ตอนที่ 581 กังวลว่าท่านจะรังแกพี่เขยรอง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 581 กังวลว่าท่านจะรังแกพี่เขยรอง

“พี่หลิน อย่าให้ข้าเป็นต้นเหตุทำความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของพวกท่านมีปัญหาเลย หลายปีมานี้ต้องขอบคุณท่านที่คอยดูแล ข้าขอลาเจ้าค่ะ…” ซ่งเหนียงจื่อยกมือปิดหน้าและเตรียมจะวิ่งออกไปด้านนอกพร้อมน้ำตานองหน้า

มุมปากของหลินเว่ยเว่ยโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชาพลางเอ่ยรั้งนางไว้ “ช้าก่อน ที่บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเราจะมีปัญหานั้นหมายถึงอะไร ? ท่านสำคัญตัวผิดไปแล้วกระมัง อีกอย่างคือหากท่านตั้งใจจะไปจริง ๆ อย่างน้อยก็ควรไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของก่อนไม่ใช่หรือ ? ท่านทำท่าทางเช่นนี้ก็แค่ต้องการให้แม่ทัพหลินรั้งไว้เท่านั้น คิดว่าแสดงละครให้ใครดูอยู่หรือ ? แม่ทัพหลินคิดว่าอย่างไร ? ”

“หลินกู่เหนียง ข้าเคารพพี่หลินดังพี่ชายแท้ ๆ เหตุใดท่านต้องบิดเบือนความสัมพันธ์ระหว่างเราด้วย ? เหตุใดต้องบีบบังคับกันเช่นนี้ ? ” ซ่งเหนียงจื่อร้องไห้ฟูมฟาย ร่างบอบบางโงนเงนราวกับจะล้มลง

“ภายในใจท่านคิดเช่นไร ตัวท่านย่อมรู้ดีที่สุด ! แม่ทัพหลิน หญิงม่ายที่ยังสาวยังสวยเช่นนี้มาอยู่ร่วมกับแม่ทัพตัวคนเดียว นานวันเข้าย่อมเลี่ยงการตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านไม่ได้ ! ท่านดูแลนางก็เพราะความรับผิดชอบ แต่สำหรับคนในครอบครัวแล้วเกรงว่าจะไม่ถูกใจเอาได้” หลินเว่ยเว่ยอยากหาค้อนมาทุบให้บิดาผู้ใสซื่อได้สติจริง ๆ

เจียงโม่หานเห็นเด็กน้อยของตนโมโหจึงเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพหลินพลางเอ่ยเสียงเรียบ “แม่ทัพหลิน คำพูดของเว่ยเอ๋อร์หาใช่เพราะคิดตื้นเขิน ท่านลองคิดสิว่าการที่นางปรากฏตัวต่อหน้าลูก ๆ ของท่านราวกับเป็นนายหญิงของบ้านเช่นนี้ หากอยู่ในสถานการณ์อื่นจะเป็นอย่างไร ? สหายของท่าน ลูกน้องของท่านจะมองความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับนางเช่นไร ? ”

แม่ทัพหลินนึกถึงทุกครั้งที่สหายของตนเห็นซ่งเหนียงจื่อก็มักจะส่งสายตามีเลศนัยแกมหยอกล้อมาให้เขา อีกทั้งเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาก็เรียกซ่งเหนียงจื่อว่าพี่สะใภ้อีก เดิมทีคิดว่าทำเพราะน้องจางที่ตายจากไป…แต่ความจริงแล้วเขาช่างโง่เขลายิ่งนัก !

“อีกอย่างแม่ทัพหลินเคยคิดหรือไม่ว่าคนที่ท่านส่งไปยังฉือหลี่โกว เหตุใดจึงกลับมาบอกว่าบ้านของท่านย้ายออกกันหมดแล้ว ? หากท่านและลูกเมียไม่สามารถอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ใครที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ? ” เจียงโม่หานชี้ให้เห็นถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา

หลินเว่ยเว่ยเห็นเต็มสองตาถึงประกายตื่นตระหนกในแววตาของซ่งเหนียงจื่อ นางจึงหมดอารมณ์ที่จะรับแม่ทัพหลินเป็นบิดาขึ้นมาทันใด “แม่ทัพหลิน ท่านต้องเข้าใจจิตใจของคนเป็นลูกด้วย ท่านแม่มีจิตใจอ่อนโยนและบริสุทธิ์ยิ่งนัก ข้าจะทนเห็นนางเผชิญหน้ากับการแก่งแย่งชิงดีในเรือนหลังที่นางไม่คุ้นเคยและตกเป็นเบี้ยล่างให้ผู้อื่นรังแกได้อย่างไร ? ”

แม่ทัพหลินหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ‘เจ้ายอมไม่ได้แล้วข้าจะยอมได้อย่างนั้นหรือ ? เจ้าเป็นลูกกตัญญูและห่วงมารดาเช่นนี้ เหตุใดกับบิดาถึงได้ห่างเหินนักเล่า ? แม้แต่คำว่าพ่อก็ยังไม่ยอมเรียก…’

“พ่อรู้ เรื่องนี้พ่อจะตัดสินใจเอง ! ” แม่ทัพหลินไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่ทราบถึงความไม่ชอบมาพากลได้อย่างไร ?

“แม่ทัพหลิน วันนี้พวกเราคงต้องขอตัวกลับก่อน วันหน้าค่อยมาใหม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยมองไปทางหลินจื่อเหยียนพลางส่งสายตาถามเขาว่าจะกลับด้วยกันหรือว่าจะอยู่ต่อ ?

หลินจื่อเหยียนมองซ่งเหนียงจื่อด้วยแววตาสับสน ก่อนจะเดินตามหลังหลินเว่ยเว่ยออกไปอย่างไม่ลังเลและขึ้นไปบนรถม้าของตำหนักหมินอ๋องอีกครั้ง

“พี่รอง ซ่งเหนียงจื่อผู้นั้นต้องการเป็นภรรยารองของท่านพ่ออย่างนั้นหรือ ? ” หลินจื่อเหยียนมาที่นี่ด้วยความดีใจแต่ต้องกลับไปพร้อมความผิดหวัง เมื่อคืนเขาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเกือบตลอดทั้งคืน ใครจะไปคิดว่ามีซ่งเหนียงจื่อโผล่ขึ้นมา

หลินเว่ยเว่ยยักไหล่แล้วเอ่ยว่า “นางไม่สนใจตำแหน่งภรรยารองหรอก นางสนใจตำแหน่งนายหญิงของจวนแม่ทัพหลินมากกว่า ! ”

หลินจื่อเหยียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “แม่ม่ายสามีตายเช่นนางช่างกล้าจริง ๆ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าท่านพ่อยังมีท่านแม่กับพวกเราอยู่ ต่อให้ไม่มีครอบครัว แล้วแม่ทัพขั้นสี่เช่นเขาจะแต่งแม่ม่ายคนหนึ่งมาเป็นภรรยาเอกได้อย่างไร ? ”

“จะได้หรือไม่ได้ก็ต้องดูว่าผู้ชายคนนี้ตาสว่างได้หรือเปล่า ! ” ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี นางจึงเอาศีรษะไปพิงที่ไหล่ของเจียงโม่หานเบา ๆ และคล้ายกำลังพึมพำกับตัวเองแต่ก็เหมือนเอ่ยถามอยู่ในที “ผู้ชายแยกระหว่างชาเขียวกับดอกบัวขาวไม่ออกจริงหรือ ? ”

แม้เจียงโม่หานไม่เข้าใจความหมายแท้จริงของ ‘ชาเขียว’ และ ‘ดอกบัวขาว’ แต่เขารู้ดีว่าเหตุใดนางถึงไม่มีความสุข เขาจึงตบไปที่หลังมือของเด็กน้อยเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่ปล่อยให้สตรีคนใดมีโอกาสทำร้ายเจ้าได้แน่นอน”

หลินเว่ยเว่ยได้ยินแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมากจึงยื่นมือไปคล้องลำคอของเขาไว้แน่นพลางถูไถใบหน้ากับบ่าของเขา โดยไม่สนใจหลินจื่อเหยียนและเอ่ยพึมพำว่า “บัณฑิตน้อย เจ้าดีกับข้าเหลือเกิน ! ”

หลินจื่อเหยียนจากเดิมที่อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ “พี่รอง ท่านควบคุมตัวเองหน่อยจะได้หรือไม่ ! มิน่าเล่า ก่อนออกเดินทางท่านแม่ถึงได้เรียกข้าเข้าไปพบและให้จับตามองท่านดี ๆ เพราะท่านแม่กังวลว่าท่านจะรังแกพี่เขยรองนี่เอง ! ”

หลินเว่ยเว่ยคล้องคอบัณฑิตน้อยเอาไว้พลางหันไปมอง “เฮอะ ! หากข้าต้องการรังแกเขาจริง ๆ เจ้าจะขวางข้าได้อย่างนั้นหรือ ? ข้าอยากกอดว่าที่สามีก็ไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย ! ”

“ใช่ ไม่ผิดกฎหมายหรอก เช่นนั้นก็เชิญท่านกอดต่อไปเถิด ! ” หลินจื่อเหยียนเห็นคนทั้งสองต่างยินยอมพร้อมใจ ไม่มีใครรังแกใครจริง ๆ ก็ได้แต่กลอกตาใส่พวกนาง ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พี่รอง ท่านคิดว่าท่านพ่อจะจัดการเรื่องผู้หญิงคนนั้นได้หรือไม่ ? ”

“หากเขาจัดการให้พวกเราพอใจได้ พวกเราก็ค่อยรับเขาเป็นพ่อ แต่หากยังพัวพันกับหญิงเสแสร้งคนนั้นไม่เลิก…พวกเราก็ใช่ว่าจะเลี้ยงดูท่านแม่ไม่ได้ ! ” ท่าทางของหลินเว่ยเว่ยเด็ดขาดยิ่งนัก ผู้หญิงคนนั้นเป็นพวกมารยา นางจะไม่ยอมให้ท่านแม่ต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องนี้เด็ดขาด !

หลินจื่อเหยียนเอ่ยออกมาอย่างลังเล “แต่…อย่างไรเขาก็เป็นท่านพ่อของพวกเรา…”

“หลินต้าฮว๋า หากเจ้ารับโจรเป็นพ่อ ข้าก็ไม่มีน้องชายอย่างเจ้า ข้าเลี้ยงท่านแม่คนเดียวได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่พอใจต่อท่าทางลังเลของเขาจึงใช้เท้าเตะเขาไปเบา ๆ และยังรู้สึกโมโหอยู่เล็กน้อย

หลินจื่อเหยียนลูบน่องที่ถูกเตะป้อย ๆ ก่อนจะรีบเอ่ยว่า “พี่รอง ข้าต้องยืนอยู่ข้างท่านอยู่แล้ว ท่านพูดถูก เพราะหลายปีมานี้ท่านแม่ลำบากเพื่อพวกเราไม่น้อยเลย ข้าจะทนเห็นนางถูกหญิงชั่วคนนั้นรังแกได้อย่างไร ! แต่ข้าก็ยังเชื่อว่าท่านพ่อต้องให้คำตอบที่พวกเราพอใจได้อย่างแน่นอน ! ”

คืนนั้น หลินหย่งอวี้ได้นำตัวลูกน้องที่เคยใช้ไปส่งจดหมายออกมาจากค่ายทหารและเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ซ่งเหนียงจื่อให้อะไรจึงทำให้เจ้ายอมโกหกว่าครอบครัวข้าไปจากฉือหลี่โกวแล้ว ? นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ข้าจะมีให้เจ้า ดังนั้นคิดให้ดีแล้วค่อยตอบ ! ”

ตอนแรก ทหารนายนั้นยังคิดจะเล่นลิ้น หลินหย่งอวี้จึงเอ่ยอย่างหมดความอดทนว่า “ข้าเจอลูก ๆ แล้ว พวกเขาอยู่ที่เมืองหลวง ! เจ้ายังมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่ ? ”

ในที่สุดคนผู้นั้นก็สารภาพออกมาว่าที่จริงแล้วเขาเป็นญาติห่าง ๆ ของซ่งเหนียงจื่อ นางสัญญากับเขาว่าหากได้เป็นหลินฝูเหรินแล้ว จะช่วยพูดให้เขาได้เป็นลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพหลิน ตอนนั้นหลินหย่งอวี้ได้รับรางวัลจากแม่ทัพตู้และหมินอ๋องซื่อจื่อ อนาคตจึงยาวไกล…

เช้าวันต่อมา หลินหย่งอวี้ก็ส่งซ่งเหนียงจื่อไปยังเมืองถงโจวทันที ที่นั่นมีบ้านซึ่งเขาซื้อเอาไว้ นางสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทั้งยังมีคนคอยปรนนิบัติ จึงไม่นับว่าเขาทรยศต่อคำสั่งเสียสุดท้ายของผู้มีพระคุณแล้ว…

การตัดสินใจของแม่ทัพหลินทำให้หลินเว่ยเว่ยและหลินจื่อเหยียนพอใจไม่น้อย หลินจื่อเหยียนจึงยอมรับเขาเป็นบิดา ทั้งยังยอมย้ายออกจากตำหนักหมินอ๋องแล้วกลายเป็นคุณชายใหญ่แห่งจวนแม่ทัพหลิน แต่เวลาส่วนใหญ่ของเขายังอยู่กับเจียงโม่หานที่ถนนหย่งอันเพื่อให้ว่าที่พี่เขยรองสะดวกในการชี้แนะบทเรียน