บทที่ 574 สังหารอริยะ จับตัวอริยะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 574 สังหารอริยะ จับตัวอริยะ

หานเจวี๋ยไม่ได้คิดจะเล่นกับจิตใจของหลี่มู่อีและฉิวซีไหลเลย เขาตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ฉิวซีไหลก็ไม่กล้ามาเข้าฝันอีก เกรงว่าหากร้อนรนเกินไปจะเผยพิรุธเข้า

หนึ่งปีต่อมา ฉิวซีไหลทนไม่ไหวขอเข้าฝันหานเจวี๋ยอีกครั้ง ผลคือถูกหานเจวี๋ยเมิน

เวลานี้ เขาถึงตระหนักได้ว่าแผนการล้มเหลวแล้ว

หานเจวี๋ยใจฝ่ออย่างแน่นอน!

ฉิวซีไหลสบถในใจ จำเป็นต้องให้จิตวิญญาณมรรคาสวรรค์บอกให้หลัวโหวล่าถอยไป

ดูเหมือนหลัวโหวเองก็มีความคิดทะเยอทะยานในแบบของตัวเองเช่นกัน รั้งรออยู่หลายเดือนถึงได้ล่าถอยไป ในที่สุดอริยชนต่างก็โล่งใจแล้ว

ฉิวซีไหลและหลี่มู่อีสังหรณ์ใจไม่ดี ไม่มาขอเข้าฝันหานเจวี๋ยอีก

เวลาผ่านไปแปดสิบเก้าปี หานเจวี๋ยถึงฝึกฝนเสร็จ ไม่สามารถฝึกฝนร่างจำลองเทพมารตนใหม่ได้อีก

หานเจวี๋ยเรียนรู้ร่างจำลองเทพมารเพิ่มอีกสามสิบหกตน แบ่งออกเป็นเทพมารพร้อมมูล เทพมารควบแน่น เทพมารเหนือแสง เทพมารจินตนาการ เทพมารพันธนาการจิต เทพมารมอดม้วย เทพมารฤดูกาล เทพมารเหี้ยมหาญ เทพมารพันหน้า เทพมารงำประกาย เทพมารมืดมน เทพมารไร้จำกัด เทพมารไร้พ่าย เทพมารโหยหวน เทพมารดูดวิญญาณ เทพมารฝันเฟื่อง เทพมารฤทธา เทพมารอัปมงคล เทพมารเหลือคณา เทพมารดาษดารา เทพมารอลหม่าน เทพมารเน่าสลาย เทพมารโรคระบาด เทพมารจักรพรรดิ เทพมารปวดร้าว เทพมารภักดี เทพมารขาวดำ เทพมารโบราณ เทพมารอนาคต เทพมารสอดส่อง เทพมารย้อนความ เทพมารชำระล้าง เทพมารอมตะ เทพมารสะท้านฟ้า เทพมารเล่ห์ลวง เทพมารชีวิต

ทะลวงขั้นครั้งนี้ เรียนรู้ร่างจำลองเทพมารได้ทั้งห้าสิบตน รวมร่างจำลองเทพมารทั้งหมดคือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ตน!

เดิมทีหานเจวี๋ยคิดว่าทะลวงขั้นครั้งนี้จะเรียนรู้ร่างจำลองเทพมารได้มากกว่าเดิม แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมิใช่เช่นนั้น

เขาเริ่มเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ ปรับตัวเข้ากับพลังของร่างจำลองเทพมารเหล่านี้

หลายเดือนต่อมา

เขาค้นพบว่าร่างจำลองเทพมารที่แข็งแกร่งที่สุดคือเทพมารฤทธา สำแดงพลังหนึ่งครั้งทำลายวิชาเวทได้นับหมื่น เมื่อใช้ร่วมกับเทพมารขุนพลสวรรค์จะทรงพลังสุดขีด ถึงขั้นที่ใช้คำว่ายืนยงไร้พ่ายมาบรรยายได้เลย!

พวกมารมรรคาสวรรค์ เทพสูงสุดอู๋ฝ่าต่างก็ต้านรับการโจมตีของหานเจวี๋ยไม่อยู่

พลังเพิ่มขึ้นมหาศาลในฉับพลัน!

หานเจวี๋ยเริ่มหล่อเลี้ยงปราณเทพมารในร่างเขา พร้อมใคร่ครวญไปด้วยว่าจะจัดการฉิวซีไหลและหลี่มู่อีอย่างไร

ถูกต้อง!

แค่จัดการ!

ตอนนี้เขาเล่นงานอริยะสองรายนี้ได้ง่ายดายปานพลิกฝ่ามือ

ใช้คุกสวรรค์อนธการดีไหม

หรือว่าฆ่าตรงๆ เลยดี?

หานเจวี๋ยลังเลอยู่บ้าง หากสังหารสองอริยะไปตรงๆ ตัวตนที่อยู่เบื้องหลังอริยะทั้งสองต้องจับสัมผัสได้แน่

ไม่ได้ ต้องสังหารหนึ่งคน สยบไว้หนึ่งคน เชือดไก่ให้ลิงดู

มิเช่นนั้นวันหน้าอริยะที่เหลือจะมาหาเรื่องข้าอีก!

ดวงตาหานเจวี๋ยฉายแววจดจ่อ ค่อยๆ ลุกขึ้นมา หยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราระเบิดแสงเทพเจิดจ้า

เขามาโผล่ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสามโดยตรง

เขาเหาะมุ่งหน้าไปยังตำหนักของหลี่มู่อี

เขาไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของตัวเองเลย การปรากฏตัวขึ้นของเขาสร้างความตกให้อริยะรายอื่นๆ

เมื่อเห็นหานเจวี๋ยร่อนลงหน้าอาณาเขตเต๋าของหลี่มู่อี เหล่าอริยชนพลันหวั่นวิตก หากหานเจวี๋ยและหลี่มู่อีร่วมมือกัน เกรงว่า…

หานเจวี๋ยโบกมือ พังประตูใหญ่ของตำหนักทันที ค่ายกลอาณาเขตเต๋าอริยะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“หานเจวี๋ย เจ้ามีเจตนาใด”

หลี่มู่อีเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวระคนตื่นตระหนก เขาชักกระบี่ล้ำค่าของตนออกมา เตรียมเข้าต่อสู้

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเยียบเย็น “เดิมไม่ได้คิดจะสังหารเจ้า แต่ในเมื่อพวกเจ้าวางแผนปองร้ายข้า เช่นนั้นอย่าได้โทษว่าข้าไม่เกรงใจ!”

เขาควบรวมร่างจำลองเทพมารฟ้าบุพกาลขึ้นสองตน เป็นเทพมารขุนพลสวรรค์และเทพมารฤทธา

ร่างจำลองเทพมารทั้งสองตนต่างใหญ่โตสูงตระหง่านยิ่ง ท่าทีเหี้ยมหาญน่าหวาดกลัว

พวกมันเหวี่ยงหมัดขวาออกมาพร้อมกัน หมัดดุดันทรงพลัง อาณาเขตอริยะระเบิดทันที สลายหายไป พายุโหมกระโชกน่าพรั่นพรึงพัดโถมไปทั่วชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

หลี่มู่อียกกระบี่ขึ้น สำแดงพลังวิเศษต้านไว้

แต่เขาเพิ่งยกกระบี่ขึ้น สังขารก็ถูกทำลายล้างทันที

เหล่าอริยชนตื่นตะลึง พากันปรากฏตัวขึ้น ไม่ทราบว่าหานเจวี๋ยลงมือต่อหลี่มู่อีด้วยเหตุใด แต่พวกเขาไม่อาจนั่งมองเฉยๆ ได้ หากรายต่อไปเป็นพวกเขาเล่า

สีหน้าฉิวซีไหลมืดครึ้ม ตระหนกอยู่ในใจ

หรือว่าแผนของพวกเขาจะแตกแล้ว

เป็นไปไม่ได้!

นอกเสียจากหานเจวี๋ยจะรู้จักหลัวโหว!

หานเจวี๋ยยื่นมือคว้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลี่มู่อี หลี่มู่อีตกใจจนหน้าถอดสี ดิ้นรนขัดขืน แต่สัมผัสได้ว่ามีพลังที่แกร่งกล้ายิ่งสายหนึ่งพันธนาการเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจหลบหนีได้

มิใช่เพียงเท่านี้ ห้วงมิติรอบข้างก็ถูกผนึกไว้เช่นกัน เขาหาช่องหลบหนีไม่ได้เลย!

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

หลี่มู่อีกระวนกระวาย เขารู้ว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งมาก แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาถึงขั้นที่สงสัยว่าหานเจวี๋ยจะเป็นอริยะระดับเสรี หรืออาจเหนือกว่านั้น

หานเจวี๋ยแค่นเสียงเอ่ย “หมอกดำที่โจมตีแดนเซียนก่อนหน้านี้มิใช่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ แต่เป็นหลัวโหว ฉิวซีไหลและหลี่มู่อีสมคบคิดกัน คิดจะหลอกข้าออกไป วันนี้ข้าจะสังหารหลี่มู่อี เชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อมิให้ภายหน้าพวกเจ้ายังกล้ามาปองร้ายข้าอีก!”

“ข้าไม่จัดการพวกเจ้า ไม่ได้แปลว่าข้ากลัวพวกเจ้า!”

หานเจวี๋ยสำแดงเทพมารกลืนกินออกมา เขมือบกลืนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลี่มู่อีเข้าไป ไม่เหลือหนทางฟื้นคืนชีพให้อีก

เทพมารกลืนกิน สามารถดูดซับวิญญาณและสังขารของศัตรูเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนได้ ทว่าหานเจวี๋ยได้เรียนรู้มาเพียงร่างจำลองเท่านั้น หลังจากกลืนกินหลี่มู่อีเข้าไป ระดับความก้าวหน้าของตบะเขาแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย

หลังจากหลี่มู่อีดับสูญ หานเจวี๋ยเบนสายตาไปที่ฉิวซีไหล

ฉิวซีไหลหน้าถอดสี รีบเอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้าอธิบายกับเจ้าได้ หานเจวี๋ย อย่าลืมนะในมหาเคราะห์ครั้งก่อนข้าเคยช่วยเหลือเจ้าไว้!”

หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉิวซีไหลในชั่วพริบตา ฉิวซีไหลสำแดงพลังวิเศษออกมาตามสัญชาตญาณ แสงทองแผ่ออกมารอบกาย ดูราวกับระฆังทองใบหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์เกรียงไกร

ตูม!

หานเจวี๋ยซัดฝ่ามือทำลายระฆังทอง จับตัวฉิวซีไหลไว้ เทพมารขุนพลสวรรค์และเทพมารฤทธาออกหมัดพร้อมกัน พละกำลังทรงพลังเผด็จการบดขยี้สังขารของฉิวซีไหล

หานเจวี๋ยสำแดงพลังแห่งเทพมารพันธนาการ พันธนาการวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของฉิวซีไหลไว้ จากนั้นก็หายตัวไปจากชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว ฝูซีเทียนและเทพสูงสุดอู๋ฝ่าล้วนตะลึงพรึงเพริด ยืนทื่ออยู่ที่เดิม

พวกเขาได้ยินคำพูดของหานเจวี๋ยอย่างชัดเจน หมอกดำก่อนหน้านี้เป็นแผนการของฉิวซีไหลและหลี่มู่อีอย่างนั้นหรือ

มิน่าเล่าพวกเขาถึงบอกว่าจะไปหาหานเจวี๋ย ผลสุดท้ายหานเจวี๋ยไม่ได้ลงมือ แต่หมอกดำก็สลายไป

นอกจากเทพสูงสุดอู๋ฝ่า สภาพอารมณ์ของสี่อริยะที่เหลือต่างซับซ้อนยิ่ง แม้ว่าโชคดีรอดมาได้ แต่กลับรู้สึกหนาวยะเยือกจนปากคอสั่น

ไม่ว่าอย่างไร ฉิวซีไหลและหลี่มู่อีก็นับว่าเป็นอริยะกลุ่มเดียวกันกับพวกเขา

….

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยจองจำวิญญาณฉิวซีไหลไว้ในคุกสวรรค์อนธการ ฉิวซีไหลไม่สนใจศักดิ์ศรีหน้าตาอีกต่อไป พร่ำขอร้องอ้อนวอน ไม่มีมาดของอริยะเลยสักนิด

หานเจวี๋ยเมินเฉยต่อฉิวซีไหล อดทนรอคอยให้เวลาของคุกสวรรค์อนธการผ่านพ้นไป

หลังจากอ้อนวอนอยู่หลายชั่วยาม ในที่สุดฉิวซีไหลก็สงบลง

ในเมื่อหานเจวี๋ยไม่ได้ฆ่าเขา เช่นนั้นเขาก็ยังมีความหวัง

หานเจวี๋ยเรียกจางเจี่ยวเข้ามา ให้จับตามองวิญญาณฉิวซีไหลไว้ เลี่ยงไม่ให้คนผู้นี้ฉวยโอกาสหลบหนี

ในเวลานี้เอง ข่าวที่หานเจวี๋ยสังหารสองอริยะก็แพร่กระจายไปตามกลุ่มอิทธิพลใหญ่ในแดนเซียน ชั้นฟ้าที่สามสิบสามมิได้มีเพียงอริยะเท่านั้น ยังมีผู้แสวงมรรคอีกไม่น้อย ภายในเมืองฟ้าบุพกาลต่างมีศิษย์ของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ อยู่

ณ ชั้นฟ้าที่สิบสาม

หลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้ารวมตัวกันอยู่ในตำหนักหลังหนึ่ง

หลี่เสวียนเอ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ไม่นึกเลยว่าท่านอาจารย์จะดับสูญได้…”

หลี่เต้าคงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

หลี่มู่อีคืออาจารย์ที่ชุบเลี้ยงพวกเขา หานเจวี๋ยก็เป็นนายใหม่ของพวกเขา พวกเขาพูดอะไรไม่ได้เลย

“คาดว่าอาจารย์คงกระทำการบางอย่างลงไป มิเช่นนั้นเจ้าสำนักไม่มีทางขุ่นเคืองจนลงมือ นิสัยของเขา ท่านก็น่าจะรู้ดี” หลี่เสวียนเอ้าเอ่ยด้วยความจนปัญญา

หลี่เต้าคงเหลือบมองหลี่เสวียนเอ้าแวบหนึ่ง ถึงแม้จะทราบว่าหลี่เสวียนเอ้าพูดความจริง หานเจวี๋ยมิใช่คนที่ลงมือสังหารส่งเดชจริงๆ แต่หลี่เสวียนเอ้าเจตนาช่วยพูดให้หานเจวี๋ย ทำให้เขาดูแคลนหลี่เสวียนเอ้าอยู่บ้าง

ศิษย์น้องจอมไม่ได้เรื่อง รู้จักเพียงเลือกฝั่งเท่านั้น!

………………………………………………………………