บทที่ 616 สมรสพระราชทาน

ฮ่องเต้โจวทอดพระเนตรไปยังพระธิดา จิ้งชูเป็นองค์หญิงที่เขาเลี้ยงดูมาข้างกาย ตั้งแต่นางยังเป็นเด็กตัวน้อยช่างพูดช่างเจรจา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าจนเติบใหญ่ขึ้นเป็นสาวสะพรั่ง

เขาก็เป็นเหมือนบิดาหลายๆ คนที่ต้องการเลือกเฟ้นสามีที่ดีที่สุดให้แก่ลูก เขาคิดเสมอว่าบุตรสาวของตัวเองจะต้องได้บุรุษที่ดีและคู่ควร แต่เมื่อถึงวันนี้จริงๆ เขากลับลังเล..

ฮ่องเต้โจวมีข้อแม้มากมายเกี่ยวกับราชบุตรเขย เขาต้องไม่ประพฤติผิด ไม่ทะเยอทะยานและที่สำคัญต้องรักและปฏิบัติกับบุตรสาวเขาเป็นอย่างดี ดูเหมือนว่ากู้หวนจิ่นจะผ่านเกณฑ์คุณสมบัติที่ว่ามาทั้งหมด แต่ทว่า…กู้หวนจิ่นคือคุณชายสกุลกู้ หากเขายอมยกบุตรสาวของตนให้ ย่อมทำให้สกุลกู้ยิ่งมีอำนาจมากขึ้น

ความทะเยอะทะยานของผู้คนอาจจะเปลี่ยนไปตามอำนาจที่มีอยู่ในมือและตำแหน่งของเขา ด้วยอำนาจที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ สกุลกู้จะพอใจเป็นเพียงแค่สถานะข้าราชบริพารได้จริงหรือ? เขาเป็นฮ่องเต้ก่อนจะเป็นบิดา…

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องพูดกับองค์หญิง” ฮ่องเต้โจวตรัส

กู้หวนจิ่นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังองค์หญิงจิ้งชู นางพยักหน้าให้กับเขา ทั้งสองรวมถึงขันทีเต๋อชุนจึงถอยออกไป จนภายในห้องเหลือเพียงแค่บิดาและบุตรสาวเท่านั้น เมื่อเห็นว่าแก้มของนางพองกลมเป็นปลาทอง พระองค์อดไม่ได้ที่จะแย้มสรวลออกมา

“อาจื่อ..มานี่สิ” องค์หญิงจิ้งชูเดินเข้าไปหาฮ่องเต้โจววอย่างเชื่อฟัง

“เจ้าชอบกู้หวนจิ่นมากหรือ?” ฮ่องเต้โจวตรัสถาม

นางผงกศีรษะแรงๆ เป็นการยืนยัน

“ลูกอยากแต่งงานกับเขาเพคะ”

“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วนะ เป็นบุตรสาวคนเดียวที่ไม่ยอมแต่งงาน…ในบรรดาตัวเลือกที่พ่อหาให้ เจ้าไม่เคยมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้มาก่อน” ฮ่องเต้โจวทรงแย้มพระโอษฐ์อีกครั้ง

“เสด็จพ่อ..กู้หวนจิ่นต่างกับผู้อื่น เขาเป็นคนดี เป็นคนที่ข้ารู้สึกคุ้นเคยมานานราวกับว่าเคยพบกันมาก่อน ในหัวใจของข้ามีเสียงดังตะโกนก้อง หากข้าไม่แต่งงานกับเขา ข้าจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต” องค์หญิงจิ้งชูทูลตอบ

“แม้ว่าพ่อจะไม่เห็นด้วย เจ้าก็ยังยืนกรานหรือ?” รอยแย้มสรวลบนพระพักตร์ของฮ่องเต้โจวจางหายไป องค์หญิงจิ้งชูเงียบลง นางก้าวไปซบลงที่พระเพลาของฮ่องเต้โจวราวกับเป็นเด็กหญิงตัวน้อย

“ข้าอยากแต่งงานกับกู้หวนจิ่น..แต่ข้าไม่อยากให้เสด็จพ่อทุกข์ใจ..” องค์หญิงจิ้งชูเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“เสด็จพ่อมีความสำคัญสำหรับข้ามาก..ข้าเพียงอยากให้ทุกคนมีความสุข”

เหตุใดบิดาของนางจึงไม่ชอบกู้หวนจิ่น? เขาเป็นคนดีมาก เสด็จพ่อไม่พอพระทัยอะไรในตัวเขากันแน่ … องค์หญิงจิ้งชูค่อยๆ คิดจนในที่สุด นางจึงเงยหน้าขึ้นไปมองบิดาของตน

“เสด็จพ่อ แม้ข้าจะแต่งงานไปแล้ว แต่ข้าก็ยังเป็นบุตรสาวของท่าน กู้หวนจิ่นก็เคารพท่านเช่นกัน เขาไม่ใช่คนมีความทะเยอะทะยาน เขาบอกข้าว่าหลังแต่งงาน เขาอยากพาข้าออกท่องเที่ยว ไปดูดอกท้อทางแดนใต้และหิมะที่แดนเหนือ…” องค์หญิงจิ้งชูพูด

“พวกเราจะอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตประหนึ่งเทพเซียน”

“กู้หวนจิ่นกล้าลักพาตัวบุตรสาวข้าไปไกลถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”ฮ่องเต้โจวแสร้งทำเป็นโกรธ

องค์หญิงจิ้งชูสัมผัสได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของฮ่องเต้โจว “เสด็จพ่อข้าจะจดจำไว้เสมอว่าข้าเป็นธิดาของโอรสสวรรค์และกู้หวนจิ่นคือบุตรชายสกุลกู้”

การแต่งงานขององค์หญิงกับกู้หวนจิ่นไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของเกียรติยศเท่านั้น แต่เต็มไปด้วยข้อจำกัด บุตรสาวของเขามีเหตุผลมากพอ นางอาจจะห้ามปรามสกุลกู้ได้.. ที่สำคัญจิ้งชูชอบผู้ชายคนนั้น

เมื่อทอดพระเนตรไปยังดวงหน้าที่ดื้อรั้นอย่างเต็มเปี่ยม ฮ่องเจ้โจวทรงทอดถอนพระทัย

เขาสูญเสียให้กับต้าโจวมามากในการขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งฮองเฮา องค์รัชทายาท ไทเฮา หรือแม้กระทั่งองค์หญิงใหญ่

… บางคนก็เสียสละให้กับเขา บางคนก็แยกตัวเหินห่างออกไปเพราะตำแหน่งฮ่องเต้ของเขา มีเพียงบุตรสาวคนนี้เท่านั้นที่ปรนนิบัติมีความจริงใจกับเขามากที่สุด

ช่างเถอะ! คงได้แต่จับตาคอยดูเอาไว้ แล้วปล่อยให้นางมีความสุข

ที่ด้านนอก

กู้หวนจิ่นจับมือของเว่ยฉิงแน่น

“น้องเขย ข้าประหม่ามาก”

เว่ยฉิงตอบกลับ “ข้ารู้ มือเจ้าชุ่มเหงื่อ”

“น้องเขย ข้าเหมือนจะเป็นลม..ช่วยข้าที” กู้หวนจิ่นพูดทำท่าซวนเซจะซบอกเว่ยฉิง

เว่ยฉิงยื่นนิ้วชี้ออกมาดันกู้หวนจิ่นไว้ แผ่นอกของเขาย่อมเป็นของถังหลี่แต่ผู้เดียวเท่านั้น เขาพยุงกู้หวนจิ่นไปพิงที่เสา ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกเรียกตัวเข้าไปด้านใน

เมื่อเข้าไปในห้องโถง กู้หวนจิ่นก็หันไปมององค์หญิงจิ้งชู เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง ในที่สุดเขาก็ปล่อยวางความกังวลใจออกไปได้

ฮ่องเต้ทรงยอมรับการสู่ขอของเขาใช่หรือไม่?

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปทำให้กู้หวนจิ่นรู้สึกเหมือนตนเองได้ฝันไป ฮ่องเต้โจวตรัสด้วยพระองค์เองว่าจะพระราชทานองค์หญิงจิ้งชูให้แต่งงานกับเขา พร้อมกับให้หาฤกษ์มงคล เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องโถง กู้หวนจิ่นอดพูดไม่ได้ว่า

“น้องเขยเจ้าหยิกข้าหน่อย.. ข้าฝันอยู่หรือเปล่า?”

เว่ยฉิงยื่นมือออกมาบิดที่แขนของกู้หวนจิ่นอย่างแรง

“โอ๊ย!ใจเย็นๆ”

กู้หวนจิ่นเดินออกมาอย่างมึนงง เขาหัวเราะเป็นครั้งคราวราวกับสติไม่สมประกอบ ทำให้เว่ยฉิงต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา เมื่อออกมากู้หวนจิ่นยังคงยืนอยู่แถวนั้น เว่ยฉิงรู้ว่าเขากำลังรอองค์หญิงจิ้งชูอยู่ เขาจึงปลีกตัวออกไป

เขามีภรรยาอยู่แล้วจะไม่ยอมทนกินอาหารสุนัขของใครหรอก!

กู้หวนจิ่นยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็เห็นศีรษะเล็กๆ ยื่นออกมาจากหลังกำแพง มองมาทางเขาด้วยแววตาที่สดใส

“อาจื่อ” เขาส่งเสียงเรียก

จิ้งชูเดินไปหากู้หวนจิ่น ดวงตาของชายหนุ่มจ้องมองนางอย่างหลงใหล

“อาจื่อ”

“ได้ยินแล้วน่า..”

“อาจื่อ..”

“น่ารำคาญ เจ้าเอาแต่เรียกข้าอยู่ได้”

“ข้าไม่เรียกแล้ว” กู้หวนจิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม หัวใจขององค์หญิงจิ้งชูหวานฉ่ำ สายตาที่มองเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

“เหตุใดข้าถึงไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าเป็นคนโง่แบบนี้”

“ข้าก็เป็นเช่นนี้แหละ ตอนนี้ฝ่าบาททรงพระราชทานอภิเษกสมรสให้เราแล้ว สายเกินกว่าที่จะคิดเปลี่ยนใจแล้วนะ” กู้หวนจิ่นพูดอย่างเกียจคร้าน จิ้งชูถอนหายใจ

“โอ้ ข้าคงทำอะไรไม่ได้แล้วสิ” ทั้งสองเดินไปตามทางเดินในวังหลวง แขนเสื้อของพวกเขาสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

ด้วยมารยาทและขนบธรรมเนียมทำให้พวกเขาไม่กล้าจับมือกัน

กู้หวนจิ่นหันศีรษะไปมองหญิงสาวที่สูงประมาณไหล่ของตน รอยยิ้มในดวงตาของเขาฉายชัดมั่นคง

อาจื่อ ชาตินี้ข้าจะดูแลปกป้องเจ้า ทำให้ชีวิตของเจ้ามีแต่ความสุข ปราศจากความทุกข์ เจ้าจะปลอดภัยอยู่ในอ้อมแขนอย่างแน่นอน

จวนอู่โหว

ถังหลี่รู้ว่าสามีและพี่สามของนางจะต้องทำให้การแต่งงานครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี นางจึงตั้งหน้าตั้งตารอฟังผลลัพธ์ หลังจากเว่ยฉิงกลับมาเขาก็บอกนางเรื่องการแต่งงานที่จะเกิดขึ้น ใบหน้าของหญิงสาวแต้มไปด้วยรอยยิ้มทันที

“เยี่ยมไปเลย” นางรู้ว่าการแต่งงานนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินได้ใจง่าย ฮ่องเต้โจวทรงไม่ต้องการให้องค์หญิงเกี่ยวดองกับสกุลกู้ ทำให้พี่ชายของนางและจิ้งชูต้องพยายามกันอย่างหนัก แต่ในที่สุดทั้งสองก็ได้ลงเอยกันจนได้

ไม่เหมือนกับในนวนิยายที่คนหนึ่งตายอย่างอนาถส่วนอีกคนต้องไปตายในต่างแดน นางหวังว่าในชาตินี้ทั้งสองคนจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน

ข่าวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ฮูหยินกู้ได้ยินก็มีความสุขมาก ตอนนี้เรื่องของลูกสามของนางก็คลี่คลายแล้ว ต้องเขียนจดหมายบอกสามีและลูกรองโดยเร็ว!