บทที่ 569 หกหมื่นปี ยอดสมบัติสังหารระดับเสรี

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 569 หกหมื่นปี ยอดสมบัติสังหารระดับเสรี

หลังจากเลือกดำเนินการต่อ หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขาลืมตาขึ้น มาโผล่ในห้วงอวกาศลึกลับมืดมนไร้ขอบเขตแห่งหนึ่ง ด้านหน้ามีกลุ่มแสงสีแดงส่องแสงวูบวาบเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างอยู่กลุ่มหนึ่ง แดงฉานน่าสยดสยอง

เขามองเห็นโจวฝาน

โจวฝานอยู่ในกลุ่มแสงสีแดง เขาถูกหนวดสีดำมากมายที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมรุมเร้าพัวพัน เหลือเพียงร่างวิญญาณ

ที่นี่คือ…

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ทอดสายตามองออกไป กลุ่มแสงสีแดงนี้กว้างไพศาลอย่างยิ่ง ราวกับระบบจักรวาล แผ่ไอแดงฉานรุนแรง มองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตหรือวิญญาณเลย

เขามองไปที่ร่างโจวฝาน หนวดสีดำเหล่านั้นคล้ายจะมิใช่ของจริง เหมือนภาพมายามากกว่า แต่กำลังดูดซับพลังวิญญาณของโจวฝานอยู่จริงๆ

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน เบื้องหน้าพลันมีข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นมา

[แดนชำระบาปสุขาวดี: แดนอันตรายฟ้าบุพกาล ก่อตัวขึ้นจากเจตจำนงของเทพมารฟ้าบุพกาลยุคบรรพกาล จิตรับรู้ของผู้ที่หลงเข้ามาจะจมดิ่งอยู่ในภาพลวงตาแดนสุขาวดี ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ จนกระทั่งถูกดูดซับเลือดเนื้อและวิญญาณจนสิ้น]

ก่อตัวขึ้นจากเจตจำนงของเทพมารฟ้าบุพกาลยุคบรรพกาลอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลง เขาลืมตาขึ้น เอ่ยถามต่อ ‘ผู้ใดวางแผนให้โจวฝานเข้าไปในแดนชำระบาปสุขาวดี’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นในสมองของหานเจวี๋ย

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ!

เป็นเขาจริงๆ!

ผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลที่ลอบสอดส่องมรรคาสวรรค์ในระยะนี้ก็คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ!

เจ้าคนผู้นี้รนหาที่ตายเสียแล้ว

โจวฝานคือร่างจำแลงของอริยะเจ็ดวิถี ทำเช่นนี้ไม่เป็นการตบหน้าอริยะเจ็ดวิถีหรอกหรือ

มองจากอายุขัยที่เสียไปกับการวิวัฒนาการ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการไม่มีทางต่อกรกับอริยะเจ็ดวิถีได้

หานเจวี๋ยปล่อยวางความคิดฟุ้งซ่านลง ฝึกบำเพ็ญต่อ

ออกจากมรรคาสวรรค์อันตรายเกินไปจริงๆ ถึงอย่างไรโจวฝานก็มีอริยะเจ็ดวิถีเป็นที่พึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนให้เขาออกโรงเอง

….

หลายสิบปีผ่านไป

[ตรวจสอบพบว่าท่านอายุครบหกหมื่นปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที เผยแพร่มรรคสู่ปวงสวรรค์ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ สร้างวิถีแห่งตน หลีกห่างผลกรรมความขัดแย้ง จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น อดสะท้อนใจไม่ได้ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ

ราวกับเพิ่งอายุห้าหมื่นปีเมื่อวานนี้

ระบบซื่อสัตย์นัก ไม่ได้ทำให้หานเจวี๋ยตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แต่ของรางวัลรอบนี้ไม่เข้าท่าเกินไปแล้ว

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบงัน

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[ยินดีด้วยท่านได้รับยอดสมบัติระดับเสรี…ป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคา]

[ป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคา: ยอดสมบัติสังหารระดับเสรี ใช้อายุขัยและดวงชะตาแลกเปลี่ยนเพื่อสังหารศัตรู วาจาคือประกาศิต ไม่อาจสังหารสิ่งมีชีวิตที่ไร้กรรมเชื่อมโยงกับตนได้ ใช้ได้ในสถานการณ์ต่อสู้เท่านั้น]

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

ดูยอดเยี่ยมนัก!

หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาออกมาทันที ป้ายคำสั่งนี้ต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ คล้ายกระบี่ที่ไม่ผ่านการลับคมมากกว่า ยาวสามฉื่อ เป็นสีโลหิตทั้งชิ้น มีคลื่นแสงไหลเวียน ยามที่กุมป้ายคำสั่งนี้ไว้ ไอสังหารอันน่าพรั่นพรึงพุ่งปะทะหน้าเขา เป่าเส้นผมดำขลับของเขาจนปลิวไสว

เยี่ยมไปเลย!

หานเจวี๋ยเริ่มทำให้มันจดจำเจ้าของ

ใช้เวลาครึ่งปี เขาถึงสยบป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาสำเร็จ

เป็นครั้งแรกที่เขาต้องสิ้นเปลืองพลังถึงเพียงนี้ หากมิได้มาจากระบบ เขาอาจจะสยบสมบัติชิ้นนี้ไม่ได้ ถึงขั้นที่อาจถูกสมบัติชิ้นนี้กลืนกินเสียด้วยซ้ำ

หานเจวี๋ยเข้าแบบจำลองการทดสอบทันที เริ่มใช้งานสมบัติชิ้นนี้

อายุขัยที่ใช้แลกเปลี่ยนในแบบจำลองการทดสอบมิใช่ของจริง ดังนั้นเขาจึงใช้ได้หนำใจยิ่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับเทพสูงสุดอู๋ฝ่า เขาแลกเปลี่ยนด้วยอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี ชูป้ายร้องสั่งว่าพิฆาต เทพสูงสุดอู๋ฝ่าสลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที

ทรงพลังนัก!

หานเจวี๋ยใจเต้นแรง

หากเผชิญหน้ากับอริยะทั่วไป เขาถึงขั้นที่ไม่ต้องเสียอายุขัย สังหารในเสี้ยววินาทีได้ทันที

นี่น่ะหรือยอดสมบัติสังหารระดับเสรี

หานเจวี๋ยใจเต้นแรง เทียบชั้นกับหนังสือแห่งความโชคร้ายได้เลย!

เพียงแต่หนังสือแห่งความโชคร้ายเป็นแนวทางที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคากลับทรงฤทธิ์เผด็จการ

หนังสือแห่งความโชคร้ายใช้งานได้หลากลายกว่า สังหารคนอย่างไร้ร่องรอย แต่ป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาต้องอยู่ในการต่อสู้เท่านั้นถึงจะใช้งานได้ หานเจวี๋ยไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในอารามเต๋าแล้วใช้ป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาลอบโจมตีศัตรูได้

หานเจวี๋ยเริ่มท้าสู้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง แม้ว่าจะมีป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคา เขาก็ยังถูกสังหารในเสี้ยววินาทีอยู่ดี นี่อยู่ในสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ตั้งแต่เริ่ม

‘ข้าจะลองแลกด้วยอายุขัยสามพันล้านล้านล้านปีดู!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ เข้าสู่แบบจำลองการทดสอบอีกครั้ง เริ่มเลกเปลี่ยนอายุขัย

“พิฆาต!”

หานเจวี๋ยชูป้ายร้องสั่ง ป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาสั่นสะเทือนอยู่ในมือเขาอย่างรุนแรง ระเบิดแสงสีแดงออกมา

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงที่อยู่สูงขึ้นไปไกลลิบกลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิว

หานเจวี๋ยตกตะลึง

สำเร็จแล้วหรือ

ในที่สุดผู้เฒ่าก็สังหารอริยะมหามรรคได้ง่ายๆ ดั่งพลิกฝ่ามือแล้วหรือ

ในเวลานี้เอง หานเจวี๋ยมองเห็นร่างของปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก่อตัวขึ้นอีกครั้ง จึงร้องสั่งว่า “พิฆาต”

หานเจวี๋ยระเบิดตายทันที

ไม่อาจต่อต้านได้เลยสักนิด!

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สีหน้าสำนึกเสียใจ

‘ห้ามหาเรื่องปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเด็ดขาด มิเช่นนั้นต่อให้มียอดสมบัติระดับเสรีหรือแลกเปลี่ยนด้วยอายุขัยทั้งหมดแล้ว ก็ยังสังหารเขาไม่ได้อยู่ดี’

หานเจวี๋ยปรับสภาพอารมณ์

เกือบหลงลำพองแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความซาบซึ้งใจในตัวปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

แม้ว่าปรมาจารย์จะไม่รู้ตัว แต่เขาได้กระตุ้นและดึงสติหานเจวี๋ยไว้

สมเป็นอริยะโดยแท้!

หานเจวี๋ยหยิบหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา เขาพลันบังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่ง

หรือครั้งนี้จะไม่ยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้าย แต่ยกระดับป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาแทนดี

เขาทดลองทันที

[ห้ามยกระดับป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาเด็ดขาด หากยอดสมบัติชิ้นนี้ยกระดับถึงขั้นมหามรรค จะแว้งกลับมากลืนกินท่าน ก่อกำเนิดเป็นดวงจิตมหามรรค]

เมื่อเห็นข้อความนี้เด้งขึ้นมาตรงหน้า หานเจวี๋ยพลันหยุดมือด้วยความตกใจ

เกือบพลาดท่าแล้ว!

สมบัติวิเศษกลายเป็นดวงจิตได้ด้วยหรือ

หานเจวี๋ยจึงทำได้เพียงยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้ายต่อไป

ท้ายที่สุด หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับจากยอดสมบัติมรรคาสวรรค์เป็นสมบัติวิญญาณเสรี

หานเจวี๋ยถือหนังสือแห่งความโชคร้ายไว้ในมือ เขาสัมผัสถึงไอความโชคร้ายได้ชัดเจนยิ่ง แข็งแกร่งนัก

เขาได้ชุบเลี้ยงสิ่งชั่วร้ายที่น่าพรั่นพรึงสุดขีดอย่างหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

‘สาปแช่งอริยะสักคนให้ตายแก้เบื่อดีหรือไม่นะ’

หานเจวี๋ยเกิดความคิดนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วไปเถอะ

เพื่อเลี่ยงไม่ให้กระตุ้นมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตขึ้นมาอีก สถานการณ์ตอนนี้ดีมากแล้ว เหล่าอริยะไม่หาเรื่องเขา ซ้ำยังสามารถปกป้องระเบียบมรรคาสวรรค์ พิทักษ์แดนเซียนได้ด้วย

หากไม่มีเหล่าอริยะคอยดูแลจัดการมรรคาสวรรค์ หานเจวี๋ยไหนเลยจะสงบใจฝึกฝนได้

จะเป็นศัตรูหรือมิตร มิใช่เรื่องที่จะตัดสินกันได้ง่ายๆ

หานเจวี๋ยเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย หานเจวี๋ยปลุกความฮึกเหิม ฝึกบำเพ็ญต่อ

เขาเข้าใกล้ระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะปลายไปเรื่อยๆ แล้ว!

เขามั่นใจว่าจะทะลวงระดับได้ภายในหมื่นปี!

จากนั้นค่อยบรรลุระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะสมบูรณ์ให้ได้ภายในหมื่นปี!

ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญระดับนี้ใช้ได้เลย!

….

ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม อาณาเขตเต๋าสำนักพุทธ

ภายในตำหนัก ฉิวซีไหลนั่งสมาธิอยู่บนแท่นดอกบัว มีแสงทองพัวพันรอบกาย ก่อตัวเป็นเสาลำแสง แผ่อำนาจกดดันแห่งอริยะเทพ

เงาแสงร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าฉิวซีไหล

“ข้าสัมผัสได้ว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”

จิตวิญญาณมรรคาสวรรค์เอ่ยเสียงขรึม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความวิตก

ฉิวซีไหลตอบโดยไม่กะพริบตาเลยว่า “ไม่น่าแปลกใจเลย คุณสมบัติของเขาเดิมทีก็เลิศล้ำอยู่แล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็ยังไม่มีวิธีจัดการเขา รอให้ข้าผสานมรรคแล้วค่อยว่ากัน”

จิตวิญญาณมรรคาเอ่ยว่า “ต่อให้เจ้าผสานมรรคแล้ว ก็ยังไม่แน่ว่าจะใช่คู่ต่อสู้เขา นอกเสียจากว่า…”

“นอกเสียจากอะไร”

“นอกเสียจากเจ้าจะได้รับพลังของบรรพชนเต๋า”

“บรรพชนเต๋าหายตัวไปนานแล้ว เจ้ารู้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“ไม่รู้ แต่ข้ารู้จักร่างแยกทั้งสามร่างของเขา หากเจ้าได้ร่างใดร่างหนึ่งมา ก็จะสามารถฆ่าหานเจวี๋ยได้ง่ายๆ”

………………………………………………………………