ตอนที่ 587 โดนตบหน้าไม่ทันตั้งตัว
หลายเดือนมานี้หยวนเจี๋ยมุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิม แม้แต่หยวนฝูเหรินก็ยังรู้สึกสงสาร กอปรกับได้รับคำชี้แนะจากท่านอาจารย์ปู่ เขาจึงคิดว่าการสอบติดหนึ่งในสามอันดับแรกคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ใครจะคิดว่าผลที่ออกมาทำให้เขาตกใจมากเพียงนี้
มองผู้แจ้งข่าวทยอยเดินเข้ามา แต่ไม่มีชื่อของเขาถูกเอ่ยถึง หัวใจของหยวนเจี๋ยจึงรู้สึกหนักอึ้งเรื่อย ๆ อันดับของเขาคงไม่ร่วงลงจากสิบสองอันดับแรกหรอกกระมัง ? หากเป็นเช่นนั้นเขาจะมีหน้าไปพบอาจารย์ปู่กับท่านพ่อได้อย่างไร ?
“หยวนเจี๋ยแห่งเมืองซูโจว ได้อันดับห้า…” ผู้แจ้งข่าวมาถึงล่าช้า หยวนเจี๋ยได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยังดีที่ติดสิบอันดับแรก เขาได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ปู่นานเกือบครึ่งปียังทำได้แค่อันดับห้าเท่านั้น การสอบรอบนี้เหมือนที่บิดากล่าวไว้ไม่มีผิด มียอดฝีมือเข้าร่วมมากมาย ! แต่สามารถรวมรุ่นกับเหล่าผู้เก่งกาจมากมายเช่นนี้ได้ ก็มีความสุขแล้วไม่ใช่หรือ ?
บนโต๊ะนี้มีบัณฑิตภาคเหนืออีกสองคนสอบติด หนึ่งในนั้นก็คือเฝิงชิวฟานซึ่งได้อันดับที่ 162 เดิมทีการสามารถผ่านเข้าไปสอบเป็นจิ้นซื่อก็คือสิ่งที่บัณฑิตทุกคนถวิลหา แต่พอเห็นเจียงโม่หานที่ยากจนและเขาเคยดูถูกสอบได้อันดับหนึ่ง ความยินดีภายในใจของเฝิงชิวฟานก็ลดลงทันที
โต๊ะนี้มีผู้แจ้งข่าวดีอย่างต่อเนื่อง มีบัณฑิตติดอันดับทั้งหมด 7 คน เหล่าบัณฑิตโต๊ะอื่น ๆ ในห้องโถงต่างก็มองมาด้วยสายตาอิจฉาริษยา บัณฑิตที่ติดอันดับล้วนกินขนมอันหอมหวานอย่างเอร็ดอร่อย องค์หญิงเว่ยเว่ยจองโต๊ะในห้องโถง ช่างเป็นการตัดสินใจถูกต้องจริง ๆ ช่างมีความสุขยิ่งนัก !
บัณฑิตที่นั่งริมหน้าต่างคนหนึ่งเอ่ยด้วยความอิจฉาว่า “บัณฑิตเจียงได้อันดับหนึ่งแล้วไม่เลี้ยงอะไรสักหน่อยหรือ ? พวกเราจะได้โชคดีตามไปด้วย”
ไม่รู้ว่าคนผู้นี้ได้ยินมาจากไหนว่าเจียงโม่หานเป็นบัณฑิตยากจนของภาคเหนือ ดังนั้นเขาจึงไม่พอใจที่บัณฑิตจากภาคเหนือเอาชนะบัณฑิตจากภาคใต้อย่างพวกเขาและได้อันดับหนึ่งไปครอง เขาจึงอยากให้เจียงโม่หานอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะวันนี้หอจอหงวนมีบัณฑิตมารวมตัวกันหลายร้อยคน ต่อให้เลี้ยงน้ำชาคนละถ้วยก็ไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตยากจนสามารถจ่ายไหว !
หลินเว่ยเว่ยเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว นางจึงปรบมือและเอ่ยกับเหล่าบัณฑิตในห้องโถงว่า “บัณฑิตเจียงจากอำเภอเป่าชิงขอเลี้ยงของหวานจากร้านเถียนมี่ฉือกวง ! ”
หยาเอ๋อร์ที่รออยู่ด้านนอกตั้งแต่ต้นก็พาบ่าวรับใช้ของตำหนักหมินอ๋องให้ยกตะกร้าขนมเข้ามา ขนมทั้งหมดล้วนบรรจุในกล่องที่ประณีต ภายในมีขนมสี่ชนิดไม่ซ้ำกัน ล้วนเป็นขนมขายดีของร้านเถียนมี่ฉือกวงทั้งสิ้น
คนที่เคยซื้อก็ล้วนรู้ดีว่าขนมในกล่องของขวัญเช่นนี้ของร้านเถียนมี่ฉือกวงมีราคาถึงห้าตำลึงเลยทีเดียว ในห้องโถงของหอจอหงวนแค่เฉพาะบัณฑิตที่รอการประกาศผลก็มีสองร้อยหกสิบกว่าคนแล้ว คนละหนึ่งกล่องนับรวมกันก็เป็นเงินหนึ่งพันสามร้อยกว่าตำลึงเลยทีเดียว ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ได้อันดับหนึ่งคนใดใจป้ำขนาดนี้มาก่อน ที่สำคัญคือขนมนี้มีเงินก็ใช่ว่าจะสามารถซื้อได้ !
“มีส่วนของพวกเราด้วยหรือ ? ” บัณฑิตที่นั่งโต๊ะเดียวกับหลินเว่ยเว่ยก็ได้รับกล่องขนมด้วยเช่นกัน ส่งผลให้บัณฑิตที่ไม่ติดอันดับเหมือนได้รับการปลอบโยนไปด้วย…ขนมหวานช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่หลินเว่ยเว่ยเตรียมขนมมานั้น เจียงโม่หานไม่รู้มาก่อน เช่นนั้นเขาคงห้ามนางไปแล้ว นี่เป็นการโอ้อวดเกินไปกระมัง ผลสอบก็ได้ทราบแล้ว เจียงโม่หานจึงไม่อยากนั่งที่นี่ต่อเพื่อให้ถูกมองอีก จึงเอ่ยลาเหล่าบัณฑิตที่นั่งร่วมโต๊ะพลางนัดแนะว่าวันหน้าค่อยพบกันใหม่ จากนั้นก็ลากหลินเว่ยเว่ยและหลินจื่อเหยียนออกมาจากหอจอหงวน
“หืม ! ฮุ่ยหยวน (ผู้สอบได้อันดับหนึ่ง) ในการสอบครั้งนี้ชื่อเจียงโม่หานอย่างนั้นหรือ? เป็นผู้เขียนตำรา ‘คำอธิบายเก้าบทสำหรับศิลปะคณิตศาสตร์’ และ ‘ชุดแบบทดสอบคณิตศาสตร์เก้าบท’ ใช่หรือไม่ ? คาดไม่ถึงว่าผู้เขียนตำราสองเล่มนี้จะเป็นผู้เข้าสอบปีเดียวกับพวกเรา ไม่น่าล่ะ เขาถึงได้อันดับหนึ่ง ! ”
“จริงหรือ ? เมื่อครู่เหตุใดข้าไม่ทันคิดว่าสองคนนี้คือคนเดียวกัน ? ที่สำคัญเขายังอายุน้อยมาก ดูไม่เหมือนคนที่สามารถเขียนตำราออกมาได้…”
แม้แต่บัณฑิตที่ได้อันดับสามและอันดับสี่ก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย หากทราบว่าผู้ที่ได้อันดับหนึ่งเป็นผู้เขียนตำราคณิตศาสตร์ทั้งสองเล่มนี้ตั้งแต่แรก พวกเขาคงจะเข้าไปขอบคุณ หากไม่เป็นเพราะตั้งใจอ่านตำราสองเล่มนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการสอบของพวกตนจะออกมาเป็นเช่นไร !
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก เนื่องจากพรสวรรค์ด้านบทกวีของเขาก็ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน บทกวีที่เขาแต่งยังถูกนักประพันธ์กวีชื่อดังอย่างอาจารย์หลิ่วยกย่อง ! บทกวีที่เขาประพันธ์ในงานชุมนุมบัณฑิตทุกครั้ง เมื่อคัดลอกออกมาเผยแพร่ก็ล้วนได้รับผลตอบรับจากเหล่าบัณฑิตอย่างมาก ! ”
“ตำราคณิตศาสตร์สองเล่มของเขาก็ขายดีทั้งในเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียง ถึงขั้นตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง ได้ยินว่าเขายังได้รับส่วนแบ่งด้านยอดขายจากร้านโม่เซียงอีกด้วย เมื่อครู่ใครบอกว่าเขาเกาะองค์หญิงเว่ยเว่ยกิน ? แค่ยอดขายตำราของเขาก็สามารถเลี้ยงขนมทุกคนได้เหลือเฟือแล้ว ! ”
“พวกเจ้าคงไม่ทราบกระมัง ? เขาก็คือปราชญ์ชนบท ภาพวาดของเขาได้รับความนิยมในเมืองหลวงเป็นอย่างมาก แค่ภาพบนพัดหนึ่งอันก็ขายได้ห้าสิบตำลึงแล้ว มีคนไม่น้อยถือเงินไปขอซื้อภาพวาดของเขา แต่ซื้อไม่ได้ก็มี ตอนนี้มาคิดแล้วเขาเก็บตัวเพื่อเตรียมสอบ ไฉนเลยจะมีเวลามาวาดภาพกัน ? ”
……
……
บัณฑิตจากแดนใต้ที่ต้องการกลั่นแกล้งเจียงโม่หานผู้นั้นก็อับอายจนหน้าแดงก่ำไปหมด เขาจึงรีบจ่ายเงินแล้วหลบออกไปทันทีราวกับโดนตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว !
เหล่าบัณฑิตที่ผ่านการสอบครั้งนี้ หลังจากมีความสุขอยู่ไม่กี่วันก็กลับสู่ความสงบอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวในการสู้ครั้งสุดท้าย โดยจะต้องแสดงความสามารถของตนออกมาอย่างเต็มที่ในการสอบรอบสุดท้ายนี้
การสอบเตี้ยนซื่อจัดขึ้นในปลายเดือนสี่ การสอบครอบคลุมความรู้ทั้งบุ๋นและบู๊ เพื่อให้เหมาะสมต่อการเป็นขุนนางรับใช้ฮ่องเต้ การตอบคำถามต่อหน้าพระพักตร์จะต้องอาศัยจิตใจที่เข้มแข็งอย่างมาก โดยเฉพาะผู้เข้าสอบที่ได้ยี่สิบอันดับแรก เพราะต้องตอบคำถามอย่างชิดใกล้สายพระเนตร ฉะนั้นพวกเขาจะตื่นเต้นมากเพียงใด !
ไม่ ! ไม่ตื่นเต้น ! มือห้ามสั่นเด็ดขาด ! ไม่เช่นนั้นอาจกระทบต่อผลคะแนนได้ ไม่แน่ว่าฮ่องเต้อาจตรวจกระดาษคำตอบของพวกตนด้วยพระองค์เอง จึงต้องนิ่งเข้าไว้ แสดงด้านดีที่สุดของตัวเองออกมา !
ตำแหน่งที่นั่งของเจียงโม่หานอยู่ใกล้ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางมากที่สุด เขาเพียงมองไปรอบกายเล็กน้อย ล้วนเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาในชาติที่แล้วจึงไม่มีอะไรน่าตกใจ เมื่อกระดาษถูกแจกมาให้ เขาก็จรดปลายพู่กันลงไปทันทีด้วยความสงบนิ่ง…
ช่างชูแห่งกรมโยธาธิการและช่างชูแห่งกรมคลังมองเขาด้วยสายตาราวกับหมาป่าหิวโหยที่จ้องตะครุบเหยื่อ ทั้งยังถลึงตาใส่กันเป็นระยะอีกด้วย ‘ห้ามมาแย่งข้า ! ’ ขุนนางที่อยู่ด้านข้างก็ทำเพียงปรายตามองพวกเขาเท่านั้น ‘คนผู้นี้คือฮุ่ยหยวน ต้องเข้าสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน แล้วพวกท่านจะแย่งกันทำไม ? ’
ฮ่องเต้หยวนชิงเห็นผู้เข้าสอบด้านข้างเจียงโม่หานต่างมีท่าทางตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูก ทว่ามีเพียงเจียงโม่หานเท่านั้นที่ยังสงบนิ่งเหมือนอยู่ในห้องหนังสือของบ้านตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมอยู่ในหทัย ‘สมกับที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหยูอัน แค่ความหนักแน่นก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว คาดไม่ถึงว่าเจ้าคนไร้สมองอย่างหยูอันจะมีบุตรชายเรียนเก่งเช่นนี้ เจ้าคนไร้สมองดื้อรั้นรับองค์หญิงเว่ยเว่ยเป็นบุตรสาว แต่ไม่ยอมรับบุตรชายแท้ ๆ ของตน ! ’
ฮ่องเต้หยวนชิงค่อย ๆ ลุกขึ้นพลางไพล่สองหัตถ์ไว้ด้านหลัง ก่อนจะดำเนินลงไปตรงกลางเหล่าผู้เข้าสอบ บุรุษในอาภรณ์สีน้ำเงินนี้คงเป็นบุตรของช่างชูแห่งกรมโยธาธิการกระมัง ? เฮอะ ! สมาธิยังไม่ดีพอ พระองค์เพิ่งมายืนข้างกายเด็กคนนี้ อีกฝ่ายก็ทำน้ำหมึกหยดบนกระดาษร่างคำตอบเสียแล้ว
อันดับห้า บุตรชายของบัณฑิตหยวนแห่งสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน ? เฮอะ เฮอะ ! มือจะสั่นไปถึงไหนกัน ? เจิ้นไม่ได้จะงับศีรษะเจ้าเสียหน่อย !
ฮ่องเต้หยวนชิงค่อย ๆ ดำเนินมายังข้างกายของเจียงโม่หาน เมื่อเงาของพระองค์ปกคลุม หนุ่มน้อยอายุ 16 ปีผู้นี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นสบสายพระเนตรกับฮ่องเต้หยวนชิงเล็กน้อย จากนั้น…เจ้าเด็กคนนี้ก็ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก้มหน้าตอบคำถามต่อ ตัวอักษรที่จรดลงไปไม่มีการแก้ไขแม้แต่น้อย !