War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1936
ตอนที่ 1,936 : หยางชง!
“แพ…แพ้แล้ว…ศิษย์พี่จางจี้แพ้แล้วงั้นเหรอ!?”
“เรื่องนี้…ได้อย่างไรกัน?”
“หากข้าเข้าใจมิผิด กระบวนหมัดคู่สุดท้ายที่ศิษย์พี่จางจี้ใช้ มิพ้นต้องเป็นเวทย์พลังชั้นสูง ‘หมัดทลายขุนเขาลำน้ำ’ แน่! ข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศิษย์พี่จางจี้จะตีความมันได้สำเร็จแล้วเช่นนี้!”
“ด้วยอานุภาพหมัดที่ชกออกก่อนหน้า น่ากลัวว่าความสำเร็จในหมัดทลายขุนเขาลำน้ำของศิษย์พี่จางจี้มิใช่ชั่ว นั่นมิใช่พลังในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นอีกแล้ว กล่าวว่าเป็นพลังขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางก็มิเกินเลย…แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนจะมิอาจทำอันใดศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนได้เลย!!”
“ไม่เพียงมิอาจทำร้ายศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน…ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนอีก! ยังถึงขั้นแพ้พ่าย!!”
……
หลังจากที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬสูดหายใจเข้าลึกๆฟอดหนึ่ง เมื่อดึงสติกลับมาได้จุดเกิดเหตุก็เรียกว่าอื้ออึงปานตลาดสด
ก่อนหน้านี้ห้วงเวลาที่เวทย์พลัง เซียนอมตะข้ามภพ ของต้วนหลิงเทียน และเวทย์พลังของจางจี้ ทลายขุนเขาลำน้ำ ปะทะกัน พวกมันเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็ตกใจมากแล้ว!
เพราะก่อนหน้านี้พวกมันไม่มีใครคิดฝันว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูง!
จนเมื่อพวกมันเห็นต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูง พวกมันจึงคิดว่าต้วนหลิงเทียนมีโอกาสชนะได้! ทว่าหลังจากนั้นไม่ทันไร…จางจี้กลับใช้ออกด้วยเวทย์พลังขั้นสูงเช่นเดียวกัน ใจทุกคนจึงพลิกตลบในชั่ววูบ ด้วยคิดว่าโอกาสชนะของต้วนหลิงเทียนสาบสูญไปเสียแล้ว…
นั่นเพราะพลังฝึกปรือเดิมของจางจี้ก็เหนือล้ำกว่าต้วนหลิงเทียน!
บวกกับพลังอานุภาพของเวทย์พลังขั้นสูง แน่นอนว่าต้องยัดเยียดความปราชัยให้ต้วนหลิงเทียนได้แน่นอน! ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนเองก็สำแดงเวทย์พลังขั้นสูงเช่นกัน!
และเรื่องราวถัดมาก็เป็นดั่งที่พวกมันคาดคิดกันเอาไว้ไม่มีผิด
พลังหมัดคู่อันน่าสะพรึงของจางจี้บดขยี้ทำลายรังสีพลังกระบี่ทั้งร่างแยกของต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดาย ยังพุ่งไปหมายกระแทกซัดร่างจริงต้วนหลิงเทียนด้วยสภาวะพลังไม่ถดถอย
แต่ในขณะที่พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องถูกพลังทำลายล้างกระแทกเข้าร่างอย่างจังจนกระเด็นปลิดปลิวสิ้นท่านั้นเอง…
ฉากที่ทำให้พวกมันถึงกับผวาหวาดพลันอุบัติขึ้น!
โดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง อยู่ๆก็อุบัติวังวนประหลาดขึ้นรอบกาย…ซึ่งทุกคนจำได้ว่านี่คือเวทย์พลังหนุนเสริมของต้วนหลิงเทียน!
หากแต่ครานี้หลังวังวนปรากฏ มันกลับดูดกลืนพลังทำลายของจางจี้ทั้งหมดจนหายวับไปกับตา!
หลังจากนั้นในชั่วพริบตาต่อมา อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ปลดปล่อยพลังของจางจี้ที่กลืนเข้าไป รวมทั้งผสานพลังของตัวเองจนก่อเกิดเป็นมวลพลังอันน่าพรั่นพรึง ดั่งยืมหอกคืนสนองทั้งมอบดาบส่งเสริม ซัดสวนทำร้ายจางจี้อย่างเกรี้ยวกราด!
แม้จางจี้เองจะพยายามเร่งเร้าอานุภาพเวทย์พลังป้องกันประทับเงามาร แต่สุดท้ายก็ยังบาดเจ็บสาหัส!
ถึงแม้ว่าคนจะยังไม่ตายหรือพิการ แต่อาการบาดเจ็บหนักหนานี้ของจางจี้ เกรงว่าหากไม่ใช้เวลาสิบวันครึ่งเดือนเกรงว่าคงมิอาจลุกไหว!
“ให้ตายเถอะ ที่แท้เป็นเวทย์พลังผีสางอันใดกันแน่ที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจ? ไม่เพียงแต่จะสามารถกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบมาส่งเสริมพลังฝึกปรือของตัวเป็นระยะเวลาสั้นๆ ยังสามารถดูดกลืนซึมซับพลังของคู่ต่อสู้มาเป็นของตัวได้แบบนี้…ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!”
“จากที่ได้เห็นข้าบอกเลยว่าตอนนี้ให้เวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรครามของลัทธิบูชาไฟของพวกเรา ก็ยังห่างชั้นหลายขุมหากจะยกไปเทียบกับเวทย์พลังของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”
“ในสายตาข้ากระทั่งให้เป็นเวทย์พลังสายสนับสนุนที่ดีที่สุดที่ลัทธิบูชาไฟของพวกเรามี ก็คงมิอาจเทียบได้กับเวทย์พลังนั่นของศิษย์พี่ต้วน! แล้วยังจะนับประสาอะไรกับเวทย์พลังหนุนเสริมประจำแท่นบูชามังกรคราม!!”
……
ไม่น่าเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็หวนระลึกถึงฉากเรื่องราวก่อนหน้าที่ต้วนหลิงเทียนลงมือพลิกสถานการณ์ได้ด้วยกลวิธีอันน่าเหลือเชื่ออีกครั้ง หากไม่มีเวทย์พลังที่สามารถกระทำเรื่องเลิศล้ำเช่นนั้นได้ล่ะก็…
คนคงแพ้พ่ายไปแล้ว
ทันใดนั้นเวทย์พลังสายสนับสนุนขั้นสูงอย่าง ปฐมเวทย์กลืนกิน ของต้วนหลิงเทียน ก็กลายเป็นประเด็นร้อนให้เหล่าศิษย์สนทนาถกเถียงกันอย่างออกรส
“ข้าผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่มิเคยพบพานเวทย์พลังที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนใช้มาก่อน”
“ข้าท่องเที่ยวกับท่านปู่มาครึ่งชีวิตพบเห็นอันใดมาก็มาก แต่ก็มิเคยพบเจอกระทั่งได้ยินก็ไม่มี!”
“ช่างเป็นเวทย์พลังที่น่าพรั่นพรึงนัก!”
…
หลังจากไล่เรียงหาความกันไปพักใหญ่ เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬพลันตระหนักว่า
แม้จะมีคนมากมาย แต่กลับไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนเลยว่าเวทย์พลังชั้นสูงสายสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนใช้คืออะไร!
กระทั่งพวกมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า นามของเวทย์พลังสายสนับสนุนชั้นสูงนั่นเรียกว่าอะไร!
จังหวะนี้เวทย์พลังสายสนับสนุนชั้นสูง ได้เพิ่มความลึกลับให้แก่ต้วนหลิงเทียนในหัวใจของพวกมันหลายส่วน!
“ให้ตายเถอะ…ช่างเป็นเวทย์พลังที่ร้ายกาจและน่ากลัวอะไรขนาดนี้!”
กระทั่งเจียงชูที่เท้าครึ่งหนึ่งย่ำเหยียบไปในขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางแล้วยังอดตกใจไม่ได้เมื่อสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอย มันตกใจกับความสามารถของเวทย์พลังนั่นที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนเอาชนะจางจี้ได้นัก!
ต้องทราบด้วยว่าพริบตาที่เจียงชูเห็นจางจี้ใช้ออกด้วยเวทย์พลัง หมัดทลายขุนเขาลำน้ำ มันก็ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเอาชนะได้!
เพราะตอนนั้นอานุภาพพลังของจางจี้เรียกได้ว่าทะยานสูงขึ้นมาทัดเทียมกับตัวมันแล้ว
“ไม่คิดเลยจริงๆว่าเวทย์พลังหมัดทลายขุนเขาลำน้ำที่จางจี้ได้รับสืบทอดต่อจากอาจารย์ของมัน ตัวมันจะตีความจนรู้แจ้งกระทั่งเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังได้สำเร็จแล้ว…ตอนนี้หากมันสู้กับข้าล่ะก็ ไม่แน่ว่าข้าจะชนะมันได้อีกต่อไป…อย่างดีคงแค่เสมอ!”
มองไปยังร่างจางจี้ที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่ด้านล่าง สายตาของเจียงชูเผยความหวั่นหวาดออกมา
พลังฝีมือที่จางจี้เผยให้เห็นหลังออกจากการกักตัวฝึกตนครั้งนี้ ทำให้เจียงชูรู้สึกกดดันครั้งใหญ่!
สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง เจียงชูพลันมองไปยังเรือนชั้นรองซึ่งแต่เดิมเป็นของจางจี้แต่บัดนี้เป็นของต้วนหลิงเทียนไปแล้วอีกรอบ มันก็เหินร่างกลับไปยังที่พักของมันเพื่อเร่งฝึกซ้อมทันที
‘กักตัวบ่มเพาะครานี้ หากข้าไม่ทะลวงถึงเซียนนภาขั้นกลางข้าจักมิออกมา!’
เจียงชูลอบปฏิญาณในใจ ก่อนที่จะกักตัวฝึกตน
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้จางจี้ที่สิ้นสติไปมันได้ฟื้นขึ้นมาแล้วอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามด้วยอาการบาดสาหัสของมัน ตอนนี้กระทั่งขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเล็กๆยังยาก เพราะทั่วกายรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวราวกระดูกแหลกไปทุกชิ้น!
ถึงแม้จะมีเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬมากมายที่แยกย้ายกันกลับไปแล้ว แต่ยังมีศิษย์บางกลุ่มที่อยู่สนทนากันไม่เลิก
เรื่องที่พวกมันคุยกันแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องราวการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
“เฮ่อ…ก่อนจะสู้กันข้าก็มั่นใจในตัวศิษย์พี่จางจี้นักว่าชนะได้แน่…แต่ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าสุดท้ายฝ่ายแพ้จะเป็นศิษย์พี่จางจี้ซะอย่างนั้น…”
“พลังฝีมือของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจเกินไป! กระทั่งศิษย์พี่จางจี้ใช้ออกด้วยเวทย์พลังขั้นสูงอย่างหมัดทลายขุนเขาลำน้ำจนกระบวนท่ามีพลังอยู่ในจุดสูงสุดเท่าที่เซียนนภาขั้นต้นจะสำแดงได้แล้วแท้ๆ…แต่กระนั้นก็ยังแพ้พ่ายคามือศิษย์พี่ต้วน!”
“จะว่าไปพอเรื่องจบข้าก็นึกขึ้นได้ว่า…ตอนแรกมิใช่จางจี้ขู่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเอาไว้หรือว่าจะทุบตีให้หน้ายับบ้าง ให้มารดาจดจำไม่ได้บ้าง ยังจะทุบตีจนให้ร่ำร้องขอความตาย…นับว่าจางจี้มันกล่าวถูกเรื่องหนึ่ง วันนี้มีคนถูกทุบตีจนยับถึงขั้นตายเสียดีกว่าอยู่จริงๆ แต่นั่นมิใช่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนทว่าเป็นมันเอง!!”
“เออ เจ้าว่ามาแบบนี้…พูดไปข้าต้องบอกเลยว่านิสัยของศิษยืพี่ต้วนหลิงเทียนดียิ่ง…หากเป็นข้าเอาชนะศิษย์พี่จางจี้ได้ล่ะก็ ขาจะต้องหัวเราะเยาะแล้วซ้ำเติมคนล้มให้สนุกสนานสักครา คืนความอัปยศที่พยายามยัดเยียดให้ข้าทีแรก!!”
“นั่นสิ ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนนิสัยดียิ่ง มิคิดซ้ำเติมคนล้มเลย…”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่เหลือยังคงจ้อกันไปเรื่อย โดยที่ไม่รู้เลยว่าจางจี้ฟื้นแล้ว
ด้านจางจี้พอได้ยินวาจาบาดหูเหล่านี้สีหน้าของมันก็ถึงกับแดงก่ำ โลหิตตีกลับจากอกแล่นทะลักออกปากอีกรอบ…
อันที่จริงเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเหล่านี้ไม่ได้รู้เลย ว่าที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ซ้ำเติมคนล้มอะไร…ไม่ใช่เพราะไม่อยากทำ แต่เพราะสถานการณ์ตอนนั้นของเขาก็ย่ำแย่ไม่ต่างอะไรจากจางจี้!
หาไม่แล้วด้วยต้วนหลิงเทียนที่กำลังของขึ้นอยู่ล่ะก็ ได้กระทืบซ้ำจนจางจี้หน้ายับแน่ๆ…
หากแต่ก่อนที่เรี่ยวแรงจะหมดลง ต้วนหลิงเทียนก็ยังพยายามฝืนทำเป็นเข้มกล่าววาจาทิ้งไว้ให้จางจี้ ค่อยจากไปเท่ห์ๆอย่างผู้มีชัย
“จางจี้…จากนี้ไปเรือนชั้นรองของเจ้า เป็นของข้าต้วนหลิงเทียน…”
นี่เป็นประโยคที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าวันนี้เขาเป็น ‘ผู้ชนะ’ คนสุดท้ายในการต่อสู้ของต้วนหลิงเทียน!
มิฉะนั้นหากต้วนหลิงเทียนที่สิ้นพลังมาล้มลงตรงหน้าล่ะก็ ที่พยายามฝืนทำเป็นเข้มไว้มีหวังได้โป๊ะแตกต่อหน้าทุกคนแน่…และมิแคล้วผลการต่อสู้วันนี้อาจจะถูกผู้อื่นมองว่าเสมอ!
การเสมอกันไม่ใช่อะไรที่ต้วนหลิงเทียนต้องการ
ในเรือนชั้นรองซึ่งแต่เดิมเป็นของจางจี้แต่บัดนี้เป็นของต้วนหลิงเทียนไปแล้วนั้น ต้วนหลิงเทียนที่ทรุดลงไปนั่งเปลี้ยเพลียแรงกับพื้นอย่างหมดท่า ในที่สุดร่างกายก็ค่อยๆฟื้นตัวบ้างแล้ว
ไม่เพียงแต่พลังเซียนสุริยันเริ่มฟื้นคืนกลับมา พลังวิญญาณที่พร่องไปจนแทบหมดก็เริ่มฟื้นฟูแล้วเช่นกัน
หลังจากนั้นสติสตังของต้วนหลิงเทียนที่ก่อนหน้ากลายเป็นพร่ามัวก็ค่อยๆกลายเป็นแจ่มใสดังเดิม
‘ไม่คิดเลยว่าจางจี้มันจะมีเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงน่ากลัวแบบนี้ด้วย…’
พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
อันที่จริงเผชิญหน้ากับพลังทำลายจากเวทย์พลังขั้นสูงนั้นของจางจี้ ถึงเขาจะกลายร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ ก็ไม่แน่ว่าจะป้องกันได้ง่ายๆอย่างที่คิด…
อีกทั้งหากลากถ่วงเวลานานเกินไป สุดท้ายเขาอาจจะกลายเป็นฝ่ายแพ้!
โชคยังดีที่ในห้วงเวลาคับขันสัญชาตญาณของเขากลับใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน ทั้งยังใช้อำนาจจิตจู่โจมวิญญาณออกมาตามติด ทำให้สามารถเอาชนะจางจี้ไปได้ในที่สุด!
อาจกล่าวได้ว่าในการต่อสู้ครั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาชนะอาจจะเป็นเพราะโชค!
‘ด้วยพลังฝีมือระดับนี้ของจางจี้ เกรงว่าคงมีผู้คนในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นเพียงไม่กี่คนที่สู้กับมันได้…หากข้าคิดจะเอาชนะมันให้ได้อย่างง่ายดาย มีเพียงต้องทะลวงให้ถึงเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญก่อนที่มันจะทะลวงไปถึงเซียนนภาขั้นกลาง!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
‘อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณในตอนนี้ของข้าที่กลายเป็นรากวิญญาณสีเขียวไปแล้วพร้อมทั้งการไหลของห้วงเวลาในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ อย่างดีข้าก็ใช้แค่เดือนเดียวเท่านั้นในการบุกฝ่าไปยังเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ!’
เมื่อนึกถึงพรสวรรค์รากวิญญาณที่ยกระดับขึ้นมาแล้ว ใบหน้าต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงความมั่นใจออกมา
และแน่นอนว่าเวลาหนึ่งเดือนที่ว่ามันเป็นเวลาของโลกภายนอก…
ด้านนอกหนึ่งเดือน ภายในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเทียบได้กับ 10 เดือน!
‘วันหลัง…ข้าไม่กล้าใช้ปฐมเวทย์กลืนกินสูบกลืนพลังที่คู่ต่อสู้ปล่อยออกมาอีกแล้วเว้นแต่จะถึงคราวจำเป็นจริงๆ! ข้าไม่อาจเสี่ยงให้ร่างกายรับพลังที่เกินตัวเข้ามาอีก….เพราะไม่เพียงแต่นั่นจะทำให้ร่างรับไม่ไหวจนทรมาน กระทั่งเผลอๆอาจจะถึงขั้นระเบิดเอาได้!’
หากในเวลานั้นต้วนหลิงเทียนไม่ปลดปล่อยพลังทั้งหมดในกายออกไปล่ะก็ ร่างกายเขามีโอกาสระเบิดจริงๆ!
‘จางจี้นั่นมันก็ซวยจริงๆ! ข้าเองก็ใช่ว่าจะควบคุมพลังมหาศาลนั่นได้ ที่ทำก็แค่พลักซัดมันออกมาส่งๆเท่านั้น แต่จางจี้นั่นดันมายืนขวางทางปืนเข้าพอดี…’
เพียงคิดถึงฉากก่อนหน้าขึ้นมาอีกครั้งต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะออกมา สนุกสนานกับคราวเคราะห์ของจางจี้นัก
ต้วนหลิงเทียนที่หัวเราะร่าอยู่กลับไม่ได้รู้ตัวเลย…
ว่าบัดนี้แขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งได้มาถึงลัทธิบูชาไฟ และพักอยู่ในที่พักของหลี่อันอาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่งของแท่นบูชาเต่าทมิฬเรียบร้อยแล้ว!
แขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็น หยางชง อาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาล อันเป็นขุมพลังชั้น 1 ของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์ซียนเต๋าแห่งนี้…
เมื่อไม่นานมานี้ วันที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬครั้งแรกเขาก็ได้ลงมือสังหารหยางหวู่ไป…และหยางชงก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของมัน!