บทที่ 568 การเป็นโจรต้องกล้าหาญ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 568 การเป็นโจรต้องกล้าหาญ

บทที่ 568 การเป็นโจรต้องกล้าหาญ

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย โดยไม่รู้ว่าฉินเย่จือและคนอื่น ๆ ใกล้จะบ้าคลั่งเมื่อรู้ว่านางหายตัวไป

นี่คือเป็นการเดินทางทางน้ำอีกครั้ง นางสงสัยนักว่าฉินเย่จือและคนอื่น ๆ จะหาตัวเองพบหรือไม่!

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในเวลานี้นางยังคงคิดถึงฉินเย่จือ ถ้าฉินเย่จือรู้ว่านางอยู่ที่นี่ เขาจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือนาง แต่…

กู้เสี่ยวหวานคิดเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้มเย้ยตัวเอง ตอนนี้นางได้เดินทางมาทางน้ำ แล้วฉินเย่จือจะหานางเจอหรือ?

บางทีเมื่อเขามาถึง เกรงว่านางคงเกิดเรื่องไม่คาดฝันไปแล้ว

ไม่ นางไม่อาจตั้งความหวังทั้งหมดไว้ที่ฉินเย่จือได้ นางจะต้องหาวิธีช่วยเหลือตัวเองให้ได้

กู้เสี่ยวหวานกลั้นหายใจ และพยายามให้ดีที่สุดเพื่อรักษาสภาพของนางไว้ไม่ให้เปลี่นแปลง

นี่คือการกระเพื่อมของสายน้ำ กู้เสี่ยวหวานหลับตาลงอย่างรวดเร็วโดยตั้งใจจะฟื้นฟูกำลังของตนเอง ตอนนี้นางอยู่บนเรือแล้ว คนที่ลักพาตัวทั้งสองย่อมไม่กล้าทำอะไรนาง!

นางต้องฟื้นฟูกำลังโดยเร็ว หากมีโอกาสหลบหนี นางต้องทำให้สำเร็จในคราวเดียว!

กู้เสี่ยวหวานหรี่ตาของนาง ขณะที่เรือสั่น กู้เสี่ยวหวานก็พลันผล็อยหลับไป

ไม่รู้ว่านางหลับไปนานแค่ไหน แต่เมื่อกู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้น เรือได้ทำการจอดเทียบท่า บางทีอาจเพราะความเร่งรีบ เรือจึงกระแทกเข้ากับชายฝั่ง กู้เสี่ยวหวานโซเซ นางลื่นเล็กน้อยก่อนกระแทกเข้ากับผนังเรือทำให้รู้สึกเวียนหัว

กู้เสี่ยวหวานแอบด่าสองคนนั้นในใจ รีบไปเกิดใหม่หรือไง!

กู้เสี่ยวหวานเพิ่งด่าเสร็จก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา ก่อนนางจะถูกหิ้วขึ้นอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานเพิ่งกระแทกกับเรือและรู้สึกเวียนหัว แต่ยามนี้นางถูกพาดไว้บนไหล่เหมือนหมู ทำให้นางยิ่งรู้สึกคลื่นไส้

นางเมาเรือ เกรงว่าตอนที่เผลอหลับไปคงเพราะประหม่ามากจึงไม่รู้ว่าตัวเองเมาเรือ การกระแทกเมื่อครู่คล้ายจะทำให้อาการคลื่นไส้ของการเมาเรือกลับคืนมา กู้เสี่ยวหวานรู้สึกคลื่นไส้ แต่ก็พยายามยิ่งที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ส่งเสียง

กู้เสี่ยวหวานเงี้ยหูของนางไปด้านข้าง และจดจ่อกับการฟังความเคลื่อนไหวรอบตัว

ในไม่ช้า นางก็พบว่าตัวเองถูกโยนเข้าไปในรถม้าอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานครางเสียงแผ่ว นางถูกโยนเข้าไปอีกครั้งและกระแทกเข้ากับกระดานไม้จนกระดูกปวดร้าว จากนั้นก็มีเสียงกระแทกดังขึ้นอีก มีคนถูกมัดอีกคนถูกโยนมาในรถม้า

กู้เสี่ยวหวานสงสัยอย่างยิ่ง ตอนที่โยนนางลงได้ฝืนควบคุมตัวเองอย่างยิ่งไม่ให้ตะโกนออกมา แต่เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ที่ถูกมัดไว้ก็ไม่ได้ส่งเสียงเช่นกัน ระหว่างทาง ยกเว้นในตอนแรกที่รถม้าตกหลุมขนาดใหญ่ กู้เสี่ยวหวานก็เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงร้องของคนข้าง ๆ นางอีกเลย

เป็นไปได้ไหมว่าคนผู้นี้จะเป็นลมไปแล้ว?

ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังคิด ก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังเดินทางอีกครั้ง และรถม้ากำลังจะแล่นออกไป

ในช่วงแรกถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ต่อมาสักพักการเคลื่อนไหวของรถม้าก็นิ่งขึ้น แต่สักพักก็เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานเดาว่ารถม้าน่าจะมาจากชานเมืองแล้วตรงไปยังตัวเมือง แล้วก็ขับไปที่ชานเมืองอีก

พวกเขาย่อมไม่สามารถส่งมอบคนในตลาดที่มีคนพลุกพล่านเป็นแน่

กู้เสี่ยวหวานคาดเดา เจ้าขี้งกหิวเงินถูหมิ่นนั่นจะไปหาโรงเตี๊ยมในเมืองเพื่อพักผ่อนหรือ?

เป็นไปไม่ได้!

ทว่าพวกเขาก็คงจะไม่ไปที่ลานใหญ่เช่นกัน ลานใหญ่มีคนจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นเพิงไม้เล็ก ๆ จะซ่อนได้สักกี่คน!

กู้เสี่ยวหวานพูดถูก หลังจากที่รถม้าหยุดลง กู้เสี่ยวหวานก็ถูกแบกอีกครั้ง และหลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว นางก็ถูกโยนลงกับพื้น

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่านางถูกขังอยู่ในห้องเล็ก ๆ นอกจากตัวนางกับคนที่ถูกลักพาตัวมาพร้อมนาง และสองโจรนั่นแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอยู่ในห้องอีก

ดูเหมือนว่าผู้ลักพาตัวสองคนคงจะตั้งใจเดินทางไปหมู่บ้านอู๋ซีเพื่อลักพาตัวนาง แต่กู้เสี่ยวหวานสงสัยยิ่งว่า ผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวมาพร้อมกับนางคือใครกัน?

ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกกดดันและมีคนมายืนต่อหน้านาง กู้เสี่ยวหวานเพิ่มความระวังตัว ร่างกายของนางเกร็งแน่น

นางรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังแก้กระสอบเหนือศีรษะของนางออก กู้เสี่ยวหวานปิดตาทันทีและแสร้งทำเป็นยังไม่ได้สติ

คนผู้นั้นเงอะงะอยู่พักใหญ่ แต่เขายังทำไม่เสร็จ เมื่อกู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่านางหายใจไม่ได้อีกต่อไป นางก็ได้ยินเสียงที่หยาบคายและสูงแหลมตะโกนขึ้น “ข้าให้เจ้าแก้กระสอบ ชักช้าอะไรนัก? ข้ายังหวังอะไรจากเจ้าได้อีก”

เสียงนั้นพึมพำเบา ๆ และนางก็ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด และได้ยินเสียงนั้นตะโกนอีกครั้ง “ถ้าเจ้าไม่ใช่น้องชายของข้า ข้าคงไล่เจ้าออกไปแล้ว!”

ดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงสูงและเสียงเบานี้จะเป็นพี่น้องกัน!

ชายที่หยาบคายเสียงดังก้าวไปข้างหน้าและแก้เชือกป่าน ในไม่ช้า กู้เสี่ยวหวานก็สัมผัสถึงอากาศเหม็นอับถูกปล่อยออก จากนั้นนางก็ถูกเทออกจากกระสอบ

กู้เสี่ยวหวานนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าขยับเหมือนกับคนตาย ปล่อยให้คน ๆ นั้นโยนตัวเองลงกับพื้นเหมือนตุ๊กตาผ้า

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังไม่ตื่น เจ้าของเสียงดังก็ทำการเตะและด่าทอนาง

บังเอิญลูกเตะนั้นเตะเข้าที่กระดูกน่องของนาง กู้เสี่ยวหวานแทบจะหมดสติจากความเจ็บปวด นางกัดริมฝีปากแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกไป

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่แม้แต่จะกรีดร้อง ชายคนนั้นก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ๊หยา เจ้าเด็กนี่หลับเป็นตายจริง ๆ!”

“พี่ใหญ่ ได้โปรดเบาลงหน่อย เดี๋ยวนางจะได้สติตื่นขึ้นมาเสียก่อน ถ้าพวกนางเห็นหน้าตาของพวกเราเข้าจะทำอย่างไร” มีเสียงเบา ๆ ดังขึ้นปรามเมื่อเห็นพี่ชายของเขาใช้กำลังราวกับพยายามปลุกคนให้ตื่น เพราะกลัวว่าถ้ากู้เสี่ยวหวานลืมตาขึ้นและเห็นหน้าตาตนเข้าจะทำอย่างไร!

ดูเหมือนว่าคนผู้นี้กำลังทำเช่นนี้เป็นครั้งแรก ส่วนพี่ชายคนนั้นน่าจะเป็นมือเก๋า

“เจ้ากลัวหรือ?” อย่างที่คิด นางได้ยินเสียงดังของพี่ชายดูถูกน้องชายเหมือนขยะ โดยพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ทำไมข้าถึงมีน้องชายที่ขี้ขลาดอย่างเจ้า เจ้าตาบอดหรือ? คิดว่าสองคนนี้จะยังมีชีวิตรอดอยู่หรือ? แม้ว่าพวกนางจะมีชีวิตรอดก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร! ถ้าพวกนางเห็นหน้าตาพวกเราแล้วจะทำอะไรได้? ข้าไม่คิดว่าพวกนางจะสามารถหลบหนีไปและกลับมาล้างแค้นพวกเราได้”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สรุปแล้วใครกันเป็นคนลักพาตัวเสี่ยวหวานกันแน่ จะใช่ถูหมิ่นกับตงเหมยจริง ๆ หรือไม่นะ?

ไหหม่า (海馬)