บทที่ 570 ไปหานายจ้าง

บทที่ 570 ไปหานายจ้าง

กุ้ยชุนเจียวร้องไห้ฟูมฟายพลางเช็ดแก้มที่เปื้อนน้ำลายด้วยความขยะแขยง ไม่สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้าบวมเป่งจากการถูกตบในเมื่อครู่ กุ้ยชุนเจียวไม่สามารถรับได้อีกต่อไป รู้เพียงแต่ว่าบนใบหน้าของตนเต็มไปด้วยน้ำลายสกปรกของคนผู้นี้

กุ้ยชุนเจียวมองชายผู้นั้นด้วยท่าทางหวาดกลัว หลังจากเช็ดแก้มเสร็จ นางก็พุ่งตัวไปข้างหน้าแล้วคลานไปที่เท้าของชายผู้นั้น คว้ากางเกงและขอร้องอย่างขมขื่น “ท่านลุง ปล่อยข้าไปเถอะ ที่บ้านของข้ายังมีเงินอยู่บ้าง ปล่อยข้า ปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าจะให้เงินทั้งหมดที่ท่านต้องการ ข้าจะให้ท่านทั้งหมดเลย!”

“บัดซบ เจ้าเป็นเด็กสาวในหมู่บ้านที่ยากจน จะมีเงินสักเท่าไรกันเชียว!” ชายเสียงสูงพูดอย่างไม่เชื่อ เขาสะบัดขาแล้วเตะไปที่ไหล่ของกุ้ยชุนเจียว ทำให้นางซวนเซล้มลงบนพื้น

หากแต่กุ้ยชุนเจียวไม่ยอมแพ้ รุดขึ้นหน้าเอ่ยน้ำตานองหน้า “ข้ามีเงิน ข้ามีเงิน ท่านรู้จักร้านจิ่นฝูหรือไม่? ข้าช่วยลูกชายเถ้าแก่หลี่ของร้านจิ่นฝูเอาไว้ หากเขารู้ว่าข้าเป็นเช่นนี้ เขาจะช่วยข้าอย่างแน่นอน เขาจะช่วยข้าอย่างแน่นอน!”

กุ้ยชุนเจียวไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป ชีวิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกชื่อหลี่ฝานออกมา ตราบใดที่หลี่ฝานเต็มใจจะช่วยนาง ไม่ว่าจะใช้เงินมากแค่ไหน ในอนาคตนางจะชดใช้คืน!

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว กุ้ยชุนเจียวยังลากหลี่ฝานลงไปในน้ำในเวลานี้อีกหรือ?

ชายอีกคนก้าวเท้าไปใกล้ผู้เป็นพี่ใหญ่พลางเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ สิ่งที่หญิงคนนี้พูดล้วนถูกต้อง เถ้าแก่หลี่แห่งร้านจิ่นฝูร่ำรวยมหาศาล ไม่เพียงแต่มีกิจการในเมืองหลิวเจีย แต่ยังมีกิจการในเมืองรุ่ยเสียนที่ใหญ่กว่าร้านจิ่นฝูอีก! ข้าได้ยินมาว่าคนที่ไปกินข้าวที่นั่นล้วนสูงศักดิ์ และพวกเขาล้วนเป็นคนร่ำรวย!”

ชายผู้นั้นกล่าว

เมื่อกุ้ยชุนเจียวพูดถึงหลี่ฝาน มันทำให้เขารู้สึกสั่นไหว

ถ้าหลี่ฝานเต็มใจที่จะไถ่ตัวนางจริง ๆ นั่นเป็นไปไม่ได้ หนึ่งคือได้เงินเยอะ และสองอาจจะไม่ต้องเป็นคดีความ ใครจะไปรู้ว่าลูกค้าจะพาสาวน้อยเหล่านี้ไปทำอะไร!

“หมายความว่าอย่างไร? เราต้องไปหาหลี่ฝาน และให้เขานำเงินมาแลกกับหญิงคนนี้งั้นหรือ?” เจ้าของเสียงสูงเอ่ยถาม

เขาพยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ๆ ท่านมอบตัวผู้หญิงคนนี้ให้หลี่ฝานและรับเงินมา เช่นนั้นเราจะสามารถหาเงินได้มากขึ้น และผู้หญิงคนนี้จะไม่ตกอยู่ในอันตราย แล้วเราก็ไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป! ใครจะรู้ว่าคนที่จ้างเราจะทำสิ่งใดกับหญิงเหล่านี้”

เพี้ยะ!

“พี่ใหญ่ ท่านตบข้าทำไม?” เจ้าของเสียงแหบแห้งเอ่ยถาม เมื่อรับรู้ถึงแรงปะทะบนใบหน้า

จากนั้นก็ได้ยินเสียงสาปแช่ง “บัดซบ เจ้าหนูขี้ขลาด เจ้าเห็นผลประโยชน์จนลืมคุณธรรม! งานของพวกเราความซื่อสัตย์คืออะไร เจ้าไม่รู้หรือ? ถ้าเราเอาเงินคนอื่นมา เราต้องทำงานให้เสร็จ หากเรานำหญิงคนนี้ไปแลกเงิน งานของเราจะสำเร็จได้เยี่ยงไร เจ้าจะทำงานนี้ได้อีกอย่างไรในอนาคต ใครยังอยากจะทำงานกับข้าอีก?”

กู้เสี่ยวหวานแอบด่าภายในใจ บุคคลนี้คงจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ หากเขาเป็นคนซื่อสัตย์ จะทำงานหลอกลวงผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไร

ครั้นกุ้ยชุนเจียวเห็นว่าพวกเขาไม่ยอมไปหาหลี่ฝาน ความหวังสุดท้ายของนางก็พังทลายลง เด็กสาวทำได้เพียงร้องไห้ ชายผู้นั้นถูกน้องชายและกุ้ยชุนเจียวทำให้โกรธเคือง เมื่อมองไปที่กุ้ยชุนเจียวที่กำลังร้องไห้และกู้เสี่ยวหวานที่นอนนิ่งราวกับหมูตาย เขาก็ตวาดลั่นเสียงดัง “บัดซบ หุบปากเดี๋ยวนี้ หากข้ายังได้ยินเสียงเจ้าอยู่ก็ระวังตัวไว้ให้ดี!”

เมื่อกุ้ยชุนเจียวได้ยินสิ่งนี้ก็รับหุบปากฉับ

ชายผู้นั้นพ่นลมหายใจเย็นชา แล้วเดินออกไปกับผู้เป็นน้องชาย

หลังจากนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ได้ยินเสียงปิดตูปิดลงและถูกลงกลอนอย่างแน่นหนา

เมื่อทั้งสองเดินออกไป เสียงตำหนิติเตียนก็ยังไม่หยุดลง

หากแต่เสียงนั้นห่างออกไปเรื่อย ๆ เกรงว่าสองคนนี้คงกำลังไปหาถูหมิ่นที่ลักพาตัวพวกนางมา!

ถ้าในเวลานี้ หากกู้เสี่ยวหวานไม่รู้แสดงว่านางคงโง่จริง ๆ แล้ว

แม่น้ำ หมู่บ้านเหมย ถูหมิ่น กุ้ยชุนเจียว และตนเอง นอกจากนี้ยังมีกุ้ยตงเหมยที่หายตัวไปและไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ผู้ลักพาตัวไม่ใช่ถูหมิ่นเพียงผู้เดียว หากแต่เป็นถูหมิ่นร่วมมือกับกุ้ยตงเหมย

บริเวณรอบด้านเงียบสนิทจนได้ยินแต่เสียงร่ำไห้ กู้เสี่ยวหวานลืมตา และกวาดสายตามองรอบ ๆ

จากนั้นแสงจันทร์ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง กู้เสี่ยวหวานจึงสามารถมองเห็นสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างชัดเจน

ที่นี่คือกระท่อมเก่า ๆ หลังหนึ่ง ข้างในนั้นสกปรกเลอะเทอะ มีกองท่อนไม้จำนวนหนึ่งวางไว้บริเวณกำแพง เกรงว่าที่นี่คงจะเป็นที่ที่คนตัดไม้อาศัยอยู่

บนภูเขาแห่งนี้คงไม่มีหมู่บ้าน ด้านหลังก็ไม่มีโกดัง แต่หากว่าฝนตกยังสามารถใช้เป็นที่กำบังหลบแดดหลบฝนได้

กู้เสี่ยวหวานคาดเดาเงียบ ๆ

ทางขวามือของกู้เสี่ยวหวานมีหน้าต่างง้างเปิดออก หน้าต่างบานเล็กที่ดูเหมือนจะมีเพียงเด็กอายุสองสามขวบลอดออกไปได้

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หันไปมองประตูไม้ที่ลงกลอนไว้ อายุประตูไม้น่าจะยาวนานและมีรอยร้าวมากมาย แต่มันถูกลงกลอน และการหลบหนีทางประตูไม่ทีทางไปได้เลย และ…

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว นางไม่คุ้นเคยกับสถานแห่งนี้ เมื่อมองจากหน้าต่างก็สามารถเห็นเงาของต้นไม้ สถานที่แห่งนี้คงอยู่บนภูเขา และนางไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหนดี

ยิ่งกว่านั้น หากหลงทางในที่แห่งนี้และไปอยู่ในหุบเขาลึกก็จะเป็นเหมือนครั้งก่อน หากเจอหมาป่า…

กู้เสี่ยวหวานตัวสั่นเทา ถ้านางพบกับสัตว์ร้าย อย่างไรก็ไม่อาจรอดออกไปได้

การออกไปข้างนอกคือความตาย หากไม่ออกไปก็อาจจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อนางนึกถึงท่าทางกินเลือดกินเนื้อของกุ้ยตงเหมยที่ร้านจิ่นฝูในวันนั้น กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าหากนางอยู่ต่อไป มันอาจจะเป็นทางตัน หากนางหนีไปตอนนี้นางอาจจะรอดก็ได้

กุ้ยตงเหมยผู้นี้มีหัวใจที่โหดร้ายจริง ๆ!

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กุ้ยชุนเจียวที่ยังคงร้องไห้อยู่ กุ้ยชุนเจียวนั้นนั่งอยู่ที่มุมห้องด้วยความกลัว นั่งร้องไห้กุมหน้าอยู่ตรงนั้น

กุ้ยตงเหมยผู้นี้ แม้แต่พี่สาวของตนก็ไม่ยอมปล่อยไป กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถูหมิ่นที่ไม่ปล่อยกุ้ยชุนเจียวไป หากถูหมิ่นปรากฏตัว คนหน้าซื่อใจคดผู้นั้นอาจทำอะไรอุกอาจก็เป็นได้