บทที่ 572 ตามหาอย่างบ้าคลั่ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 572 ตามหาอย่างบ้าคลั่ง

บทที่ 572 ตามหาอย่างบ้าคลั่ง

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าบุคคลนี้พึ่งไม่ได้ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางด้วยตัวเองเท่านั้น

กู้เสี่ยวหวานเอนหลังพิงกำแพง ปิดตาลงอย่างเชื่องช้า และเริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง

ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังคิดหาวิธีหลบหนี นางไม่รู้เลยว่าฉินเย่จือกำลังตามหาตนเองอย่างบ้าคลั่งในทุกที่!

ทันทีที่กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ได้ยินว่าพี่สาวของพวกเขาหายตัวไป กู้เสี่ยวอี้ก็ร้องไห้โฮออกมาทันที ร้องเรียกหาแต่ท่านพี่

กู้หนิงผิงกำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาดึงฉือโถวอย่างแรงแล้วถามอย่างโกรธเคือง “พี่สาวข้า พี่สาวข้าล่ะ! พี่สาวข้าอยู่ที่ไหน!”

กู้หนิงผิงหวาดกลัวมาก หากเขารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น หลังจากฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว ตนเองควรจะขึ้นไปหาพี่สาวบนภูเขา แต่วันนั้นตนเองรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เมื่อฝึกเสร็จจึงพากู้เสี่ยวอี้กลับบ้าน

อาจารย์มาส่งพวกเขาเพียงครึ่งทาง แล้วเบี่ยงเส้นทางไปบ้านป้าจาง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ นี้ พี่สาวของเขาก็หายตัวไป

กู้หนิงผิงราวกับลูกหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บ ดวงตาของเขาคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ

พี่สาวหายตัวไปแล้ว!

เมื่อฉือโถวเห็นท่าทางกังวลใจของกู้หนิงผิง และรู้ว่าเขากำลังตั้งคำถามกับตนเองอยู่ในขณะนี้เป็นเพราะกู้เสี่ยวหวานหายตัวไป นั่นทำให้เขารู้สึกประหม่าและหวาดกลัว ฉือโถวรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง ก้มศีรษะลง หยาดน้ำใสอุ่นไหลริน และร้องไห้อย่างขมขื่น “ขอโทษ ข้าขอโทษ เป็นความผิดของข้า เป็นความผิดของข้าเอง!”

ฉือโถวตำหนิและโทษตัวเอง ถ้าเขากลับมาเร็วกว่านี้ เรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวาน!

กู้หนิงผิงสะบัดมือของฉือโถวและพูดอย่างโกรธเคือง “ขอโทษทำไม ขอโทษแล้วพี่สาวข้าจะกลับมาหรือ! ฮือ ฮือ…”

“ฮือฮือ ข้าผิดเอง เป็นความผิดของข้าเองที่ดูแลพี่สาวเจ้าไม่ดี ข้าผิดเอง…” กู้หนิงผิงรู้สึกอึดอัดมากเมื่อเห็นพี่ฉือโถวโทษตัวเอง

กู้หนิงผิงกับฉือโถวมีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดต่อกัน ในอดีตฉือโถวจะพาเขาไปทุกที่ เขาเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดและดีที่สุดนอกเหนือจากอาจารย์ของเขา แต่เขากลับทำให้พี่สาวของตนหายตัวไป

พี่สาวหายตัวไปแล้ว กู้หนิงผิงราวกับโดนมีดกรีดหัวใจจนเหวอะหวะ ในขณะนี้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธไม่รู้จบ และไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินอะไรเลย

เขาคิดเพียงแต่อย่างเดียว ตามหาพี่สาว ตามหาพี่สาว!

“หนิงผิง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโทษกัน!” ฉินเย่จือกล่าวอย่างเฉียบขาดเมื่อเห็นท่าทีของกู้หนิงผิง กู้หนิงผิงเชื่อฟังมาก เมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์เขาก็หยุดร้องไห้ทันที ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ฉินเย่จือด้วยดวงตาเป็นประกาย “อาจารย์ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?”

ในเวลานี้ ป้าจางที่กลับมาจากบ้านครอบครัวกุ้ยก็รีบวิ่งเข้ามา

“คนครอบครัวกุ้ยตามหากำลังตามหาทุกหนทุกแห่ง!” ป้าจางพูดด้วยความตื่นตระหนก “ข้าได้ยินมาว่ามีคนเก็บตะกร้าที่กุ้ยชุนเจียวทำตกไว้บนภูเขาด้านหลังได้!”

ดูเหมือนว่ากุ้ยชุนเจียวถูกลักพาตัวไปเช่นกัน

“ใครกันที่อยากจะลักพาตัวพี่สาวของข้า!” กู้หนิงผิงตบโต๊ะอย่างโกรธจัด กู้เสี้ยวอี้ที่อยู่ข้าง ๆ สะดุ้งเฮือกและร้องไห้ออกมา

กู้หนิงผิงรู้สึกเศร้ากับเสี่ยวอี้ รุดขึ้นหน้าและโอบกอดนางไว้ในอ้อมกอด พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “อย่าร้องไห้ เสี่ยวอี้ ข้าจะตามหาท่านพี่เจออย่างแน่นอน! เสี่ยวอี้อย่างร้องไห้ไปเลยนะ”

กู้เสี่ยวอี้กอดกู้หนิงผิงแน่น ร้องไห้คร่ำครวญและพูดว่าข้าต้องการท่านพี่ ข้าต้องการท่านพี่!

ฉินเย่จือคิดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทั้งหมดในใจของเขา

จู่ ๆ ก็มีความคิดผุดขึ้นมา

กุ้ยชุนเจียวเองก็หายไปเช่นกัน

บุคคลที่สามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนทั้งสอง มีเพียงคนเดียวคือผู้ชายที่ชื่อถูหมิ่น!

หากกู้เสี่ยวหวานตกอยู่ในเงื้อมือเขาล่ะก็…

เมื่อคิดถึงท่าทีของถูหมิ่นในครั้งสุดท้าย ฉินเย่จือรู้ว่าคนประเภทนี้เลวยันขั้วกระดูก ในเวลานั้น ผู้คนในครอบครัวกุ้ยถูกขอให้สอนบทเรียนแก่ชายผู้นั้นสักที แต่คนในครอบครัวกุ้ยนั้นกลัวว่าจะเกิดเรื่องอีก จึงปล่อยถูหมิ่นไป

ถูหมิ่นโดนไปเช่นนั้น เขาจะไม่มาล้างแค้นกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร!

เพราะเป็นกู้เสี่ยวหวานหากุ้ยชุนเจียวเจอ และเกลี้ยกล่อมให้กุ้ยชุนเจียวกลับมา

ถูหมิ่น ถูหมิ่น ถ้าเป็นเจ้าจริง ๆ ข้าจะทำให้เจ้าไม่เห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้อีก!

ฉินเย่จือกำหมัด ดวงตาดุดันมาดร้าย

ถูหมิ่นซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน?

นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้

ครอบครัวกุ้ยกำลังตามหาคนหรือ?

ครั้งสุดท้ายที่ค้นหาก็ผ่านมาหลายนวันแล้ว หากแต่ก็ยังหาที่อยู่ของกุ้ยตงเหมยไม่พบ ตอนนี้ต้องตามหาคนอีกครั้ง เกรงว่ามันจะเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร

ฉินเย่จือขมวดคิ้ว และดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างดุดัน

ฉินเย่จือนำปิ่นปักผมออกมาจากเสื้อของเขา ดอกเหมยที่ถูกแกะสลักเหมือนจริง ปิ่นปักผมอันนี้เขาเป็นคนแกะสลักเองกับมือ

ฉินเย่จือลูบปิ่นปักผมในมือ ตอนนี้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่เขาอยู่กับกู้เสี่ยวหวาน รอยยิ้ม ความโกรธ นางเป็นเด็กไร้เดียงสา เป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวา และมีความแข็งแกร่งและความขยันหมั่นเพียรที่เขาไม่เคยพบในผู้หญิงคนอื่น

ฉินเย่จือกำหมัดและหลับตาลง ลูกแมวช่างพูดตัวนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไร จะพบเจอความลำบากอะไรหรือไม่

ฉินเย่จือรู้ดีว่าผู้หญิงที่ถูกลักพาตัว โดยทั่วไปจะไม่จบลงด้วยดี

ไม่ว่าจะถูกขายให้หออนางโลม ขายให้คนอื่นเป็นสาวใช้ หรือแม้แต่ขายเป็นอนุ

ลูกแมวตัวนั้น ทำไมต้องเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย

ฉินเย่จือรู้สึกเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในใจ เขาลืมตาขึ้นเผยให้เห็นไฟที่ลุกโชติช่วง

เขาหันศีรษะและกล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “ท่านป้าจาง รบกวนป้าสนใจข่าวของครอบครัวกุ้ย” เมื่อป้าจางได้ยินสิ่งนี้ นางก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ฉินเย่จือมองไปที่หนิงผิงและพูดอย่างเคร่งขรึม “ส่วนหนิงผิง เจ้าไปกับข้า”

เมื่อกู้หนิงผิงเห็นว่าอาจารย์จะพาตนเองไปหาพี่สาว เขาจึงรีบลูบศีรษะกู้เสี่ยวอี้แผ่วเบา “เสี่ยวอี้ เจ้าอยู่กับท่านป้าจาง ข้าและพี่ใหญ่ฉินจะไปตามหาท่านพี่เอง”

กู้เสี่ยวอี้ตอบรับและปล่อยกู้หนิงผิงอย่างรวดเร็ว “ท่านพี่ พี่ใหญ่ฉิน พวกท่านจะต้องหาให้เจอนะ!”

กู้หนิงไม่ทันที่จะได้เอ่ยสิ่งใด เขาเหลือบมองที่ป้าจางและรีบออกจากห้องไป “อาจารย์ รอข้าด้วย!”

ฉินเย่จือมาที่เกวียนวัว

ทั้งสองขับเกวียนวัวเข้าไปในเมือง ความเร็วของเกวียนวัวนั้นช้าเกินไป แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่สามารถไปได้เร็วกว่าเดินก็คือเกวียนวัว

ฉินเย่จือตีวัว ตีแล้วตีอีก วัวที่ได้รับบาดเจ็บจึงวิ่งเร็วขึ้น

ถ้ากู้เสี่ยวหวานเห็นเช่นนี้ นางคงจะดุเขาที่เลี้ยงวัวไม่ดี

หากแต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรืองสำคัญอีกต่อไป