บทที่ 629 ถูกไล่ออกจากสกุลเหยียน

ประมุขเหยียนไม่สนใจคนที่รายล้อมตน เขายังมองไปที่เหยียนเฟยฉวง ด้วยดวงตาที่เย็นชา ทุกอย่างที่นางเอ่ยปาก ล้วนเป็นความทะเยอทะยานของนางทั้งสิ้น มีแต่คำแก้ตัวเพื่อปกปิดใจที่โสมมและโลภของนางเท่านั้น

ในขณะที่คนรอบๆ กำลังเคลื่อนไหวพร้อมกับอาวุธมีดในมือ พลันต้องหยุดชะงักลงเพราะจู่ๆ ก็มีสตรีผู้หนึ่งจับเหยียนเฟยฉวงเอาไว้และใช้มีดจี้ไปที่คอนางเป็นตัวประกัน

เรียกได้ว่าจับโจรก่อนจับฮ่องเต้

ในตอนที่ทุกคนไม่ได้สนใจ ถังหลี่เดินอ้อมไปอยู่ที่ด้านหลังของเหยียนเฟยฉวงเงียบๆ จากนั้นจึงได้จับตัวนางเอาไว้ได้ โดยไม่มีใครคาดคิดว่าสตรีที่ดูอ่อนแอเช่นนี้จะกล้าเคลื่อนไหว พวกเขาจึงไม่มีใครระมัดระวัง

“หากใครเข้ามาใกล้ ข้าจะฆ่านาง!” ถังหลี่พูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง มือจับเหยียนเฟยฉวงไว้แน่น จนนางรู้สึกถึงใบมีดเย็นที่สัมผัสที่คอ พร้อมกับเลือดที่ไหลลงมา นางรับรู้ถึงเจตนาฆ่าได้อย่างชัดเจน!

ดวงตาของเฟยฉวงฉายแววขึ้งโกรธ นางประมาทเกินไป!

ประมุขเหยียนไม่คาดคิดว่าถังหลี่จะเคลื่อนไหว เขาถอนหายใจออกมา สหายของเสี่ยวต้วนช่างเป็นคนที่คาดไม่ถึงจริงๆ

“หากเจ้าหยุดตอนนี้ ข้าจะจัดการทุกอย่างโดยสถานเบา” ประมุขเหยียนพูดขึ้น

ทุกคนมองไปที่ประมุขเหยียน ก่อนจะมองไปที่เหยียนเฟยฉวงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของถังหลี่ สุดท้ายแล้วพวกเขาจึงเลือกที่จะวางมีดลง

“เปิดประตูแล้วเรียกคุณชายใหญ่ คุณชายรอง คุณชายสี่และคุณชายห้ามา” ท่านประมุขออกคำสั่ง

คุณชายห้ามีความสุขมากที่ได้ยินว่าประมุขเหยียนตื่นแล้ว เขารีบวิ่งเข้ามาในห้องลงทัณฑ์ เมื่อเห็นประมุขเหยียนยังมีชีวิตอยู่ เขาดีใจจนรีบวิ่งเข้ามาหา แต่ก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวท่านประมุข เหยียนเสี่ยวต้วนเข้ามาขวางเขาไว้เสียก่อน

“เหตุใดท่านจึงไม่เคารพกฎ” เหยียนเสี่ยวต้วนพูดอย่างไร้ความรู้สึก

คุณชายห้า “………”

เจ้าเด็กสารเลวนี่กล้าพูดเรื่องกฎกับเขา? แต่แล้วเขาก็ได้สติเมื่อคิดถึงความเข้มงวดของท่านประมุขเขารีบพูดขึ้นมาด้วยความเคารพ

“ท่านประมุข”

ประมุขเหยียนพยักหน้า

แม้เขาจะมีใบหน้าที่เย็นชาแต่แววตาที่มองไปเหยียนอู่เยว่เต็มไปด้วยความอบอุ่น

สักครู่ใหญ่ คุณชายใหญ่และคุณชายสี่ก็เข้ามาในห้อง เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องของเหยียนเฟยฉวงต่างรู้สึกประหลาดใจ โชคดีที่เขายังไม่ได้ไปเข้าเป็นพวกเดียวกับนาง

ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าท่านประมุขจะได้สติฟื้นขึ้นมา วันนี้เขาฟื้นขึ้นมาจริงๆ พวกเขาได้แต่หวังว่าท่านประมุขจะไม่ตำหนิและลงโทษเขา

ทั้งสองคนเดินไปทำความเคารพท่านประมุข เหลือเพียงคุณชายรอง…

ความหวังของเหยียนเฟยฉวงฝากไว้กับพี่รองของนาง พวกเขาลงเรือลำเดียวกัน ทั้งคู่ทรยศประมุขเหยียน จึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต่อสู้จนตัวตายเท่านั้น คุณชายรองมีหน้าที่ดูแลกิจการภายในของสกุลเหยียน นางได้แต่หวังว่าเขาจะพลิกสถานการณ์ได้

แต่แล้วนางก็ได้เห็นคุณชายรองถูกมัดมือเดินเข้ามา หัวใจของเหยียนเฟยฮวงจมดิ่งลง

หมดโอกาสแล้ว…

ท่านประมุขเหยียนนั่งลงที่เก้าอี้หลักในห้องลงทัณฑ์ ในขณะที่คุณชายรองและเหยียนเฟยฉวงนั่งคุกเข่ากับพื้นบราวนี่ออนไลน์

“เหยียนเฟยฉวงเจ้าเป็นคนวางพิษหนอนกู่ข้าหรือ? ตอนที่เจ้าออกจากสกุลเหยียน เจ้านำพิษกู่กลับมาด้วยใช่หรือไม่?” ประมุขเหยียนถามอย่างเย็นชา ในมือของเขามีขวดโหลใส มองเห็นหนอนกู่ตัวอ้วนน่าเกลียดสองตัว

“หนอนกู่พวกนี้เดิมทีขนาดเท่ามด แต่ที่มันเติบโตได้ถึงเพียงนี้เพราะได้ดื่มเลือดของข้าเข้าไป”

ประมุขเหยียนกวาดสายตามองคนในห้อง

“เจ้าทำดีมากเหยียนเฟยฉวง!”

เหยียนเฟยฉวงมองหนอนกู่แต่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ก่อนหน้านี้พี่ชายของนางปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดีมาตลอด จนกระทั่งสตรีผู้นั้นปรากฎตัวขึ้น ความคิดที่พี่ชายมีต่อนางจึงเปลี่ยนไป หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน พี่ชายของนางก็สนใจแต่หญิงผู้นั้น ไม่นานก็มีเหยียนเสี่ยวต้วน…

หลายครั้งที่นางมองสามคนพ่อแม่ลูกมีความสุข เหยียนเฟยฉวงรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นเร่าด้วยความริษยา การที่นางใช้หนอนกู่เป็นเพราะว่าเหยียนเฟยฉวงอกหักจากพี่ชายตัวเอง นางเป็นน้องสาวของเขา เขาจะไม่สนใจนางได้อย่างไร?

“เจ้าไม่เพียงเล่นงานข้าแต่ยังอนุญาตให้เหยียนโจวละเมิดกฎสกุลเหยี่ยนไปช่วยต้าโจวทำอาวุธ กฎสิบข้อแรกของตระกูลถูกเขาฝ่าฝืน เฟยฉวงในฐานะที่เจ้าเป็นผู้คุมกฎเจ้าย่อมรู้บทลงโทษใช่หรือไม่”

การลงโทษนั้นหากละเมิดกฎมากกว่าหนึ่งข้อ จะต้องถูกลงโทษทีละข้อ แต่การลอบสังหารประมุข และการผลิตอาวุธปืนถือเป็นกฎที่ร้ายแรงที่สุด คนผู้นั้นจะต้องถูกขับไล่ออกจากสกุล

หากถูกไล่ออกจากสกุลไปก็เท่ากับตัวเปล่าไม่เหลืออะไรอีกเลย บทลงโทษนี้จึงร้ายแรงกว่าข้ออื่นมากนัก

“ท่านประมุข ข้า…ข้าผิดไปแล้ว อย่าไล่ข้าออกจากสกุลเหยียนเลย ข้ายินดีรับบทลงโทษทุกอย่าง” เหยียนเฟยฉวงพูดด้วยน้ำเสียงแห้งผาก

“เจ้าเป็นผู้คุมกฎ เจ้าจะละเมิดกฎเสียเองหรือ?” ประมุขเหยียนถามกลับ

“แต่ข้าเป็นน้องสาวของท่าน เป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน!” เสียงของเหยียนเฟยฉวงดังขึ้น

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าไม่มีสิทธิละเมิดกฎสกุลเหยียน!”

“หากนางทำผิดกฎเล่า ท่านจะใช้กฎปฏิบัติกับนางหรือไม่?” เหยียนเฟยฉวงชี้ไปที่ฮูหยินเหยียน

“แน่นอน” เขาพยักหน้า เหยียนเฟยฉวงแทบไม่เชื่อ!

“ข้าจะไม่ละเมิดกฎของสกุลเหยียน ในฐานะภรรยาของท่านประมุข ข้าต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง” ฮูหยินเหยียนกล่าว นางจะไม่ทำให้สามีของตนต้องอับอาย

ในทางกลับกันเหยี่ยนเฟยฉวงคิดว่านายท่านเหยียนไม่เห็นคุณค่าหรือความสัมพันธ์ของพี่น้อง นางไม่เคยคิดว่าเป็นความผิดของตนเอง

หากคิดที่จะละเมิดกฎก็ควรคิดถึงจุดจบเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ประมุขเหยียนจัดการกับเหยียนเฟยฉวงและคุณชายรองอย่างไร้ความเมตตา การลงโทษโดยกระดานของคนทั้งสองแตกต่างกันออกไป แต่การลงโทษใหญ่กว่านั้นคือการถูกขับไล่ออกจากสกุลเหยียน!

พวกเขาโดนลบออกจากแผนผังของสกุล แม้จะอ้อนวอนขอความเมตตามากสักเพียงไหน แต่ก็ยังถูกลากออกไปอยู่ดี

ประมุขเหยียนยังคงสั่งการต่อ ตอนนี้เขาเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการลงโทษชั่วคราว กิจการภายในสกุลถูกส่งต่อให้เหยียนอู่เยว่และเหยียนเสี่ยวต้วน หากเป็นเมื่อก่อนเหยี่ยนเสี่ยวต้วนคงไม่อยากรับผิดชอบ ทั้งยังเมินหน้าหนี แต่ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมากแล้ว

เขารู้ว่าบิดาของเขาเหนื่อยมาก เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก การที่เขาช่วยกิจการในบ้านได้ ย่อมเป็นการแบ่งเบาภาระของบิดา เขาจึงยอมรับอย่างเต็มใจ

เหยียนเสี่ยวต้วนเป็นหนึ่งในสายเลือดของสกุลเหยียน ไม่เพียงแต่ได้รับผลประโยชน์จากสกุลเหยียนเท่านั้น แต่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสกุลเหยียนอีกด้วย หลังจากที่ท่านประมุขจัดการทุกอย่างจนเกือบเรียบร้อยแล้ว เขาดูอ่อนล้า

“ท่านประมุข จัดการกับคนที่เหลือภายหลังดีหรือไม่?”

เขาพยักหน้าตกลง

ฮูหยินเหยียนช่วยพยุงสามีกลับไปยังห้องพัก ถังหลี่และหมอซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งสองคนเคยตกเป็นนักโทษ แต่ตอนนี้สถานะของพวกเขาเปลี่ยนไป ทั้งคู่ถูกเชิญเข้าที่พักในฐานะแขกผู้มีเกียรติ มีบ่าวรับใช้หลายคน คุณชายสี่กลับไปยังที่ของตนเช่นกัน แม้ภายนอกเขาจะดูสงบแต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องคุณชายสี่ก็แสดงอาการหวาดกลัวออกมา

“คนดี ข้ากลัวแทบตาย ท่านประมุขฟื้นขึ้นมาจริงๆ โชคดีเหลือเกินที่ข้าไม่ไปเข้าร่วมกับเฟยฉวง” คุณชายสี่เดินไปหาสตรีที่นั่งอยู่หน้ากระจก พยายามกอดนางจากด้านหลัง แต่นางเบี่ยงหลบ เขามองสตรีที่สูงพอๆ กับตนเอง ใบหน้างดงามของนางทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง คุณชายสี่ตกหลุมรักสาวงามผู้นี้ตั้งแต่แรกเห็น แม้เขาจะอยากจูบนางมากเท่าไหร่แต่สาวงามคนนี้อนุญาตให้เพียงแค่กอดและจับมือเท่านั้น ถึงทั้งคู่จะไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แต่คุณชายสี่ตกหลุมรักนางมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะความปรารถนาในตัวนางก็เป็นได้

“มาดื่มฉลองกับความโชคดีของข้ากันเถอะ?” ดวงตาของเขาหลุกหลิก เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาแอบแฝง

“หากเจ้าไม่ดื่มกับข้า ข้าจะไปหาหญิงอื่น” คุณชายสี่ขู่

เป่ยเหยียนมองเขากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม

ก่อนหน้านี้ด้วยสถานการณ์บังคับทำให้เขาต้องรับสถานะเป็นอนุฯในสกุลเหยียน แต่ตอนนี้ประมุขเหยียนฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาไม่จำเป็นที่จะต้องแสร้งเป็นสตรีอีกต่อไป เหตุผลที่เป่ยเหยียนยังคงสวมเสื้อผ้าสตรีอยู่ก็เพราะเขาอยากให้คุณชายสี่ประหลาดใจ เผื่อเป็นการตอบแทนกับสิ่งที่เขาได้รับ

“คุณชายสี่มานี่สิ ข้าจะให้ท่านดูของรักของข้า” เป่ยเหยียนเป็นคนประหลาด ไม่เพียงแค่ปลอมตัวเป็นสตรีได้งดงาม แต่ยังเสียงยังไพเราะเช่นสตรีอีกด้วย คุณชายสี่เข้าไปหาเขาอย่างงุนงง

“ของรัก?”

มือของเป่ยเหยียนปลดผ้ารัดเอวของตัวเองออก ดวงตาของคุณชายสี่เบิกกว้างทันที เขาจ้องมองไปอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ

สาวงามเป็นฝ่ายกระตือรือร้นเสียเอง หาได้ยากนัก!

“คุณชายสี่ ท่านดูสิ!” รอยยิ้มของใบหน้าเป่ยเหยียนลึกขึ้นพริบตาต่อมาคุณชายสี่เหมือนถูกฟ้าผ่า!

——————————-