข้าบ้านพักชั้น 3 เพื่อฝึกฝนต่อ…
อย่างไรก็ตามพอโรยตัวลงมาได้ครู่หนึ่ง มองไปที่ตั้งบ้านหลังเดิมที่เคยอยู่สายตาก็แลเห็นแต่ซากปรักหักพัง…มันถูกคลื่นกระบี่ของกู่หลงทำลายจนพินาศหมดสิ้นแล้ว…
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้อีกรอบ ก่อนที่จะเหินร่างไปยังบ้านพักชั้น 3 ที่ว่างอยู่ตรงเกาะลอยข้างๆ และเปิดเข้าไปใช้งานทันทีโดยไม่สนว่าจะมีใครอยู่หรือไม่…
หากมีปัญหาหรือข้องใจอะไร ก็มาท้าทายเขาได้!
ตราบใดที่เขาสู้แพ้ ผู้ท้าก็จะได้บ้านหลังนี้คืนไปเป็นธรรมดา…
เจ้าของบ้านพักชั้น 3 หลังนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นเหล่าศิษย์แท่นบูชามุงที่กำลังจ้อเรื่องกระบวนท่าสุดท้ายของต้วนหลิงเทียนอยู่พอดี พอมันเห็นต้วนหลิงเทียนยึดบ้านมันไปดื้อๆก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา เพราะมันเองก็มีพลังฝึกปรือเพียงเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น…
“จริงสิ…บ้านพักชั้น 3 ของกู่ชุนนั่นตอนนี้น่าจะว่างอยู่!”
ไม่นานมันก็นึกขึ้นได้ และหันไปมองบ้านพักชั้น 3 ของกู่ชุนทันที
หลังจากเข้ามาอาศัยบ้านพักชั้น 3 หลังใหม่ ต้วนหลิงเทียนก็จะการที่ทางเพื่อวางตั้งเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที เมื่อวูบร่างเข้าเจดีย์ไปแล้ว ก็ขอแรงผู้เฒ่าหั่วให้ช่วยตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอกเป็นพักๆ ก่อนที่จะขึ้นไปยังชั้น 4 ทันที
เขาอดไม่ได้ที่จะไปรีบบ่มเพาะพลังด้วยรากวิญญาณใหม่!
จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอกตอนนี้รากวิญญาณของเขาไม่เพียงเป็นสีเขียวแล้วเท่านั้น ยังเป็นสีเขียวเข้มอีกด้วย!
‘ก่อนหน้านี้ข้าได้สัมผัสกับความไวรากวิญญาณยกระดับมาแล้วคร่าวๆ ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินนั้นมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า! ด้วยความเร็วระดับนี้ ราวๆ 3 เดือนข้าสมควรทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลางได้แน่!’
แน่นอนว่าเวลาราวๆ 3 เดือนที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมานั้น หมายถึง 3 เดือนในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7สมบัติ…
ด้านนอกก็เพียง 10 วันเท่านั้น!