บทที่ 572 องค์รัชทายาทไม่ปล่อยเจ้า
บทที่ 572 องค์รัชทายาทไม่ปล่อยเจ้า
ตั้งแต่บอกว่าเจี่ยงเถิงได้รับบาดเจ็บ หลินซือก็ไม่ให้เขาลงแข่งม้าอีก ทั้งยังพยายามลากเขาออกมา
“อาซือ เจ้าคือคนที่ได้รับเทียบเชิญ แอบหนีออกมาแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าเราจะทำเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเทียบเชิญที่สวีกุ้ยเฟยทรงเชิญเจ้าด้วยตัวเอง ถ้านางพบว่าเจ้าหายตัวไป เกรงว่าคงเกิดความประทับใจที่ไม่ดีต่อเจ้าเป็นแน่”
เจี่ยงเถิงมองหลินซือที่พยายามลากเขาออกไป พลางพูดเตือนสตินาง
หลินซือชำเลืองตามองเขาแวบหนึ่งและพูดว่า “ข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงให้พี่ไป๋ไปกราบทูลสวีกุ้ยเฟยว่าข้าไม่สบายขอตัวกลับก่อน ท่านอย่าคิดที่จะกลับไปลงแข่งหม่าฉิวนั่นอีกเด็ดขาด ตอนนี้ข้าจะพาท่านไปหาหมอ ท่านตกมาจากหลังม้า ต้องเจ็บมากแน่นอน ไม่รู้ว่าบาดแผลนั้นร้ายแรงเพียงใด ท่านไม่ต้องมาเสแสร้งต่อหน้าข้าเลย ข้าเห็นว่าร่างของท่านไถลไปกับพื้น ตอนนี้เกรงว่าหลังของท่านคงจะปวดร้าวรานเจียนตายแล้ว”
เจี่ยงเถิงคาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะมีไหวพริบขนาดนี้ ดูออกว่าตัวเองกำลังอดกลั้นความเจ็บปวด จึงได้แต่คลี่ยิ้มอย่างรู้สึกผิด “อาซือช่างฉลาดยิ่งนัก ถ้าเป็นวันปกติเรื่องแบบนี้สำหรับข้าไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่นัก แต่เรื่องในวันนี้มันเกิดขึ้นกะทันหัน ข้าไม่ทันได้เตรียมตัว จึงทำให้ตกลงมาอย่างแรง ตอนนี้หลังของข้าปวดไม่น้อย”
หลินซือถลึงตาใส่เจี่ยงเถิงหนึ่งครั้ง แล้วลากเขาเดินไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “ข้ารู้ ท่านยังจะปิดบังข้าอีก ถ้าข้าไม่ลากท่านออกมา ท่านคิดจะอยู่ในนั้นอีกนานแค่ไหน? ท่านมักเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่รักชีวิตของตัวเองเอาเสียเลย”
หลินซือตำหนิเจี่ยงเถิงด้วยความขุ่นเคือง กระทั่งเดินมาถึงโรงหมอ หมอให้เจี่ยงเถิงถอดเสื้อออก หลินซือได้ยินดังนั้นก็รีบหมุนตัวไปทางอื่นทันที พี่อาเถิงนี่ ไม่เตือนนางสักคำ!
ครั้นเจี่ยงเถิงเห็นนางเขินอายเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ เด็กโง่ ต่อไปก็ต้องกลายมาเป็นภรรยาของเขา ปล่อยให้เอาเปรียบเขาสักหน่อย…ก็ได้ เจี่ยงเถิงส่ายหน้า เขาคิดไปไกลอีกแล้ว เด็กคนนี้ยังไม่เปิดใจเลย เฮ้อ หนทางยังอีกยาวไกล ยังต้องพยายามอีกมาก!
หลังจากท่านหมอเห็นแผ่นหลังของเจี่ยงเถิง เขาก็เอ่ยขึ้นทันใด “คุณชายตกลงมาค่อนข้างรุนแรง โชคดีที่คุณชายเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ กระดูกจึงแข็งแรง ถ้าเป็นคนอื่นเกรงว่าคงเดินไม่ได้แล้ว ข้าจะจัดยากินให้คุณชายสองเม็ด และยาทาอีกหนึ่งขวด คุณชายต้องทาเช้าเย็นอย่างละครั้ง ไม่เกินครึ่งเดือนหายแน่นอน”
หลินซือยืนฟังคำอธิบายของหมออยู่ด้านนอก และเริ่มบ่นอุบในใจอีกครั้ง
พี่อาเถิง จะไม่ให้นางเป็นห่วงได้อย่างไร ในอดีตนางไม่เคยได้ยินเขาบอกว่าเล่นหม่าฉิวเป็นมาก่อน แล้ววันนี้ไปอวดดีแข่งขันกับองค์รัชทายาท ทำไม? องค์รัชทายาทยังเด็ก ทำไมพี่อาเถิงถึงต้องจริงจังกับเขาขนาดนี้ด้วย? แน่นอนว่า หลินซือไม่เข้าใจการเอาชนะระหว่างผู้ชาย
นางลืมไปแล้วว่าการแข่งขันระหว่างเขาและองค์รัชทายาทใครชนะ หรือพูดได้ว่าไม่ได้ลืม แต่ไม่เคยสนใจเลยต่างหาก นางสนใจแค่ว่าอาการบาดเจ็บของเจี่ยงเถิงว่าจะร้ายแรงแค่ไหน และเมื่อใดจะดีขึ้นเท่านั้น
“พี่อาเถิง ท่านแม่ให้ข้าเรียกพี่ไปกินข้าวที่บ้าน บอกว่าวันนี้ท่านป้าเจี่ยงมาที่บ้าน เราสองตระกูลไม่ได้รวมตัวกันนานแล้ว” หลินซือพูดพลางประคองเจี่ยงเถิงขึ้นรถม้า
เจี่ยงเถิงพยักหน้า และเอ่ยว่า “อื้อ ตอนข้าออกมาท่านแม่บอกข้าไว้แล้ว เช่นนั้นเรารีบกลับกันเถอะ ไม่อย่างนั้นท่านอาซูคงเป็นห่วงแย่แล้ว อ้อ จริงสิ เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”
หลินซือเงยหน้าขึ้น พลางเอ่ยถาม “หือ? พี่อาเถิงบอกมาได้เลย ท่านอยากให้ข้าช่วยอะไร?”
“อย่าบอกเรื่องที่ข้าบาดเจ็บกับคนอื่นนะ ถ้าท่านแม่รู้เข้าต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ ข้าไม่อยากให้นางเป็นห่วง เรื่องในวันนี้เป็นความไม่รอบคอบของข้าเอง บุ่มบ่ามตกปากรับคำกับองค์รัชทายาท ไม่นึกถึงผลที่ตามมา อาซือ เจ้าช่วยข้าเถอะ” พูดพลางดึงแขนของหลินซืออย่างเว้าวอน
หลินซือส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “ข้าช่วยท่านได้นะ แต่ท่านต้องรับปากข้าสามเรื่อง ซึ่งข้ายังคิดไม่ออกว่าเรื่องอะไรบ้าง ไว้ข้าคิดออกแล้วจะบอก โชคดีนะที่วันนี้การแข่งขันถูกตัดจบไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นไม่ว่าองค์รัชทายาทหรือพี่ชนะล้วนไม่ใช่เรื่องดีแน่ คนในเมืองชอบความสนุกที่สุด ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเอาไปพูดกันอย่างไรบ้าง”
เมื่อถึงจวน เหยาซูและเจี่ยงฉีรออยู่หน้าประตูแล้ว ครั้นเห็นเด็กทั้งสองคนกลับมา ก็ต่างเดินรุดขึ้นหน้า “กลับมาแล้วหรือ? เด็กสองคนนี้ พี่ชายเจ้าและหรูปิงกลับมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเจ้าสองคนวิ่งเถลไถลไปที่ไหน โต ๆ กันแล้วยังซุกซนแบบนี้อยู่อีก”
หลินซือโผเข้ากอดเหยาซู พลางพูดจาออดอ้อน “ไอหยา ท่านแม่ อาซือรู้สำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ! ท่านแม่หยุดคิดได้แล้ว ๆ เอ้อเป่าหิวแล้ว รีบพาข้าไปกินข้าวดีกว่า”
เหยาซูจนปัญญา ได้แต่จูงมือของหลินซือเดินเข้าไปในเรือน “เอ๊ะ? ตัวของเจ้ามีกลิ่นยาด้วยนี่? มีใครบาดเจ็บใช่ไหม?”
เจี่ยงฉีทำท่าดม และได้กลิ่นเช่นกัน จึงถามเจี่ยงเถิงด้วยความเป็นห่วง “อาเถิง เกิดอะไรขึ้น เจ้าบาดเจ็บใช่หรือไม่? ข้าได้กลิ่นยานี้มาจากตัวเจ้า เจ้าบอกแม่มาเดี๋ยวนี้ บาดเจ็บตรงไหน?”
หลินซือเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงกระโดดออกมาและพูดว่า “ไอหยา ท่านป้าเจี่ยง เมื่อครู่ข้าเดินผ่านร้านขายชาดปาก เขาบอกว่าชาดปากของเขาทำมาจากสมุนไพร ทั้งบำรุงทั้งให้ความผ่อนคลาย ข้ารู้สึกว่าแปลกดี เลยหยิบมาดู แต่ข้าไม่ทันระวังทำขวดตกแตก ยาเลยสาดกระเด็นใส่พี่อาเถิง ท่านป้าเจี่ยงท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ให้พี่อาเถิงบาดเจ็บแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลังจากทุกคนได้ยินคำอธิบายแบบนี้ของอาซือแล้ว ก็คลายความกังวลในใจลง ก่อนจะพากันเดินไปที่โต๊ะอาหาร
ยามราตรีที่เงียบสงบ หลินซือกำลังจะดับตะเกียงนอน จู่ ๆ เหยาซูก็เคาะประตู แล้วเดินเข้ามาเอ่ยว่า “เด็กน้อย วันนี้เกิดอะไรเกิดขึ้น? เจ้าบอกแม่ได้นะ ให้แม่ช่วยเจ้าแก้ปัญหาสักหน่อยก็ยังดี”
หลินซือไม่อยากโกหกมารดา แต่ก็รับปากพี่อาเถิงแล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จึงรู้สึกลำบากใจ “ท่านแม่ วันนี้ข้าไปเข้าร่วมงานแข่งขันหม่าฉิว เดิมทีองค์รัชทายาททรงประสงค์ให้ข้าไปนั่งกับเขาด้วย แต่ถูกข้าปฏิเสธ ต่อมาองค์รัชทายาทและพี่อาเถิงก็ลงสนามแข่ง ผลลัพธ์ปรากฏว่าตอนที่การแข่งขันใกล้จะจบ จู่ ๆ ม้าของพี่อาเถิงก็พยศขึ้นมา พี่อาเถิงไม่ทันได้เตรียมตัว จึงตกลงจากหลังม้า แต่การตกนั้นไม่นับว่า…ไม่นับว่าร้ายแรงนัก จึงไปซื้อยามาทาเจ้าค่ะ”
“ลูกรัก เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าผิดพลาดตรงไหน? ตรงที่เวลาเจ้าโกหกมักจะติดอ่าง เด็กโง่ เจ้าไร้เดียงสาขนาดนี้จะโกหกได้อย่างไร? ข้าเห็นแล้วว่าเจี่ยงเถิงบาดเจ็บ เจ้ายังจะปิดบังแม่อีกหรือ? ตอนนั้นเพราะท่านป้าฉีอยู่ตรงนั้นด้วย ถ้าข้าเปิดโปงเจ้า นางต้องเป็นห่วงแน่” เหยาซูเคาะศีรษะของหลินซือเบา ๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อ่อ จริงสิ ลูกรัก เจ้ารู้ดีว่าสวีกุ้ยเฟยไม่มีทางเจาะจงส่งเทียบเชิญให้เจ้าโดยไม่มีเหตุผล เกรงว่าคงจะมีความดีความชอบขององค์รัชทายาทรวมอยู่ด้วย ดูท่าองค์รัชทายาทจะไม่มีทางปล่อยเจ้า คาดไม่ถึงว่าเด็กตัวแค่นี้จะกล้ายืนหยัดเพียงนี้ ทำให้ข้ารู้สึกตะลึงไม่น้อย วันนี้องค์รัชทายาทพูดกับเจ้าแล้วใช่หรือไม่?” เหยาซูกล่าวถามด้วยความเป็นห่วง
อย่างไรเสียองค์รัชทายาทคือผู้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคต ต่อไปชีวิตของทุกคนต้องอยู่ในกำมือของเขา
………………………………………………………………………………………………………………