ตอนที่ 1157 เมืองหลวงตกอยู่ในวิกฤต (2) / ตอนที่ 1158 เมืองหลวงตกอยู่ในวิกฤต (3)
ตอนที่ 1157 เมืองหลวงตกอยู่ในวิกฤต (2)
เขาไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่เขาจะได้มาพร้อมชุดมังกรทองนั้นไม่ใช่แค่สถานะและอำนาจ แต่เขายังต้องรับผิดชอบความอยู่รอดของรัฐชีด้วย เขาไม่เคยรู้เลยว่าประชาชนของรัฐชีจะออกมาช่วยเหลือในสถานการณ์แบบนี้!
ในตอนนี้มั่วเฉี่ยนยวนรู้สึกภูมิใจมาก เขาภูมิใจที่ได้เกิดมาในรัฐนี้!
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาก็คือการได้เป็นฮ่องเต้แห่งรัฐชี!
เขาภูมิใจในประชาชนของรัฐชี ภูมิใจในทหารของกองทัพของรัฐชี!
ถึงรัฐชีจะเล็ก แต่ทุกคนในรัฐชี ทั้งทหารและประชาชน ต่างก็ช่วยกันปกป้องรัฐของพวกเขา!
ปกป้องศักดิ์ศรีของรัฐชี!
กองทัพเช่นนี้ ประชาชนเช่นนี้ ช่างหายากและล้ำค่ามากเหลือเกิน
ต่อให้รัฐชีล่มสลาย คนของรัฐชีก็จะไม่ก้มศีรษะให้ใคร!
ยอมตายดีกว่าต้องอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี!
“หลินอ๋อง! ประตูเมืองจะทนไม่ไหวแล้วขอรับ!” ทหารคนหนึ่งที่กำลังดันประตูอยู่ตะโกนบอกจวินเสี่ยนที่สั่งการอยู่ในเมือง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว ความกลัวที่ไม่ได้มาจากการที่เขากำลังจะเผชิญหน้ากับศัตรูและจะพบกับความตายที่กำลังใกล้เข้ามา แต่มาจากความสิ้นหวังหวาดกลัวที่รัฐของเขากำลังจะล่มสลาย!
ตั้งแต่รัฐชีก่อตั้งขึ้นมา พวกเขาได้เห็นสงครามทั้งใหญ่และเล็กมามากแค่ไหนกัน พวกเขาได้ผลักดันกองทัพที่แข็งแกร่งกว่ากลับไปเท่าไรแล้ว ถึงพวกเขาจะไม่ใช่รัฐที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็มีความเชื่อของตัวเอง พวกเขาปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาด้วยความเชื่อที่ไม่เคยสั่นคลอนว่ารัฐของพวกเขาต้องไม่ล่มสลาย!
หลังจากดิ้นรนผ่านสงครามในตอนก่อตั้งรัฐมาได้ ในที่สุดพวกเขาก็มีช่วงเวลาที่สงบสุข แต่ตอนนี้…ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้วหรือ
พวกเขาไม่ยอม!
ยอมไม่ได้เด็ดขาด!
จวินเสี่ยนขมวดคิ้วจนย่น ถ้าประตูเมืองแตก พวกทหารในเมืองจะสามารถรับมือพวกข้าศึกได้นานแค่ไหน
ทหารกองทัพรุ่ยหลินที่เหลืออยู่ก็มีไม่มาก ทหารของกองทัพรัฐชีก็ลดลงเรื่อยๆ
พวกเขาจะสามารถผ่านวันนี้ไปได้หรือเปล่า
จวินเสี่ยนไม่อาจแน่ใจ เขาผ่านสงครามมามาก มีจิตวิญญาณของทหารอยู่ในสายโลหิต แต่ในยามที่รัฐอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถคิดหาทางออกใดๆ ได้เลย
“ทหารกองทัพรุ่ยหลินทุกคนฟังคำสั่ง!” จู่ๆ จวินเสี่ยนก็ก้าวออกมา!
ทหารกองทัพรุ่ยหลินทุกคนที่อยู่ในเมืองซึ่งรอดชีวิตมาได้อย่างน่าอัศจรรย์หันไปมองจวินเสี่ยน
“ตั้งแต่วันที่กองทัพรุ่ยหลินก่อตั้งขึ้นมา ข้ากับอดีตแม่ทัพคนอื่นๆ ก็รู้มาตั้งแต่ตอนนั้นว่ากองทัพนี้จะปกป้องแผ่นดินของรัฐชีตลอดไป ในยามที่รัฐชีตกอยู่ภาวะวิกฤตเช่นนี้ สงครามครั้งนี้จะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของกองทัพรุ่ยหลิน! ตลอดชีวิตของข้า จวินเสี่ยน ความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าก็คือการได้เป็นผู้บัญชาการพวกเจ้าทุกคน ชายชาติทหารที่จงรักภักดีและเข้มแข็งกล้าหาญเช่นพวกเจ้า! วันนี้ ต่อให้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ต่อให้เป็นโลหิตหยดสุดท้าย! จงอย่าทำให้ชื่อของกองทัพรุ่ยหลินต้องเสื่อมเสีย! ถึงรู้ว่าหลังจากวันนี้ไปชื่อของกองทัพรุ่ยหลินจะไม่เหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว เราก็ต้องทำให้ทุกคนทั่วแผ่นดินนี้จดจำให้ได้! ว่ารัฐชีเคยมีกองทัพที่โจมตีได้ดุดันและห้าวหาญที่สุด กองทัพที่ทำให้ศัตรูต้องหวาดกลัว! กองทัพที่ไม่เคยยอมแพ้! ในการรบช่วงสุดท้ายนี้ จงแสดงความกล้าหาญของกองทัพรุ่ยหลินออกมาให้ทุกคนได้เห็น!” จวินเสี่ยนเงยหน้า สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขายืนอยู่ท่ามกลางสายลมแรง ดูเหมือนเขาจะย้อนกลับไปยังอดีตในช่วงอายุยี่สิบกว่าปีซึ่งเป็นช่วงสูงสุดของเขาที่ทั้งกล้าหาญและน่าเกรงขามในยามที่นำกองทัพรุ่ยหลินที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่เข้าสู่สนามรบ!
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” พื้นถึงกับสั่นสะเทือนจากเสียงคำรามของทหารกองทัพรุ่ยหลิน!
พวกเขาไม่กลัวตาย และยินดีที่จะเข้าสู่สนามรบ!
พวกเขาเกิดมาพร้อมจิตวิญญาณของทหาร ถูกกำหนดมาให้ต่อสู้ในสนามรบที่นองเลือด!
เกิดมาเพื่อรบ ตายในสนามรบ นั่นคือช่วงเวลาสุดท้ายแห่งเกียรติยศของพวกเขา!
เสียงตะโกนอย่างฮึกเหิมของกองทัพรุ่ยหลินทำให้ผู้คนรอบๆ พลอยรู้สึกฮึกเหิมไปด้วย เสียงตะโกนท้าทายนั้นแสดงให้เห็นถึงการสู้ไม่ถอยของกองทัพรุ่ยหลิน!
จวินเสี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาสบตากับจวินชิงที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง จวินชิงพยักหน้าและส่งยิ้มให้กับบิดาของเขา
จวินเสี่ยนละสายตาและชักดาบออกมา เขาหันไปทางประตูเมืองพร้อมกับจมลงสู่ห้วงอารมณ์ความรู้สึกภายในจิตใจในช่วงเวลาสุดท้าย
ตอนที่ 1158 เมืองหลวงตกอยู่ในวิกฤต (3)
ด้านนอกเมืองหลวงรัฐชีที่แนวหลังของกองทัพสามรัฐ แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วนั่งควบคุมดูแลการบุกโจมตีทั้งหมดพร้อมกับหรี่ตาลงมองเมืองที่ปกคลุมด้วยไฟสงคราม ข้างกายเขามีชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดสีขาวนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทางสบายๆ เขามองความโกลาหลที่สร้างความเสียหายให้กับเมืองหลวงพร้อมกับยิ้มอย่างเฉื่อยชา
“รัฐเล็กๆ แค่นี้ พวกเจ้าถึงกับต้องลงแรงกันมากถึงขนาดนี้เชียว นี่น่ะหรือระดับความแข็งแกร่งของรัฐจิ้ว” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นพูดขึ้น เขามองแม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วด้วยสายตาดูถูกโดยไม่มีทีท่าเกรงใจเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วก็ไม่กล้ามีปากเสียงกับคำถามเย้ยหยันของชายหนุ่มคนนั้น เขาพูดแค่ว่า “ถึงรัฐชีจะเล็ก แต่ก็เคี้ยวยากที่สุดในบรรดารัฐทั้งหมดเลยนะ พื้นที่ของมันน้อยกว่าหนึ่งในห้าของรัฐจิ้ว แต่พวกเขามีกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ ถ้าไม่มีกองทัพนั้นละก็ ถูกรุมโจมตีขนาดนี้ รัฐชีหมดปัญญาป้องกันตัวเองไปนานแล้ว”
ถึงแม้ว่ารัฐชีกำลังจะแพ้ แต่แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วก็รู้สึกนับถือกองทัพที่ดุดันห้าวหาญที่สุดนี้มาก ต่อให้รัฐชีล่มสลายในวันนี้ กองทัพรุ่ยหลินก็ยังมีเกียรติและน่ายกย่อง
การล่มสลายของรัฐไม่ใช่ความผิดของพวกเขา แต่เป็นเพราะความโง่เขลาของฮ่องเต้องค์ก่อนต่างหาก
“เหอะ ก็แค่ข้ออ้าง ข้าไม่เชื่อหรอก ในสถานที่แบบนี้จะไปมีของอย่างจิตวิญญาณทหารผู้ไม่ยอมแพ้อยู่ได้อย่างไร ข้าว่าเป็นเพราะพวกเจ้าอ่อนแอเกินไปมากกว่าถึงต้องรวมกำลังสี่รัฐเข้าโจมตีรัฐเล็กๆ แบบนี้ แถมยังต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน พวกเจ้านี่มันสวะไร้ประโยชน์แท้ๆ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดเยาะเย้ย
แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วขมวดคิ้ว เขาพยายามระงับโทสะที่เดือดพล่านอยู่ในใจ
“สิ่งที่ข้าสัญญาไว้กับท่านจะต้องสำเร็จแน่”
ชายหนุ่มคนนั้นเหลือบมองแม่ทัพใหญ่ด้วยหางตาและพูดว่า “ต้องไม่พอใจด้วยหรือ ข้อตกลงนี้เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ของเจ้าอ้อนวอนให้พวกเราตกลงด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาขอร้อง ก็ยังมีคนอีกมากมายที่เต็มใจทำงานให้กับพวกเรา ไม่มีรัฐจิ้วของพวกเจ้า เราก็ไปหารัฐเหยียนได้ ยิ่งกว่านั้นข้อตกลงนี้รัฐจิ้วก็ไม่มีอะไรให้เสียสักหน่อย กวาดล้างรัฐชีเล็กๆ แค่นี้เราก็สามารถได้สิ่งที่ตามหาแล้ว ส่วนรัฐของเจ้าก็สามารถได้อำนาจที่มากขึ้น แล้วทำไมถึงจะไม่ทำเล่า”
“พวกท่านกำลังหาอะไรอยู่” แม่ทัพใหญ่ถามตะกุกตะกักขณะที่มองชายหนุ่มคนนั้น อายุของชายหนุ่มคนนั้นดูเหมือนจะแค่ยี่สิบต้นๆ เท่านั้น แต่พลังของเขาแข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่เก่งที่สุดในรัฐของเขาก็ไม่รอดเมื่อเจอการโจมตีจากชายหนุ่มคนนั้นแค่ครั้งเดียว คนพวกนั้นมาหาฮ่องเต้แห่งรัฐจิ้วและทำข้อตกลงลับๆ กันซึ่งเขาไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย รู้แค่ว่าภารกิจของพวกเขาคือการทำลายรัฐชี และหลังจากที่เมืองหลวงรัฐชีล่มสลายแล้ว พวกเขาจะช่วยชายหนุ่มคนนี้ค้นหาของบางอย่าง
ชายหนุ่มตอบว่า “นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรถาม”
แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วกัดฟันและก้มหน้าลง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงเอะอะอึกทึกก็ดังขึ้นจากด้านหลังของกองทัพพวกเขา!
แม่ทัพใหญ่รัฐจิ้วหันกลับไปมองและเห็นว่าจู่ๆ ก็มีกองทัพพุ่งเข้าใส่กองทัพสามรัฐจากทางด้านหลัง!
พูดให้ถูกนั่นไม่อาจนับว่าเป็นกองทัพจริงๆ ได้ คนทั้งหมดในกองทัพนั่นคือประชาชนของรัฐชี พวกเขาสวมเกราะที่ทำจากไม้ไผ่ ในมือถือดาบและมีดหลากชนิด บางคนถือเครื่องมือทำไร่ไถนาที่เทอะทะ พวกเขาวิ่งมาอย่างไม่เป็นระเบียบและกระจัดกระจายพลางตะโกนขณะที่พุ่งเข้าใส่ค่ายของกองทัพสามรัฐ
ชายหนุ่มคนนั้นมองกลุ่มคนที่หลากหลายนี้อย่างงุนงง และพูดด้วยเสียงที่เหมือนว่าเขาได้เจอเรื่องที่ตลกมาก “ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆ! นี่หรือรัฐชี ฮ่าๆๆ! นี่หรือกองทัพของรัฐชี ให้ตายเถอะ! นี่เป็นกองทัพที่ตลกที่สุดที่ข้าเคยเห็นมาเลย!”
แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วรู้สึกตกใจมาก “นั่นไม่ใช่กองทัพของรัฐชี แต่เป็นประชาชนของรัฐชีต่างหาก”