ราตรีมาเยือน ผืนดินเหมันต์ฤดูหนาวหนาวเหน็บ
ในหมู่บ้านที่ชำรุดทรุดโทรมแห่งหนึ่งไฟกองใหญ่ลุกไหม้ กระหนาบด้วยเสียงหัวเราะประหลาด
แสงไฟส่องทหารม้าสิบกว่าคนเดินทางตัดผ่านตรงกลาง เดินทางพลางมองบ้านที่ลุกไหม้พลาง
หมู่บ้านแห่งนี้เห็นชัดว่าไม่มีคน บ้างหนีไปแล้ว บ้างตายแล้ว แต่แม้เป็นหมู่บ้านเปล่าแห่งหนึ่ง พวกเขาก็ยังต้องจุดไฟเผาของที่เผาได้ให้เกลี้ยง
นอกหมู่บ้านกระโจมตั้งอยู่ หมู่บ้านที่ควันและเปลวเพลิงลุกไหม้ท่ามกลางราตรีตรงหน้าคล้ายกลายเป็นกองไฟของพวกเขา
ชุดเกราะถอดวางลง สตรีและสัมภาระที่แบกไว้บนหลังม้าล้วนถูกดึงลงมาแล้ว เนื้อถูกพาดย่างอยู่บนไฟ พวกผู้หญิงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
หนึ่งผู้เฒ่าหนึ่งเด็กน้อยที่หมอบอยู่ในคูน้ำข้างบ้านที่ติดไฟสองคนสีหน้าเหม่อลอยทั้งยังสิ้นหวัง
คนในหมู่บ้านนอกจากที่หนีไปก็ล้วนตายเกลี้ยงแล้ว พวกเขาหลบอยู่ในห้องใต้ดิน ถูกศพของคนในครอบครัวทับไว้ถึงหนีพ้นภัยมาได้ เพิ่งปีนออกมาจากห้องใต้ดินก็พบกับฉากนี้
นี่เป็นเมืองไคเต๋อนะ นี่ไม่ใช่เขตของชาวจินสักหน่อย พวกเขาสิบกว่าคนแค่นี้ก็ถึงกับเหิมเหริมเช่นนี้
เหิมเกริมขนาดยามเที่ยงคืนสิบกว่าคนยังกล้าตั้งค่ายกลางแจ้งบนที่ซึ่งห่างจากเมืองไคเต๋อระยะหนึ่ง
มองดูหมู่บ้านที่ลุกไหม้ ได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกหญิงสาวด้านนั้น ผู้เฒ่าน้ำตาไหลริน อุดปากเด็กน้อยในอ้อมกอดไว้แน่น กลัวว่าเขาจะส่งเสียงร้องออกมา
ทหารโจวเล่า?
ทหารโจวที่มาช่วยเล่า?
หลังร่างพลันมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา
ปรากฏตัวเงียบเชียบกลางราตรีมืดนี้ดุจดั่งภูตผี ผู้เฒ่าหวาดกลัวจะหลุดเสียงร้อง แต่มือข้างนั้นปิดปากเขาไว้แล้ว
เสียงถูดอุดไว้ไม่เล็ดลอดสักนิด
“อย่ากลัว คนตัดฟืน”
เสียงทุ้มต่ำข้างหูดังขึ้นตามมา
คนตัดฟืนอะไร? สมองผู้เฒ่าขาวโพลน เห็นคนผู้นั้นซุ่มหมอบอยู่ข้างกาย อาศัยแสงไฟจึงมองเห็นว่านี่เป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง บนหน้ามอมแมม มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งระยิบระยับดุจดวงดารา
มือข้างหนึ่งของเขาชูศรคันหนึ่ง พร้อมกับที่เอ่ยวาจาก็เล็งไปที่ทหารจินบนที่โล่ง
เขาคิดทำอะไร
ความคิดของผู้เฒ่าเพิ่งแล่นผ่านไปก็ได้ยินเสียงฟึบทีหนึ่ง ศรหนักดอกหนึ่งหลุดจากสาย พร้อมกับที่เสียงดังขึ้นก็เห็นโจรจินคนหนึ่งที่กำลังโอบหญิงสาวทำเรื่องชั่วชาคนหนึ่งกรีดร้อง คนล้มไปข้างหน้าหมอบคว่ำบนพื้นชักกระตุกสองทีก็ไม่ขยับแล้ว
ค่ายที่เดิมทีหัวเราะเบิกบานเปลี่ยนเป็นโกลาหลทันที ทหารจินสิบกว่านายคว้าอาวุธข้างกาย ร้องด่าเสียงดุดันมองสะเปะสะปะรอบด้าน
ผู้เฒ่าสั่นเทาทั้งตัว
ใจกล้าเกินไปแล้ว ใจกล้าเกินไปแล้ว
การลอบโจมตีนี่สังหารได้เพียงคนเดียว หลังจากนั้นย่อมทำให้โจรจินที่ประหนึ่งสุนัขป่าประหนึ่งพยัคฆ์เหล่านี้ตื่นตัว
ผู้เฒ่ามองชายหนุ่มข้างกาย เขาไปมาดั่งใจ โจมตีได้ทีหนึ่งก็หนีได้ทันที แต่ตนกับหลานหนีไม่ไหวหรอกนะ
หนีไม่ไหวก็หนีไม่ไหวสิ อย่างน้อยได้เห็นทหารจินคนหนึ่งถูกฆ่าตายด้วยตาตนเองก็เพียงพอให้สาแก่ใจแล้ว
เขาแก่แล้วไม่มีประโยชน์แล้ว สังหารศัตรูไม่ได้ มีชีวิตอยู่ก็ไร้ประโยชน์ แต่พ่อหนุ่มคนนี้ต้องมีชีวิตรอดแน่ เขาสังหารศัตรูได้ แก้แค้นได้
“เจ้ารีบไป ข้าจะล่อพวกเขา…” ผู้เฒ่าขยับปากเอ่ยงึมงำ
ชายหนุ่มก็ไม่รู้ฟังเข้าใจหรือไม่เข้าใจ คลายมือออกแต่กลับไม่ได้หมุนตัววิ่งออกไปอย่างที่ผู้เฒ่าคิด กลับโผร่างไปทางทหารจินกลุ่มนั้น
เขาบ้าไปแล้วรึ!
ผู้เต่าร้องเรียกก็ร้องไม่ออก กอดหลานในอ้อมกอดแน่น ทั้งกลัวทั้งปวดใจหลั่งน้ำตา
พ่อหนุ่มคนนี้คงบ้านแตกสาแหรกขาด เพื่อแก้แค้นจึงแลกชีวิตสู้สักหน ไม่คิดมีชีวิตอีกแล้ว
ชายหนุ่มคนนั้นประจันหน้าปะทะกับทหารจินที่ค้นพบเขาแล้ว
ใต้แสงไฟรอบด้านสาดส่อง คันศรในมือเขาเปลี่ยนเป็นดาบใหญ่แล้ว
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มคนนี้เร็วอย่างที่สุด ตอนพุ่งไปถึงหน้าทหารจินเหล่านั้น ดาบด้ามยาวในมือทหารจินคนหนึ่งยังไม่ทันเหวี่ยง
เสียงพรวดทุ้มต่ำดังขึ้น ดาบในมือชายหนุ่มแทงเข้าไปในหน้าอกของเขา ทหารจินคนนั้นส่งเสียงคำราม คนก็ถูกเหวี่ยงไปด้านข้าง กระแทกบนร่างทหารจินอีกคนหนึ่ง
สองคนต่างร้องโอดโอยล้มลง
ชายหนุ่มไม่ได้ไล่สังหารตามไปอีกดาบ คนหมุนตัวไปแล้ว ดาบในมือที่ยังเปรอะเลือดของทหารจินคนนั้นเมื่อครู่อยู่ฟันลำคอของทหารจินที่ชูดาบฟันเข้ามาท่าทางดุร้ายด้านหลังร่างอย่างแม่นยำ
ทหารจินคนนั้นไม่ทันส่งเสียงก็หมุนเคว้งล้มไปด้านหลัง
หนึ่งพริบตาหนึ่งการเคลื่อนไหวสังหารทหารจินสองนายรวดเดียวสำเร็จนี่ เร็วจนผู้เฒ่าที่หลบอยู่ด้านข้างล้วนแทบมองไม่ชัด
พ่อหนุ่มร้ายกาจนัก!
ผู้เฒ่ามองดูจนหนังศีรษะชาแทบจะกลั้นลมหาใจ
พ่อหนุ่มที่ร้ายกาจเช่นนี้ ห้ามตายเด็ดขาดเชียวนะ
แต่นี่เป็นไปได้หรือ?
นี่มีทหารจินตั้งสิบสองคน ส่วนเขามีเพียงตัวคนเดียว
หลังความคิดของเขา ชายหนุ่มคนนั้นก็ตะลุมบอนกับทหารจินที่เหลือแล้ว
พวกทหารจินเข่นฆ่าจนเลือดขึ้นตาเช่นกัน ร้องด่าโฮกฮากเป็นภาษาหู
แสงไฟโลดเต้น ราตรีมืดหม่น ผู้เฒ่ารู้สึกเพียงสองหูดังวิ้งๆ ตาลายสับสน เห็นเพียงทหารจินคนหนึ่งแล้วอีกคนหนึ่งล้มลง
ฟันศีรษะ แทงหน้าอก ปาดคอ หนึ่งคนหนึ่งดาบ หนึ่งดาบจบชีวิต ดาบแล้วดาบเล่าไม่พลาดเป้า หนึ่งคนต้านสิบคน
ผู้เฒ่ามองอึ้งแล้ว พวกผู้หญิงที่ถูกชิงตัวมาใกล้ๆ ก็มองอึ้งไปเช่นกัน ท้ายที่สุดกระทั่งทหารจินที่โชคดีเหลืออยู่ก็มองดูอึ้งงันไปเช่นกัน
ทหารจินสองคนที่โอหังดุร้ายมาตลอดบนหน้าผุดความกลัว
ความกลัวนี่ทำให้คนหนึ่งในนั้นก้าวเท้าสับสน ดาบในมือชายหนุ่มฟันเฉียงพาดหัวไหล่เขา แทบจะวาดถึงหน้าอกของเขาทั้งอย่างนั้น
เทียบกับคนอื่นที่หนึ่งดาบจบชีวิตพริบตาตายจากไป ทหารจินคนนี้ส่งเสียงกรีดร้องดังทั้งยังยาวนาน
ตัวคนกลิ้งอยู่บนพื้น เสียงกรีดร้องสะเทือนแก้วหูแทบดับแล้วก็โจมตีทำลายจิตใจของทหารจินคนสุดท้ายด้วย
“ลอบโจมตี” เขาใช้สำเนียงประหลาดตะโกนคำภาษาฮั่นออกมาประโยคหนึ่งจากนั้นก็หมุนตัววิ่งไปทางม้า
แต่ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เขาเพิ่งหมุนตัว ดาบในมือชายหนุ่มก็พุ่งเข้ามาแล้ว แทงเข้ากลางหลังเขา กรีดร้องทีหนึ่งคนก็โถมล้มลงกับพื้นชักกระตุก
ชายหนุ่มก้าวเท้าไปข้างหน้าตามเขา เหยียบบนหลังทหารจินคนนั้น ชักดาบออกมาอย่างแรง เลือดพุ่งกระเซ็นทั่วร่างทันที
“สดนักเชียว ไม่ลอบโจมตี จะให้ข้าเล่นละครแจ้งนามสำนักให้พวกเจ้าดูก่อนเรอะ” เขาแค่นเสียงเอ่ย
ไฟในหมู่บ้านยังคงลุกไหม้ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ระหว่างนั้นบางครั้งเสียงสะพานกำแพงล้มถล่มก็ดังแทรก นอกเหนือจากนี้ทุกสิ่งก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ
ความเงียบสงบนี้คงอยู่เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังครู่หนึ่งพวกผู้หญิงที่โชคดีหนีพ้นภัยเหล่านั้นพลันร่ำไห้โฮ
“ผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณ”พวกนางร่ำไห้พลางตะโกนโขกศีรษะคำนับชายหนุ่มคนนี้
ผู้เฒ่าที่หลบอยู่ด้านข้างก็อุ้มเด็กน้อยโซซัดโซเซวิ่งมาด้วย
แต่ชายหนุ่มคนนี้เหมือนไม่มีเวลาสนใจพวกเขา เพียงค้นบนร่างทหารจินที่ตายไป คล้ายหาสิ่งที่พึงพอใจไม่พบ ปากก็ด่าทอ
“จนเป็นบ้าจริงๆ”
ผู้เฒ่าที่อุ้มเด็กเดินมาใกล้ๆ ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขา
จนเป็นบ้า? เขาต้องการหาอะไร? จะหาเงินทองของมีค่าหรือ?
สังหารทหารจินต้องสนใจสิ่งนี้อีกหรือ?
“ผู้มีพระคุณ” ผู้เฒ่าเสียงสั่นเอ่ย อุ้มหลานคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ
ชายหนุ่มกลับลุกขึ้นเดินจากไปแล้ว
“พวกเจ้ารีบไปเถอะ” เขาเอ่ย “ข้าไม่มีเวลาแล้วก็ไม่มีหนทางคุ้มครองพวกเจ้าไปถึงสถานที่ปลอดภัย”
ไม่รอผู้เฒ่ารวมถึงพวกผู้หญิงเอ่ยอะไรอีก คนก็ก้าวไวๆ พุ่งเข้าไปในความมืดแล้ว เฉกเช่นเดียวกับยามมาพริบตาก็ไม่เห็น
หากไม่ใช่ทหารจินที่นอนอยู่บนพื้น ทุกคนยังสงสัยว่านี่เป็นฝันครั้งหนึ่ง
“เขาเป็นใคร?”ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงเครือ
หรือจะเป็นทหาร แต่เคลื่อนไหวลำพังทั้งยังกล้าคนเดียวสู้กับทหารสิบสองคน ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ
หากทหารร้ายกาจเช่นนี้กันหมด เมืองไคเต๋อของพวกเขาใยถึงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นวันนี้
ผู้เฒ่าคิดถึงประโยคหนึ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นข้างหูตอนแรกปรากฏตัวได้เลือนราง
“เขาว่า เขาเป็นคนตัดฟืน” เขาเอ่ยพึมพำ
คนตัดฟืนชนบทนี่ร้ายกาจปานนี้เชียวรึ