ตอนที่ 593 จดหมายจากผู้ลึกลับ

My Disciples Are All Villains

ภายในคลังสมบัติชั้นใน แม้ว่าจะมีแสงสลัว แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็สามารถมองเห็นได้ตามปกติ
  ภายในคลังสมบัติมีทั้งสมบัติ อาวุธ และตำราต่างๆ มากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกวางเอาไว้ล้วนมีประกายแสง
  หอยสังข์ได้กระโดดไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
  แน่นอนว่าหอยสังข์ไม่ใช่เพียงคนเดียว ในตอนนี้ทุกคนต่างก็หันไปสนใจสมบัติทั้งหลายเช่นกัน
  แม้แต่ต้วนมู่เฉิงที่เป็นคนจริงจังมาโดยตลอดก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบตัว บางครั้งตัวเขาก็ได้ใช้หอกราชันย์สัมผัสกับอาวุธต่างๆ บนชั้นวาง
  ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสทั้งสี่คนของศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เงียบจนผิดปกติ ทุกคนได้แต่เหลือบมองไปรอบๆ แม้ว่าจะพบกับของที่น่าดึงดูดความสนใจมากแค่ไหนแต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉย
  “ดาบเล่มนี้วิเศษจริงๆ” ฝานซนจ้องไปที่ดาบเล่มหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ยังไม่มีอาวุธเป็นของตัวเอง
  “ดาบเล่มนี้…คือสมบัติอันเลื่องชื่อของเผ่าพันธุ์วายุพเนจรที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ดาบวายุพเนจรอย่างงั้นสินะ?” โจวจี้เฟิงได้หยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าตัวเขาไม่เต็มใจที่จะวางมันลง ในสายตาของโจวจี้เฟิงเต็มไปด้วยความหลงใหล
  ฝานซงเองก็ขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น “เจ้ามีสายตาที่ดีจริงๆ น้องโจว”
  แคล๊ง!
  หอกราชันย์ได้แทงไปยังใบดาบวายุพเนจร หลังจากที่ต้วนมู่เฉิงใช้หอกสัมผัส ตัวเขาก็ไม่เหลือบมองไปที่ดาบเล่มนั้นอีก “อาวุธระดับโลกจะไปคู่ควรที่จะเข้าไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยังไงกัน?”
  ฝานซงและโจวจี้เฟิงไม่กล้าที่จะตอบโต้กลับไป
  ‘ท่านก็พูดได้สิเพราะว่าท่านมีอาวุธระดับสรวงสวรรค์อยู่!’
  ‘ข้าจะไปมีทางเลือกอะไรในเมื่อข้าไม่มีอาวุธ!’
  ‘อาวุธระดับโลกอย่างงั้นเหรอ? ท่านสามท่านจะไปเข้าใจความรู้สึกข้าได้ยังไง!’
  แคล๊ง!
  ดาบวายุพเนจรตกลงสู่พื้น
  โจวจี้เฟิงที่วางดาบลงได้พูดอย่างตื่นเต้น “ท่านมีพูดมีเหตุผลจริงๆ ท่านสาม ขยะแบบนี้จะไปเหมาะที่จะอยู่ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยังไงกัน!”
  ทุกๆ คนยังคงเดินเข้าไปในคลังสมบัติต่อ
  ลู่โจวไม่ได้คาดคิดว่าคลังสมบัติจะกว้างใหญ่ได้ขนาดนี้ หลังจากที่เดินมาได้ระยะหนึ่ง คลังสมบัติก็ยังทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด
  ไทเฮาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับของรอบตัวเลย นางได้เดินผ่านไปราวกับว่าได้มาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง
  หลี่หยุนเฉาเริ่มต้นพูดขึ้น “อดีตจักรพรรดิได้ทิ้งคลังสมบัติให้กับองค์ไทเฮาได้ดูแล…ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้องค์ไทเฮาได้ระมัดระวังตัวมาโดยตลอด แม้ว่าอดีตองค์จักรพรรดิจะสิ้นพระชนม์จากไป แต่ถึงแบบนั้นองค์ไทเฮาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้”
  ในเวลานั้นเองไทเฮาก็ได้หยุดเดินก่อนจะหันไปมองคนอื่น “ถ้าหากทุกคนต้องการของชิ้นใด ทุกคนก็หยิบมันไปซะเถอะ”
  เมื่อสาวกของลู่โจวได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ดีใจ ทุกคนทำตัวราวกับฝูงลิงที่ไม่เคยเป็นโลกภายนอกมาก่อน ทุกคนต่างก็กระโดดไปมา
  หลี่หยุนเฉาที่เห็นแบบนั้นสับสน ทำไมกันสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงสนใจของในคลังสมบัติชั้นในกัน? “ทุกคนระวังตัวหน่อย!”
  เหล่าสาวกที่ได้ฟังแบบนั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวตามใจอีกต่อไป
  ไทเฮาได้พูดต่อ “ข้าเกือบลืมไปเลย…อันที่จริงด้วยสถานะที่ทุกคนมี ทุกคนคงจะไม่ได้สนใจของที่นี่สินะ? ข้าเข้าใจผิดไปเอง”
  โจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นอยากจะร้องไห้ ‘ไม่! ข้าสนใจ! ข้าต้องการเอาของทั้งหมดกลับไปกับข้า!’
  ไทเฮาได้ชี้ไปยังมุมห้องก่อนจะพูดต่อ “ในตอนที่หลิวเก้อยังครองบัลลังก์ ในตอนนั้นเขาได้บอกให้ข้าดูแลกล่องใบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลี่หยุนเฉา…”
  “พ่ะย่ะค่ะ” หลี่หยุนเฉาได้โบกมือก่อนที่กล่องใบนั้นจะลอยมา
  แม้ว่ากล่องใบนั้นจะถูกฝุ่นปกคลุม แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังส่องแสงประกายออกมา
  หลี่หยุนเฉาโบกมืออีกครั้งเพื่อขจัดคราบฝุ่น
  ลู่โจวเหลือบมองไปที่กล่อง ‘หืม? เขตแดนพลังที่เห็นนี่คุ้นตาจริง!’
  เขตแดนพลังบนกล่องที่เห็นดูคล้ายคลึงกับเขตแดนพลังบนชุดเกราะที่หลินซินใช้ แต่เขตแดนพลังที่เห็นกลับมีสีดำ? ไทเฮาที่เห็นแบบนั้นได้ถามต่ออย่างรู้ใจ “เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจ ข้าก็เลยทากล่องใบนั้นด้วยน้ำหมึกสีดำน่ะ”
  “…”
  คำว่ายิ่งแก่ฉลาดไม่ใช่คำพูดที่พูดเกินจริงเลย
  “แล้วสีเดิมของมันล่ะ?”
  “สีแดง”
  เป็นไปตามที่คาดไว้
  สีหน้าของลู่โจวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ตัวเขาเหลือบมองดูกล่องก่อนจะถามต่อ “แล้วกล่องใบนี้มาจากไหนกัน?”
  “องค์จักรพรรดิได้บอกว่าของชิ้นนี้มาจากผู้ชี้แนะราชสำนัก ก่อนที่ผู้ชี้แนะคนนั้นจะจากไป เขาคนนั้นได้ทิ้งของไว้จำนวนหนึ่ง ของพวกนั้นก็คือดาบ พู่กัน และกล่องใบนี้ ดาบที่ถูกทิ้งไว้น่ะหายไปได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว” จากคำพูดที่ไทเฮาบอก เห็นได้ชัดว่านางเองก็ไม่รู้ว่าหลิวเก้อยังมีชีวิตอยู่จนถึงไม่นานมานี้ บางทีหลิวเก้ออาจจะไม่ต้องการให้นางรู้และจงใจที่จะเก็บมันไว้เป็นความลับ
  ท้ายที่สุดแล้วการเอาชีวิตรอดโดยพึ่งพาพลังอักษรรูนไม่ใช่สิ่งที่น่าอวดอ้างเลย ผู้ที่ยอมใช้วิธีการนั้นไม่ต่างอะไรจากผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่มีใครในโลกที่สามารถเอาชนะขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่าจะมีวิธีการต่างๆ มากมายแต่ถึงแบบนั้นมันก็ทำได้เพียงชะลอความตายเท่านั้น
  เป็นเพราะหลิวเก้อเองไม่อยากให้ไทเฮารู้ และเพราะแบบนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องบอกนาง
  ไทเฮาได้พูดต่อไป “มีเพียงผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเท่านั้นที่จะเปิดกล่องได้…นอกเหนือจากสุดยอดพลังแล้วก็ไม่มีอะไรที่สามารถเปิดกล่องใบนั้นได้”
  หลิวกู่เองก็คิดเช่นกัน บางทีอาจเป็นเพราะกล่องใบนี้จึงทำให้หลิวกู่พยายามที่จะกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบก็เป็นได้ เมื่อฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นนั้นได้ การที่หลิวกู่จะรวบรวมชนเผ่าอื่นทั้งหมดก็คงจะไม่ใช่ฝันที่เกินจริง แต่น่าเสียดายที่หลิวกู่ไปไม่ถึง
  แม้ว่าภายนอกของลู่โจวจะดูสงบ แต่ที่จริงแล้วตัวเขากำลังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจ ‘ฉันมีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พลังวิเศษก็ได้หมดลงแล้ว แล้วฉันจะไปเปิดกล่องใบนี้ได้ยังไงกัน?’
  ฝานซงเป็นผู้พูดต่อ “ท่านปรมาจารย์ กล่องสมบัตินี่ถูกสร้างเพื่อท่านไม่ผิดแน่!”
  ฝานลี่เทียนพูดต่อ “ของในกล่องจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ท่านปรมาจารย์ได้โปรดเปิดกล่องใบนั้นด้วย ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาพวกเราทุกคน”
  ทุกๆ คนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
  แม้แต่ไทเฮาเองก็ยังอยากรู้ “ข้าเองก็ดูแลกล่องใบนั้นมากว่าหลายสิบปีแล้ว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ ถ้าหากศาลาปีศาจลอยฟ้าสามารถเปิดกล่องใบนี้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็คงจะจากไปอย่างสงบได้”
  ลู่โจวเคยช่วยชีวิตไทเฮาเอาไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว แม้ว่าลู่โจวต้องการที่จะเอากล่องกลับไป แต่ไทเฮาก็คงจะไม่กล้าปฏิเสธแน่
  ลู่โจวได้วัดพลังวิเศษที่มี เมื่อทำแบบนั้นตัวเขาก็รู้สึกอึดอัด ลู่โจวพยายามนึกไปถึงเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ก่อนจะท่องมันอยู่ภายในใจ ‘มีแต่จะต้องลองสินะ?’
  ผ่านไปครู่เดียวลู่โจวก็วางมือลงบนกล่อง
  แคร๊ก!
  เมื่อฝ่ามือแตะกล่อง ในตอนนั้นลู่โจวก็วาดฝันเอาไว้ว่าแสงสีฟ้าจะปรากฏขึ้น แต่น่าเสียดาย มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
  ‘…ฉันคงจะรักษาหน้าไม่ได้แล้วสินะ…’ เมื่อเวลาผ่านไปอีกครู่ ในตอนนั้นก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังจากกล่อง
  องค์ไทเฮาที่เห็นแบบนั้นดวงตาเบิกกว้าง “ข้าได้ลองเปิดกล่องด้วยวิธีการอันหลากหลายมาแล้ว แต่ถึงแบบนั้นมันกลับทำอะไรไม่ได้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง…”
  มันเป็นเรื่องปกติที่ไทเฮาอยากจะเปิดกล่องที่ต้องดูแล หลังจากที่ใช้วิธีการต่างๆ นานาไทเฮาก็รู้ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดกล่องใบนี้
  หลี่หยุนเฉาพูดต่อ “ข้าเองก็ขอยืนยันความจริงนั้นด้วย แม้แต่ฝ่าบาทเองก็ยังไม่อาจเปิดกล่องได้”
  “…”
  “อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ท่านยอดเยี่ยมมากจริงๆ ท่านปรมาจารย์!” ผู้อาวุโสทั้งหมดรู้สึกประทับใจ
  ลู่โจวมีภูมิคุ้มกันสำหรับคำเยินยอเป็นอย่างดี เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่ได้ดีใจอะไร เมื่อลงน้ำหนักไปที่ฝ่ามือมากขึ้นในตอนนั้นเองกล่องใบนั้นก็แตก
  พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เป็นดั่งกุญแจ
  เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นกล่องก็แตกสลาย ภายในนั้นมีของที่ดึงดูดความสนใจของลู่โจวอยู่
  ภายในนั้นมีซองจดหมายที่ทำมาจากวัสดุพิเศษและกล่องผ้าไหมอยู่ภายในนั้น
  ลู่โจวเลือกที่จะหยิบซองจดหมายขึ้นมาก่อน ทันทีที่ตัวเขาสัมผัสซองจดหมาย ในตอนนั้นลู่โจวก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ดูเหมือนว่าแค่ซองจดหมายก็ยังไม่ใช่จดหมายธรรมดา จดหมายฉบับนี้จะต้องทำมาจากวัสดุที่สามารถกันการเน่าเปื่อยได้
  “ถอยเร็ว!” ต้วนมู่เฉิงได้ยกหอกราชันย์ขึ้น
  ทุกๆ คนต่างก็เดินถอยหลัง
  ความตั้งใจของต้วนมู่เฉิงนั้นชัดเจน ตัวเขาตั้งใจที่จะให้ผู้เป็นอาจารย์อ่านจดหมายแต่เพียงผู้เดียว
  จดหมายฉบับนี้เขียนเอาไว้ว่า: ถ้าหากมีใครเปิดกล่องใบนี้ นั่นก็หมายความว่าผู้ที่อ่านจดหมายมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักผู้มีพลังคนแรก ผู้มีพลังคนที่สอง หรือเป็นผู้มีพลังคนที่สาม? หึ…ไม่ว่าจะยังไงมันก็ไม่ได้สำคัญอีกต่อไป ข้าขอบอกว่าเจ้าจะเป็นผู้นำโลกไปสู่หายนะครั้งใหญ่