ตอนที่ 1149 เลือดต้องล้างด้วยเลือด (1) ตอนที่ 1150 เลือดต้องล้างด้วยเลือด (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1149 เลือดต้องล้างด้วยเลือด (1) / ตอนที่ 1150 เลือดต้องล้างด้วยเลือด (2)
ตอนที่ 1149 เลือดต้องล้างด้วยเลือด (1)

เมื่อกองทัพกลับมา พวกเขาก็ไม่มีเวลาได้พักเลย พอทหารทุกคนเข้าเมืองมาหมด พวกเขาก็เริ่มต้นเตรียมพร้อมครั้งสุดท้ายสำหรับการบุกที่ใกล้เข้ามา!

กองทัพพันธมิตรทั้งสี่รัฐรุกหน้ามาอย่างรวดเร็ว และไฟสัญญาณเตือนภัยถูกจุดขึ้นรอบรัฐชี!

กลางดึกคืนนั้น ทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองหลวงได้เป่าแตรเป็นสัญญาณว่าข้าศึกโจมตีเข้ามา!

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน กองทัพของสามรัฐโดยมีรัฐจิ้วบัญชาการได้มาถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อกองทัพของสามรัฐรวมตัวกัน จำนวนอันมากมายมหาศาลของกองทัพศัตรูก็ดูน่ากลัวมากจริงๆ!

การต่อสู้ขั้นแตกหักกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

คืนนี้จึงไม่มีใครหลับลงได้เลย

……

ที่ชายแดนรัฐชี กองทัพที่ยิ่งใหญ่กองทัพหนึ่งรุกคืบเข้ามาอย่างเงียบๆ!

ทุกที่ที่กองทัพเคลื่อนผ่าน ทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือความพินาศย่อยยับและซากปรักหักพัง สนามรบและเมืองที่ถูกเผาแสดงให้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าการรบเป็นไปอย่างรุนแรงขนาดไหน

ทหารม้าเกราะเคลื่อนผ่านดินแดนที่ไหม้ดำ และทุกคนที่เห็นภาพตรงหน้า ขนาดว่าพวกเขาทุกคนเป็นทหารและเคยร่วมรบมา แต่…

เมื่อพวกเขาเห็นศพที่กองเป็นภูเขาก็อดตะลึงไม่ได้

ทหารราบคนหนึ่งเหยียบลงไปบนตราเหล็กหักๆ เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมาเช็ดโลหิตที่เปื้อนอยู่ออก บนตราเหล็กอันนั้นมีตัวอักษรสามตัวที่อ่านได้ว่า…กองทัพรุ่ยหลิน!

“เอามาให้ข้า” เสียงเย็นชาเล็กน้อยดังขึ้นจากด้านหน้า

ทหารคนนั้นชะงักไปแล้วก็รีบนำตรานั้นไปยื่นให้เด็กหนุ่มที่ขี่ม้าตัวใหญ่อยู่หน้าสุดของแถว

เด็กหนุ่มคนนั้นสวมเกราะเงิน เขาไม่ได้หน้าตาดีอะไรมากนัก แต่สีหน้าเย็นชาเคร่งเครียดของเขาทำให้ไม่มีใครกล้าแสดงความไม่เคารพเขาแม้แต่น้อย

เด็กหนุ่มคนนั้นถือตราหักๆ นั้นไว้ในมือ นิ้วโป้งของเขาลูบตัวอักษรที่อ่านได้ว่ากองทัพรุ่ยหลิน ดวงตาเย็นชาของเขาก็แข็งกร้าวขึ้น

“กราบทูลฝ่าบาท! พบกองทัพที่มีธงของรัฐซังที่ห้าลี้ข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ!” ทหารสอดแนมควบม้ากลับมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และลงจากม้ามารายงานข่าวทันที

เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนม้าเก็บตรากองทัพรุ่ยหลินอย่างระมัดระวังแล้วเงยหน้าขึ้น ดวงตาเย็นชาของเขาทอแววอำมหิตเลือดเย็น

“รัฐซัง…ดี เราจะเริ่มที่พวกมันนี่แหละ ฟังข้า! บุกเข้าไปเลย!”

ที่กระโจมแม่ทัพในค่ายที่พักของรัฐซัง แม่ทัพใหญ่ของกองทัพรัฐซังนั่งพิงเก้าอี้โดยมีสตรีหน้าตางดงามหลายคนคุกเข่าอยู่ที่เท้า สตรีพวกนั้นอยู่ในสภาพที่น่าเวทนา ทั้งมือและเท้าถูกล่ามโซ่เอาไว้ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแส้ พวกนางคือชาวเมืองของรัฐชี หลังจากที่เมืองของพวกนางถูกกองทัพรัฐซังบุก พวกนางก็ถูกจับมาทรมานเหมือนไม่ใช่มนุษย์

“ท่านแม่ทัพ รัฐจิ้วกับรัฐอื่นๆ ไปถึงเมืองหลวงรัฐชีแล้วนะขอรับ พวกเราจะไม่ไปด้วยหรือขอรับ” ทหารคนหนึ่งของรัฐซังถามอย่างงุนงงพร้อมกับมองไปที่แม่ทัพใหญ่

แม่ทัพใหญ่รับสุราที่เชลยหญิงยื่นให้มาจิบช้าๆ ก่อนจะส่ายหน้าและพูดว่า “ไปทำไม พอรัฐชีแตก รัฐจิ้วนั่นแหละที่จะได้ผลประโยชน์ไปทั้งหมด ถ้าเราไปตอนนี้ เราก็แค่รบให้พวกนั้น ฝ่าบาทสั่งให้เราช่วยรัฐจิ้วบุกรัฐชี แต่ตอนที่เมืองหลวงของรัฐชีแตก ฝ่าบาทไม่ให้เราปล้นเมืองเด็ดขาด แล้วเราจะไปทำให้มือเราสกปรกเพื่อผลประโยชน์ของรัฐจิ้วหรืออย่างไร ถึงอย่างไรรัฐชีก็ไม่สามารถต้านทานได้แล้ว กองทัพสามรัฐรวมกันก็เกือบสามล้านคน ถึงไม่มีเราพวกนั้นก็สามารถจัดการกองทัพกระจอกๆ ของรัฐชีได้อยู่แล้ว!”

แม่ทัพใหญ่พูดพร้อมกับยิ้มอย่างน่ารังเกียจ “พวกเราจะไปหรือไม่ไปก็เหมือนกันนั่นแหละ ข้าว่าพวกเราให้พี่น้องของเราค่อยๆ เตรียมตัวกลับบ้านเราแทนดีกว่า”

ตอนที่ 1150 เลือดต้องล้างด้วยเลือด (2)

“ก็จริงนะขอรับ พวกเราเสี่ยงชีวิตเข้าสู้และเสียคนของเราไปมากมาย แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่กันนะ” ทหารคนนั้นพูดขึ้นอย่างหดหู่เล็กน้อย

แม่ทัพใหญ่พูดขึ้นว่า “ถึงเราจะไม่ได้อะไรเลย แต่รัฐจิ้วสัญญาว่าหลังจากรัฐชีแตก พวกเขาจะไม่เอาอะไรเลย พวกเขาอยากได้แค่เมืองหลวงและให้อีกสามรัฐแบ่งส่วนที่เหลือกัน อีกไม่นานรัฐชีก็จะเป็นของเรากับอีกสองรัฐ และในโลกนี้จะไม่มีรัฐชีอีกต่อไปแล้ว!”

“เป็นไปได้หรือขอรับ รัฐจิ้วมีจุดประสงค์อะไรถึงทำแบบนี้” ทหารคนนั้นถามอย่างสงสัย

“ใครจะไปรู้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะต้องไปสนใจนี่” แม่ทัพใหญ่พูดพร้อมกับยักไหล่

“ที่จริงจากที่ข้าเห็น แค่กองทัพรัฐจิ้วรัฐเดียวก็เพียงพอที่จะยึดรัฐชีแล้ว ทำไมรัฐจิ้วถึงอยากร่วมมือกับพวกเราด้วยเล่าขอรับ” รัฐจิ้วเป็นรัฐที่ยิ่งใหญ่รองจากรัฐเหยียนเพียงรัฐเดียวเท่านั้น รัฐชีเป็นแค่รัฐเล็กๆ ที่น่าจะยึดได้ง่ายๆ สำหรับรัฐจิ้ว แต่พวกเขากลับดึงเอารัฐอีกสามรัฐมาเป็นพวก และถึงกับสัญญาว่าจะไม่เอาอะไรในรัฐชีเลย นั่นเป็นจุดที่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่ามันแปลกๆ

“ชิ…เจ้าดูถูกกองทัพของรัฐชีมากเกินไปแล้ว! กองทัพของรัฐชีส่วนใหญ่อ่อนแอก็จริง แต่เจ้าอย่าลืมสิว่ารัฐชีมีกองทัพที่โจมตีได้ดุดันและห้าวหาญที่สุดในโลกอย่างกองทัพรุ่ยหลินอยู่! กองทัพรุ่ยหลินอาจจะมีแค่หนึ่งแสนคน แต่คนแค่หนึ่งแสนนั่นสามารถจัดการกับทหารหนึ่งล้านคนได้เลยนะ! รัฐจิ้วอยากยึดรัฐชี แต่ไม่อยากเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยตัวเองแค่รัฐเดียว ถ้ามีแค่กองทัพของรัฐจิ้วรัฐเดียว ต่อให้ยึดรัฐชีได้ก็คาดได้เลยว่ากองทัพรุ่ยหลินจะสร้างแผลใหญ่ให้พวกเขาแน่ ดังนั้นพวกนั้นถึงได้เลือกเป็นพันธมิตรกับอีกสามรัฐเพื่อแยกกำลังของกองทัพรุ่ยหลินออกไปจะได้ลดความสูญเสียของตัวเองลงอย่างไร” แม่ทัพใหญ่อธิบาย

พอพูดถึงกองทัพรุ่ยหลิน ทหารคนนั้นก็ตัวสั่นขึ้นมา ที่สนามรบทางด้านนี้ทหารกองทัพรุ่ยหลินที่พวกเขาเจอมีจำนวนไม่เกินสองหมื่นคน แต่ความสูญเสียที่พวกนั้นทำไว้กับพวกเขานั้นน่ากลัวมากอย่างคาดไม่ถึง ทหารกองทัพรุ่ยหลินสองหมื่นคนรวมกับทหารรัฐชีหนึ่งแสนคนจัดการกับทหารของพวกเขาได้ถึงแปดแสนคน โดยที่ส่วนใหญ่เป็นฝีมือของทหารกองทัพรุ่ยหลิน

ถ้าไม่มีกองทัพรุ่ยหลินคอยป้องกันอยู่ละก็ แค่กองทัพรัฐชีอย่างเดียวพวกเขาคงไม่เสียเวลาบดขยี้พวกนั้นมากขนาดนี้

“พวกเราได้ยินมาตั้งแต่แรกว่าคนของกองทัพรุ่ยหลินหนึ่งคนสามารถจัดการศัตรูได้สิบคน แต่ข้าคิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือที่ไม่มีมูลเท่านั้น ตอนนี้ข้าได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ข้ารู้แล้วว่าพวกเขาน่ากลัวมากแค่ไหน มิน่าเล่าหลายปีมานี้ถึงไม่มีใครกล้ามาบุกรัฐเล็กๆ อย่างรัฐชีเลย มีกองทัพรุ่ยหลินอยู่แบบนี้ รัฐไหนที่คิดจะบุกรัฐชีก็ต้องเตรียมตัวให้ดีเลย”

แม่ทัพใหญ่พูดต่อด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันว่า “รัฐชีมีแค่กองทัพรุ่ยหลินเป็นกำลังสำคัญ เป็นเพราะความโง่ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนนั่นแหละที่มัวแต่อิจฉาหวาดระแวง ก็เลยบีบกองทัพรุ่ยหลินให้ลดจำนวนลง ปลดแม่ทัพที่เก่งกาจออกหลายคนและค่อยๆ ลดจำนวนทหารของกองทัพรุ่ยหลินให้น้อยลงเรื่อยๆ มาหลายปี ถ้าฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่โง่ กองทัพรุ่ยหลินคงไม่เหลือทหารแค่หนึ่งแสนคนหรอก และถ้าพวกเขามีจำนวนมากกว่านี้สองเท่า เราคงต้องพิจารณาการร่วมมือในเรื่องนี้อย่างจริงจังเลยล่ะ”

คนที่โง่ที่สุดในโลกก็คือคนที่หักแขนตัวเองนั่นแหละ เป็นฮ่องเต้พระองค์ก่อนของรัฐชีเองที่ช่วยพวกเขาในการบุกรัฐชีครั้งนี้มากที่สุด!

“แต่ไม่ว่าพวกนั้นจะกล้าหาญดุดันมากขนาดไหน สุดท้ายก็กลายเป็นแค่กองกระดูก! หลังจากรัฐชีแตก กองทัพที่ห้าวหาญดุดันที่สุดในโลกกองทัพรุ่ยหลินจะไม่มีอยู่อีกต่อไป! ฮ่าๆๆ!”