ตอนที่ 448 ศิษย์พี่ ข้าต้อง…(2)
ที่ประตูของสำนักตู้เซียน หลิงเอ๋อร์ปลอดภัยและมีเสียงหลังจากต้านทานทัณฑ์สวรรค์ครั้งแรก ในขณะนี้ ร่างเต๋าของนางมีลมปราณเซียนครั้งแรกแล้ว
เป็นไปตามที่ศิษย์พี่ชี้แนะ นางได้ดูดซับลมปราณเซียนเข้าสู่ร่างของนาง และปกป้องเส้นลมปราณหัวใจของนางเอาไว้ จากนั้น จึงรีบรวมมันเข้ากับพลังเวทของนาง ทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนนั้น ยิ่งเร่งร้อนมากขึ้น เพราะในท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สิ่งมีชีวิตโฮ่วเทียนจะกลายเป็นเซียน
จากนั้น ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่สองและครั้งที่สาม ก็ลงมาทีละครั้ง แต่ละครั้งนั้น สระสายฟ้าจะถล่มลงมา และสายฟ้าก็จะสาดลงมาราวกับน้ำตก หลิงเอ๋อร์จัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย นางยังกลืนโอสถที่สามารถฟื้นฟูพลังเวทของนางได้อย่างต่อเนื่องและรักษาพลังเวทของนางเอาไว้ได้มากมาย ศิษย์พี่ไม่ได้ให้โอสถวิญญาณเพื่อช่วยชีวิตกับนางมากมายนัก
นางควรจะใช้เท่าที่จำเป็น การขึ้นสู่เซียนคือจุดเริ่มต้นและเป็นรากฐานของทุกสิ่ง!
ในขณะนั้น ศิษย์คนหนึ่งของยอดเขาหยกน้อย ได้หลบหนีไปแล้วเป็นระยะทางกว่าสามพันลี้ และยินดีต้านรับการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ครั้งที่สามเงียบๆ
ที่หน้าประตูสำนัก เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วได้บินไปหาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว และถามว่า “ฉางโซ่ว เจ้า… ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
แม้หัวใจของหลี่ฉางโซ่วจะมีเลือดออกและร่างของเขาก็เจ็บปวดนัก แต่เขาก็ยังคงโค้งคำนับให้และตอบกลับว่า “ขอบคุณท่านเจ้าสำนักที่เป็นห่วงขอรับ ศิษย์ไม่เป็นไร ทว่ายังต้องท่านเจ้าสำนักช่วยปกปิดเรื่องการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์นี้ได้หรือไม่ขอรับ? ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ศิษย์ไม่อาจพูดได้ ศิษย์ไม่อาจเปิดเผยตัวตนอื่นๆ ของศิษย์ในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้ … ขอเจ้าสำนักโปรดเมตตาให้เป็นไปตามความปรารถนาของศิษย์ด้วยขอรับ!”
จี้อู๋โหย่วอดจะเปิดเผยรอยยิ้มรู้ทันออกมาไม่ได้ เขากล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าเข้าใจ บอกข้ามาเถิดว่าจะร่วมมือกับเจ้าได้อย่างไร”
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงไปเงียบๆ และกล่าวออกไปสองสามคำ ขณะกล่าว เขายังต้องต้านทานต่อการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ครั้งที่สี่ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็อดจะสั่นสะท้านไม่ได้ อาการบาดเจ็บนั้นไม่รุนแรง แต่ก็เจ็บปวดอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน จี้อู๋โหย่วก็กระแอมไอและกล่าวออกมาอย่างสงบว่า “ฉางโซ่ว ไข่มุกวิญญาณเลือดเผ่าเวทที่ข้าให้เจ้าคือให้เจ้าคิดหาเต๋าค่ายกล แต่วันนี้ ไข่มุกวิญญาณเลือดเผ่าเวทได้กระตุ้นการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์และบินหนีไปเอง เช่นนั้น เจ้าสมควรได้รับโทษอะไร”
หลี่ฉางโซ่วรีบก้มศีรษะ ยอมรับความผิดพลาดของเขาและกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนักโปรดลงโทษศิษย์ด้วยขอรับ!”
“ได้ ข้าจะลงโทษเจ้าโดยไม่ให้เงินรายเดือนเป็นเวลาสามสิบปี และหลังจากที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้า ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว กักบริเวณให้เจ้าอยู่ในยอดเขาหยกน้อยเป็นเวลาสามสิบปี เจ้ายินดียอมรับการลงโทษนี้หรือไม่?
“ศิษย์ทำสมบัติหาย ย่อมยินยอมรับโทษขอรับ!”
จี้อู๋โหย่วพยักหน้าและยังคงยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ฉางโซ่วที่กำลังเฝ้าดูหลิงเอ๋อร์ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์บนภูเขารกร้าง
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ร่างหลักของเขามองไปที่เมฆสีเทา ดูเหมือนว่าเมฆสีเทาจะ… กำลังพักอยู่ตรงกลาง โชคดีที่การลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ครั้งนี้ไม่ได้โหดเหี้ยมเกินไปนัก
หลังจากทานทนต่อการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์แล้ว อาการบาดเจ็บของหลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก
ในขณะนั้น ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้กล่าวประโยคนั้นเพิ่ม…
“ศิษย์ยินดียอมรับการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ ขอบคุณเต๋าสวรรค์ที่ละจากงานมากมายและรีบพุ่งมาสั่งสอนศิษย์ขอรับ”
บัดนั้น เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองลงไปที่ร่างเต๋าที่ไหม้เกรียมและใช้พลังเซียนผนึกบาดแผลของเขา เขายกมือขึ้นและกลืนเม็ดโอสถเข้าไปหนึ่งกำมือก่อนจะใช้หลีกลมเร้นกาย และรีบพุ่งออกไปหลายร้อยลี้เพื่อรับการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ต่อไป
การลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ครั้งที่ห้ามาถึงล่าช้า พลังของมันคล้ายกับสี่ครั้งแรก หลี่ฉางโซ่วอดทนและรักษาตัวเองอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ไม่ลืมที่จะเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของศิษย์น้องหญิงของเขา
เวลานี้ เขารู้สึกไม่มั่นคงเล็กน้อยเนื่องจากไม่ได้เตือนศิษย์น้องหญิงให้กินโอสถและใช้คาถาเวทให้ทันการณ์
โชคยังดี…
แม้หลี่ฉางโซ่วจะรู้สึกหดหู่เล็กน้อยหลังจากถูกเต๋าสวรรค์ลงโทษ แต่สถานการณ์ที่หลิงเอ๋อร์ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้น ก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
ความจริงแล้ว ทุกครั้งที่ทัณฑ์สวรรค์ลงมา หลิงเอ๋อร์จะสามารถรักษาพลังเวทของนางไว้ได้บางส่วน ซึ่งใกล้เคียงกับที่หลี่ฉางโซ่วคาดไว้
นี่คือ ศิษย์น้องหญิงที่ข้าเลี้ยงดูมา!
ทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่เจ็ดของหลิงเอ๋อร์ซึ่งผสานกับสายฟ้าสีม่วง ทำให้ภูเขาเบื้องล่างราบเรียบ ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์มีเลือดไหลออกจากหน้าผากและไหล่ และเสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่งเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หลิงเอ๋อร์ได้แบ่งพลังเวทของนางเอาไว้ส่วนหนึ่งและห่อตัวนางเอาไว้อย่างแน่นหนา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนอื่นจะมองไม่เห็นนาง มีแต่ศิษย์พี่เท่านั้นที่จะได้เห็นว่านางข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และกลายเป็นเซียน หรือเป็นเพราะนางรู้สึกว่านางต้องข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และกลายเป็นเซียนให้สำเร็จ และด้วยเหตุนี้ นางจึงรู้สึกเบิกบานใจยิ่ง
ทว่า…ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเชื่อ!
เมื่อทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่แปดมาถึง หลิงเอ๋อร์ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หลังจากกินโอสถวิญญาณระดับสาม และระดับสี่ไปสองสามเม็ด มันก็ช่วยระงับอาการบาดเจ็บของนางได้ทันที
โดยสรุปแล้ว เป็นไปตามคาด ไม่มีอันตรายเท่าใดนัก
ทว่าเมื่อเมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าถล่มลงมาและเผยให้เห็นปรากฏการณ์ของบรรดาเซียนสูงเก้าร้อยจั้ง หลี่ฉางโซ่วที่เพิ่งรอดพ้นมาจากการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ครั้งที่เจ็ดก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
น่าจะมีการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง มีทัณฑ์สวรรค์ไม่มากนักที่มีพลังการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์เหลืออยู่
พลังของทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้ายของศิษย์น้องหญิงนั้นเกินกว่าที่หลี่ฉางโซ่วคาดไว้ …
มันไม่แข็งแกร่ง
หรือว่าเต๋าสวรรค์ได้แบ่งส่วนหนึ่งของพลังแห่งเต๋าสวรรค์มาเปลี่ยนเป็นการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ชั่วคราวเพื่อโจมตีข้า จึงทำให้พลังทัณฑ์สวรรค์ของหลิงเอ๋อร์อ่อนแอลง?
ไม่สำคัญ เพราะอย่างไรเสีย มันก็เป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน
ในขณะนั้น ร่างเต๋าของหลิงเอ๋อร์กว่าแปดส่วน ได้เปลี่ยนเป็นร่างเซียน และตามการคาดการณ์นั้น หลังจากสายฟ้าฟาดสายสุดท้าย รากฐานเซียนของนางก็จะสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
บนท้องฟ้า มีเทพธิดาที่มีร่างพร่ามัวเก้าคน ชูมือขึ้น แล้วลูกทรงกลมสายฟ้าสีม่วงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าร้อยจั้ง ก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ลูกสายฟ้าฟาดลงมา และปรากฏการณ์เทพธิดาทั้งเก้า ก็สลายไปทั่วทั้งร่าง และกลายเป็นเมฆปกคลุมท้องฟ้า แต่ในชั่วพริบตา สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ที่ดูเหมือนจะจมลงดิน ก็ถล่มใส่หลิงเอ๋อร?!
บรรดาศิษย์ทั้งหลายในสำนักตู้เซียน ล้วนกลั้นหายใจ เหล่าศิษย์ที่เพิ่งข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ต่างรู้สึกมึนงงขณะที่พวกเขาร้องอุทานออกมาด้วยความชื่นชม
ยิ่งทัณฑ์สวรรค์แข็งแกร่งเท่าใด เมื่อกลายเป็นเซียนแล้ว ก็จะมีศักยภาพสูงขึ้นมากเท่านั้น
ทัณฑ์สวรรค์ของหลิงเอ๋อรนั้นอันตรายมาก แต่นางมีโอกาสสูงที่จะรอดชีวิตจากมัน…
นางมีลักษณะเป็นเซียนจิน และคู่ควรกับการถูกเรียกขานว่า “เมล็ดพันธุ์อมตะ”
“ศิษย์พี่!”
หลิงเอ๋อร์ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับลูกสายฟ้าบนท้องฟ้า จู่ๆ ก็หันกลับมาทันที แม้นางจะรู้สึกได้ไม่ชัดเจนนักว่า ศิษย์พี่ของนางเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แต่นางก็ไม่อาจระงับแรงกระตุ้นในหัวใจได้ นางรู้ว่าศิษย์พี่ไม่ชอบความเอริก แต่ชอบความเรียบง่าย นางจึงใช้เวจวายุวัจน์เพื่อส่งเสียงเบาๆ ไปหาหลี่ฉางโซ่ว
จากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็หันกลับมาและเผชิญหน้ากับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ร่างสง่างามของนางกระโดดขึ้นจากท้องฟ้าเหนือภูเขา เส้นผมสีดำของนางปลิวสะบัดอย่างรุนแรง และชุดกระโปรงฟูฟ่องของนางก็สั่นกระพือ
นางถือกระบี่และสะบั้นสายฟ้า!
นางพุ่งตรงเข้าสู่สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์และปล่อยพลังเวททั้งหมดของนางออกมา!
“ศิษย์พี่… ข้าจะต้องเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของท่านอย่างแน่นอน…”
ในหลุมลึกที่อยู่ห่างออกไปกว่าสามพันลี้ หลี่ฉางโซ่วนอนอยู่ที่ก้นหลุม บัดนี้ ร่างของเขาเป็นสีดำราวกับถ่าน เขาอ้าปากและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
หากนางจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ นางก็ทำไปสิ เหตุใดถึงต้องมีความรู้สึกมากเช่นนี้?
เจ้ายังกล้าที่จะฝืนวิถีของข้าผ่านสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ และทำตัวสุดยอด เช่นนั้น แผ่นหินบนภูเขาไม่น่าจะเพียงพอให้เจ้าเขียนและเช็ดอีกแล้ว…
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และฟื้นพลังเซียนของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและหายตัวไปจากก้นหลุม
ขณะที่เขากำลังจะรีบกลับไปที่สำนักตู้เซียน และยอดเขาหยกน้อยเพื่อพักฟื้น หลี่ฉางโซ่วก็อุทานออกมาเบาๆ เมื่อสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาตรวจจับได้ว่ามีเสือดำที่แบกเด็กสาวไว้ข้างหลังในทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปเพียงสองพันลี้ มันกำลังเร่งพุ่งผ่านป่ามา เสือดำตัวนี้…
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลี่ฉางโซ่วรู้สึกได้ถึงความลึกลับ
ทว่าในขณะนั้น ร่างหลักของเขาได้รับบาดเจ็บ เขาจะไม่ทำอะไรวู่วาม เขาเพียงส่งรูปจำลองกระดาษที่อยู่ในอาณาจักรอมตะทองคำออกไปง่ายๆ เพื่อต้องการดูว่าเหตุใดปีศาจที่อ่อนแอทั้งสองจึงปรากฏตัวขึ้นที่นั่น เหตุใดเสือดำตัวนี้จึงทำให้ข้า… มีความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ?
………………………………………………………………..