บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปสาขาย่อยในต่างประเทศได้เกิดอุบัติเหตุจนมีคนเสียชีวิต และครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบขึ้นมาอยากหนัก

ก่อนที่ลี่จุนถิงจะเดินทางไปถึงนั้น เวียร์ได้ไปถึงยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อตรวจค้นหาวัตถุพยานเบื้องต้นแล้ว แต่ในที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานใดๆหลงเหลืออยู่ และราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะอุบัติเหตุจริงๆ

ลี่จุนซินไม่อยากเขียนเวียร์จึงพาลี่จุนซินไปตรวจสถานที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานอีกครั้ง แต่ทั้งสองคนก็ไม่เจออะไร

หลังจากที่ลี่จุนถิงลงเครื่องในวันเดียวกันนั้น เขาไม่ได้เดินทางไปหาลี่จุนซินกับเวียร์ แต่ไปหาอั้นเย่กับอั้นหยิ่งคนที่ชิงโม่แนะนำเอาไว้ให้

ลี่จุนถิงคิดในใจ โชคยังดีที่ความจำเขาฟื้นแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะต้องเสียเวลาอีกเท่าไร

เมื่ออั้นเย่กับอั้นหยิ่งได้เจอกับลี่จุนถิง พวกเขาก็โค้งทำความเคารพ “ประธานลี่”

“พวกคุณต้องทำอะไรชิงโม่ได้แจ้งแล้วใช่ไหม ? ”

“แจ้งแล้วครับ”

“ดี งั้นรบกวนแล้ว วันนี้เราพักกันก่อน พรุ่งนี้เราค่อยไปสำรวจที่เกิดเหตุกัน”

จากนั้นลี่จุนถิงก็พาคนทั้งสองไปหาลี่จุนซินกับเวียร์ หลังจากที่ได้เจอกับลี่จุนซิน หญิงสาวก็ได้เล่าเหตุการณ์คร่าวๆให้ลี่จุนถิงฟัง

หลังจากที่ลี่จุนถิงฟังจบ ก็ขมวดคิ้ว

“ไปเถอะ เราไปดูครอบครัวของผู้เสียชีวิตกัน”

พวกเขาเดินทางมาถึงยังด้านนอกห้องประชุมที่ไว้รับรองครอบครัวของผู้เสียชีวิต ลี่จุนถิงให้ลี่จุนซินกับเวียร์ไปพูดคุยเจรจาเรื่องค่าชดเชยกับพวกเขา และตัวเขาเองกับอั้นเย่และอั้นหยิ่งก็อยู่ด้านนอกเฝ้าสังเกตการณ์

ลี่จุนถิงสังเกตเห็นว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปนั้น คนในครอบครัวของผู้เสียชีวิตเหมือนจะดูเศร้าสร้อย แต่ดวงตาพวกเขาไม่มีความเศร้าราวญาติแท้ๆที่เสียชีวิต มีบางคนที่ยังแอบเล่นโทรศัพท์มือถือ และบางคนก็ยังมีท่าทีที่ง่วงเหงาหาวนอน

พอลี่จุนซินกับเวียร์เข้าไป พวกเขาก็ทำราวกับเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมาก เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ลี่จุนถิงก็ยังเห็นอีกว่าพวกเขาเองแทบไม่ได้มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาเลย

ลี่จุนถิงหันกลับมาพูดกับอั้นเย่ว่า:“ไปเช็กให้ผมทีว่าคนเหล่านี้ และญาติกับเพื่อนของพวกเขามีเงินก้อนโอนเข้าบัญชีไหม และเช็กด้วยว่าช่วงนี้พวกเขาได้ไปเจอกับใครมาบ้าง ไปที่ไหน เช็กมาให้ละเอียด ”

หลังจากที่ลี่จุนซินกับเวียร์เดินออกมาก็ส่ายหน้าให้กับลี่จุนถิงอย่างจนใจ

“ไม่สำเร็จ พวกเขาไม่ให้ความร่วมมือเลย”

คนในครอบครัวที่อยู่ในห้องประชุมก็เห็นลี่จุนถิงที่ยืนอยู่นอกห้องประชุมด้วยเช่นกัน ท่าทีของเขาดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ไม่ได้จะยอมอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะใบหน้าที่เรียบนิ่งในตอนที่มองมายังพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกบรรยากาศโดยรอบเย็นเยือกขึ้นมาทันที

ผู้สมคบคิดพูดคุยกับแม่ของผู้เสียชีวิตว่า:

“คุณคิดจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไร คนที่อยู่ข้างนอกนั้นดูจะไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่ายๆเลย เราได้ข้อยุติที่น่าพอใจเราก็รับเอาไว้เลยดีกว่าไหม อีกอย่างเงินชดเชยที่พวกเขาเสนอมามันก็น่าพอใจอยู่มาก ”

แม่ของผู้เสียชีวิตก็ลังเลเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่คนคนนั้นได้พูดกับเธอ เธอก็รีบส่ายหัวทันที

“ไม่ได้ เงินที่พวกเขาพูดมายังไม่รู้เลยว่าจะได้จริงหรือเปล่า หากพวกเขาหลอกเราจะทำยังไง รอดูไปก่อนค่อยว่ากัน ดูว่าเขาจะเสนอเงื่อนไขอะไรมาอีก”

ลี่จุนถิงมองดูทั้งสองคนที่แอบกระซิบกระซาบกัน จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป

“พี่จุนซิน คืนนี้พวกเราพักกันก่อน พรุ่งนี้เช้าเราไปที่เกิดเหตุ ส่วนพวกคุณก็คอยเฝ้าดูญาติของผู้เสียชีวิตในบริษัทนี้เอาไว้”

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ลี่จุนถิงวางสายกับเจียงหยุนเอ๋อไป เขาก็เรียกอั้นเย่กับอั้นหยิ่งไปสำรวจที่เกิดเหตุ

เมื่อมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ลี่จุนถิงก็ได้ตามผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่นี้มาก่อนเป็นอันดับแรก

“หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นพวกคุณได้รักษาสถานที่เกิดเหตุนี้หรือเปล่า?”

“ครับ แต่เพราะตำรวจที่นี่ไม่ได้รักษาสถานที่เกิดเหตุของอุบัติเหตุนี้เอาไว้ เพราะฉะนั้นพื้นที่บริเวณนี้จึงถูกทำลายหลักฐาน เมื่อวานหลังจากที่คุณเวียร์มาสำรวจ ก็ได้ให้พวกเรากั้นสถานที่เกิดเหตุไว้ ไม่ให้ผู้ใดเข้าออกโดยพลการอีก ”

ลี่จุนถิงกับอั้นเย่และอั้นหยิ่งก็สำรวจสถานที่เกิดเหตุและบริเวณโดยรอบนี้อีกครั้ง โดยภาพรวมแล้วไม่มีอะไรที่น่าสงสัย พวกเขาเลยคิดว่าจะปล่อยผ่านมันไปก่อน แต่ในจังหวะที่จะเดินจากไปนั้น ลี่จุนถิงก็หันกลับไปมอง เชือกที่มัดผู้ตายเส้นนั้นเหมือนจะมีความผิดปรกติ

ลี่จุนถิงก็รีบหันเดินกลับไป แล้วหยิบเชือกเส้นนั้นขึ้นมา มองเชือกนั้นส่องผ่านแสงแดด เขาพบว่าเชือกที่ปลายมีรูปร่างที่ต่างกัน เชือกครึ่งหนึ่งขาดโดยธรรมชาติ และอีกข้างหนึ่งนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาที่มันต้องแสงแดดก็มันวาว ลี่จุนถิงให้อั้นหยิ่งนำก้านสำลีออกมา แล้วนำเอาเศษที่ติดอยู่บนเชือกนั้นให้อั้นหยิ่งได้ดู

“อั้นหยิ่ง นายดูสิว่านี่มันคืออะไร?”

อั้นหยิ่งหยิบมันขึ้นมาแล้วมองดู :“นี่มันเหมือนเป็นกาวเลยครับ”

“นั่นก็แสดงว่า เชือกเส้นนี้มีคนเคยทำอะไรกับมันมาก่อน และจงใจทำมันขึ้นมา”

ในตอนนี้ อั้นเย่เองก็พบความผิดปรกติเช่นกัน ลี่จุนถิงกับอั้นหยิ่งจึงได้รีบตามไปดู

“ประธานลี่ครับ คุณดูที่นี่มีรอยฝ่ามือคน รอยฝ่ามือนี้ไม่ใช่รอยที่ทาบทับไปยังผนังโดยตรง แต่เป็นรอยจากการที่มีสิ่งทอกางกั้นแล้วทาบทับลงไป นอกจากนี้ ยังมีรอยเหมือนถูกเช็ดขนาดใหญ่อยู่เหนือรอยฝ่ามือนั้นประมาณสิบเซนติเมตรด้วย”

“และผมก็ตรวจสอบแล้ว คนที่ทำงานแบบเดียวกับผู้ตายไม่สวมใส่ถุงมือ และผมยังได้ถามคนที่รู้จักกับผู้ตาย ว่าผู้ตายนั้นไม่มีนิสัยชอบสวมใส่ถุงมือในเวลาที่ทำงานแต่อย่างใด นี่จึงพิสูจน์ได้ว่าตอนเกิดเหตุนั้นผู้ตายไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว และรอยเหมือนการเช็ดนี้ก็เกิดจากการดิ้นรนแล้วมีขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิตนั้นได้มีการต่อสู้ดิ้นรนขัดขืน”

“เพราะฉะนั้นคนคนนั้นอาจจะไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะถูกฆาตกรรม”

“แล้วถ้าแจ้งเรื่องนี้ให้กับตำรวจไปจะมีประโยชน์อะไรไหม ? ”

“น่าเสียดายครับ ประธานลี่ คงจะนำไปเป็นหลักฐานอะไรไม่ได้ เพราะว่าที่นี่มีผู้คนพลุกพล่านไปมาอยู่ตลอด และตำรวจเองก็อาจจะไม่ให้ความสำคัญอะไร ”

ดังนั้น ลี่จุนถิงเองก็ไม่ได้คิดจะขอความช่วยเหลืออะไรกับทางตำรวจ และพวกเขาก็คิดว่าคงจะต้องลงมือจัดการด้วยตัวเองดีกว่า

หลังจากที่ลี่จุนถิงกลับไปก็ได้บอกเล่าเรื่องนี้กับลี่จุนซินและเวียร์ พอลี่จุนซินได้ฟังก็รู้สึกวิตกกังวลมากขึ้น

“หากเป็นแบบนี้ต่อไป เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีพยานหลักฐานอะไร บริษัทก็ชี้แจงอะไรไม่ได้ถึงตอนนั้นคงแย่แน่ๆ”

ลี่จุนถิงตีไปที่ไหล่ของลี่จุนซินเบาๆ แล้วพูดปลอบไปว่า :“ในเมื่อตำรวจช่วยอะไรเราไม่ได้ งั้นเราก็ต้องช่วยตัวเอง ไม่ว่ายังไง ใช้เงินแก้ปัญหากับครอบครัวผู้เสียชีวิตไปก่อน เท่าไรก็ได้ เพื่อแก้ปัญหานี้ ดูท่าแล้วคงต้องจัดการกับทางฝั่งของอันซีหนีก่อน”

“และเห็นได้ชัดว่า อันซีหนีตั้งใจจะเล่นงานผม พวกคุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรมาก ”

“ถ้าเป็นแบบนั้น นายก็จะตกอยู่ในอันตรายนะสิ นายเพิ่งจะฟื้นความจำได้ หากได้รับบาดเจ็บขึ้นมาอีกจะทำยังไง ?”

ลี่จุนถิงยกยิ้ม “ไม่หรอกครับ ชีวิตของAnthony ยังอยู่ในกำมือผม”

เวียร์ก็เอ่ยปลอบลี่จุนซิน ใช้แขนโอบไปยังไหล่ของเธอเบา ๆ“วางใจเถอะ ลี่จุนถิงจะจัดการกับทุกอย่างได้แน่ และผมก็จะคอยช่วยเหลือเขา”