บทที่ 551 พัสดุที่ลึกลับ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“อื้ม แน่นอนอยู่แล้ว” วารุณีพยักหน้า

หลังจากนั้น ทั้งสองก็พูดอะไรบางอย่าง จึงจะจบการสนทนา

หลังจากที่วารุณีเก็บโทรศัพท์ โบกรถคันหนึ่งแล้วออกไป

หลังจากที่รถแท็กซี่ขับจากไป ในทางที่ไม่ไกลมากนัก มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง ลดกระจกหลังลงกะทันหัน

ในกระจกรถ นวิยามองไปทางที่วารุณีจากไปด้วยสีหน้าที่มืดมน ภายในตาเต็มไปด้วยความอาฆาต

ทันใดนั้น น้ำเสียงที่เย็นชาของผู้ชายก็ดังขึ้น “ฉันขอเตือนเธอให้เก็บนัยน์ตาของเธอให้ดี เธอเผยความอาฆาตที่มีต่อวารุณีต่อหน้าฉัน ฉันกลัวว่าฉันจะทนไม่ไหวจนฆ่าเธอ”

ได้ยินประโยคนี้แล้ว มือที่วางอยู่บนตักของนวิยาก็กำหมัดแน่นขึ้น และฟันก็กัดแน่นไปยังริมฝีปากร่าง เกือบจะกัดริมฝีปากร่างจนถลอก

ทว่าในไม่ช้า เธอสูดหายใจลึก พยายามกดทับความแค้นภายในใจลงไป ฝืนบีบรอยยิ้มออกมา “ประทานโทษค่ะ ต่อจากนี้ฉันจะระมัดระวังค่ะ”

นิรุตติ์ถอนหายใจอย่างเยือกเย็น ไม่ได้พูดอะไร

นวิยาเก็บนัยน์ตากลับมา มองไปทางโรงพยาบาลจิตเวชทางด้านหน้า “พิชญาอยู่ในนั้น?”

“ถูกต้อง” นิรุตติ์พยักหน้า “ฉันใช้เวลาและกำลังไปเยอะมาก จึงจะได้ข่าวนี้มา”

นวิยาหรี่ตา “ยัยโง่นั่น ครั้งที่แล้วฉันแปลงโฉมให้เธอ คิดว่าเธอจะทำงานสำเร็จ คิดไม่ถึงว่าจะถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้ ยังถูกขังเข้ามาในสถานที่แบบนี้อีก ไม่มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆ!”

นิรุตติ์ยิ้ม “หากเธอมีประโยชน์ ก็คงแต่งงานกับนัทธีตั้งนานแล้ว ก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก จะขึ้นไปเยี่ยมเธอไหม?”

“ไม่แล้ว” นวิยาส่ายหัว “นายเคยบอกว่าที่นี่มีบอดี้การ์ดที่นัทธีจัดไว้ไม่ใช่เหรอ? หากฉันไปแล้ว ก็เหมือนว่าตนเองตกเข้าไปในหลุมพรางที่ผู้อื่นวางไว้สิ?”

นิรุตติ์ยักไหล่ “ในเมื่อไม่ไป งั้นก็กลับไปก่อนเถอะ”

นวิยาอื้มตอบกลับ เลื่อนกระจกรถขึ้น

พวกเขามาที่นี่ เพราะได้ข่าวว่าวารุณีกลับมาแล้ว ดังนั้นจึงลองมาดู

ตอนนี้เห็นตัววารุณีแล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว

ในไม่ช้า รถเก๋งก็ขับออกจากหน้าประตูโรงพยาบาลจิตเวชไป เข้าไปในดงรถยนต์ และหายไปไม่พบอีก

อีกทางหนึ่ง วารุณีไม่รู้ว่าหลังจากที่ตนเองไปแล้ว นวิยากับนิรุตติ์จะปรากฏตัว

เธอกลับไปยังวิลล่า เด็กทั้งสองรีบวิ่งมาต้อนรับ “หม่ามี๊”

“เด็กน้อย” วารุณีกอดเด็กทั้งสองไว้ฝั่งขวาทางหนึ่งฝั่งซ้ายทางหนึ่ง ขยี้ผมของเด็กทั้งสองด้วยความเอ็นดู

เชอรีนถือแชมเปญแก้วหนึ่งออกมา “วารุณี เมื่อกี้ทางนิตยสารโทรมา”

“บอกว่าอะไรบ้าง?” วารุณีจูงมือของเด็กทั้งสอง ไปนั่งยังตรงหน้าโซฟา

เชอรีนดื่มสุราไปคำหนึ่งแล้วตอบกลับว่า “ก็ยังเป็นเรื่องการออกแบบ อีกหนึ่งอาทิตย์ทางนิตยสารจะทำการถ่ายภาพนิตยสารแล้ว ถามว่าเธอออกแบบเสร็จหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้ว ฉันว่าจะส่งไปในวันพรุ่งนี้” วารุณีหยิบแอปเปิลขึ้นมาหนึ่งลูก ปอกเปลือกไปด้วยตอบกลับไปด้วย

เชอรีนพยักหน้า “โอเค งั้นฉันไปตอบกลับก่อน”

วารุณีตอบกลับไปประโยคหนึ่ง “อื้ม”

หลังจากที่เชอรีนจากไปแล้ว วารุณีนำแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วหั่นเป็นสองส่วน แบ่งให้เด็กสองคน จากนั้นก็ให้เด็กทั้งสองขึ้นไปเล่นบนตึก

ขณะนี้ สาวใช้คนหนึ่งของวิลล่าเดินตรงมา ในมือยังจับพัสดุไว้กล่องหนึ่งด้วย

“คุณนาย พัสดุของคุณค่ะ” สาวใช้ส่งพัสดุให้วารุณี

วารุณีรับมาด้วยความสงสัย “ใครส่งมาเนี่ย?”

เธอไม่ได้ซื้ออะไรบนอินเทอร์เน็ตเลย

“ไม่รู้ค่ะ ข้างบนไม่มีข้อมูลใดๆเลย แค่บอกว่าให้คุณนายค่ะ อีกอย่างพัสดุนี้ หนูเอาออกมาจากในกล่องจดหมายข้างนอกค่ะ” สาวใช้ตอบกลับ

วารุณียิ้มไปทางเธอ “ฉันรู้แล้ว เธอมีอะไรก็ไปทำเถอะ”

“ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า จากนั้นหันหลังแล้วจากไป

ในห้องรับแขกเหลือแต่วารุณีเพียงคนเดียวแล้ว

หลังจากที่เธอตรวจสอบภาพภายนอกของพัสดุแล้ว เห็นว่าไม่มีข้อมูลอะไรจริงๆ ในใจก็มีความสงสัยผุดขึ้นมา

ตั้งใจปิดบังข้อมูลแล้วส่งพัสดุนี้ให้เธอ ดูเหมือนว่าคนเบื้องหลัง จะไม่ธรรมดา

แค่ไม่รู้ว่าจะเป็นคนดีหรือคนร้าย

คนดียังไม่ว่ากันก่อน หากเป็นคนร้าย จะเป็นใครกัน?

นิรุตติ์หรือว่า……

วารุณีเม้มปากไปที ไม่ได้คิดมาก หยิบมีดที่ปอกแอปเปิลเมื่อกี้ขึ้นมา เตรียมตัวจะเปิดออก

ลองดูว่าข้างในนี้คืออะไรกันแน่ คือการกลั่นแกล้งหรือว่าสิ่งของอย่างอื่น

ในไม่ช้า ซองทางด้านนอกของพัสดุก็ถูกกรีดออก

วารุณีวางมีดลง เปิดกล่องออก

ช่องที่ถูกเปิดออกเมื่อกี้ ก็มีกลิ่นเหม็นส่งผ่านมา

วารุณีได้กลิ่นนี้แล้ว คลื่นไส้อยากอาเจียนจนออกเสียงเลย

เชอรีนคุยโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วเดินมา เห็นเธอโค้งตัวอยู่ สีหน้าเหมือนทรมานมาก ทันใดนั้นก็เริ่มรน รีบเดินไป ถามด้วยความห่วงใย “วารุณี เธอเป็นอะไร?”

วารุณีโบกมือ ไม่ได้ตอบ

เชอรีนลูบหลังของเธอ “วารุณี ปฏิกิริยาการตั้งครรภ์หรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ คือสิ่งนี้……” วารุณีจับหน้าผาก ชี้ไปทางกล่องกระดาษที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาด้วยสีหน้าที่ซีดขาว

เชอรีนหันไปมอง มองดูกล่องกระดาษ สงสัยมาก “นี่คืออะไรเนี่ย?”

“ฉันก็ไม่รู้ เมื่อกี้ฉันเปิดออกมานิดเดียว ข้างในก็มีกลิ่นเหม็นส่งผ่านมา เกือบจะทำฉันเป็นลมแล้ว” วารุณีเติมน้ำให้ตัวเอง ดื่มติดต่อกันไปหลายอึกมาก หลังจากที่โอเคกับความรู้สึกทรมานแล้ว จึงจะตอบกลับ

“กลิ่นเหม็น?” เชอรีนลุกขึ้น “สิ่งที่สามารถส่งกลิ่นเหม็นได้ ไม่ใช่ขยะก็คือเนื้อเน่า อย่าบอกนะว่าในนี้จะเป็นสิ่งของพวกนี้?”

วารุณีขมวดคิ้วแน่น “ไม่รู้ ฉันยังไม่ได้ดูเลย”

“งั้นฉันลองดูให้เธอ” เชอรีนพูด แล้วยื่นมือออกไป ดึงกล่องกระดาษ

พึ่งดึงออก กลิ่นเหม็นนั้นก็ลอยออกมาอีกครั้ง

เชอรีนบีบจมูกแน่นทันที “ให้ตายเถอะ เหม็นจริงๆ ด้วย”

เธอรีบสะบัดมือตรงหน้าจมูก แล้วกลั้นหายใจ ดึงออกมาต่อ

การห่อหุ้มของกล่องกระดาษนี้แน่นมาก ข้างในอยากมีอีกหลายชั้น

ตามการดึงออกของเชอรีน กลิ่นเหม็นนั้นก็ยิ้่งเข้มขึ้น ทำเอาทั้งห้องรับแขกเป็นกลิ่นนี้หมด

วารุณีทนไม่ไหวแล้ว พูดด้วยสีหน้าที่แย่มากว่า “ไม่ได้ ออกไปข้างนอก”

เชอรีนเองก็รู้สึกว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผ่านไปไม่นานทั้งวิลล่านี้จะเหม็นหมด พยักหน้า อุ้มกล่องกระดาษไปข้างนอก

วารุณีออกคำสั่งให้สาวใช้รีบจัดการกับกลิ่นเหม็นในห้องรับแขก และเดินตามออกไป

ปรากฏว่าพึ่งเดินไปถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงกรีดตกใจของเชอรีน “อ้าก!”

“เชอรีน” สีหน้าของวารุณีเปลี่ยนไปเลย รีบวิ่งเข้าไป “เป็นอะไรเหรอ?”

“อย่าเข้ามา!” เชอรีนหันหลังมองเธอ รีบทำท่าหยุด

วารุณีหยุดเท้าทันที แล้วมองสำรวจเชอรีน

ราวกับว่าเชอรีนได้รับการตกใจมาก สีหน้าซีดขาวดั่งกระดาษ ร่างกายก็กำลังสั่นอยู่

วารุณีเห็นแล้ว กลืนน้ำลาย ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอีกครั้งว่า “เชอรีน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

เชอรีนขยับริมฝีปาก น้ำเสียงมีความสั่น “ข้างในนี้……ข้างในนี้คือศพของแมว เนื้อเน่าไปหมดแล้ว น่ากลัวมาก ฉันตกใจหมดเลย!”

ศพของแมว

วารุณีเบิกตาโต

เชอรีนกอดตัวเองไว้ “วารุณี ใครเป็นคนให้สิ่งนี้กับเธอเนี่ย นี่จะแกล้งเธอเหรอ??”

วารุณีกำหมัดแน่น “ใช่ คนที่ส่งของนี้ให้ฉัน ต้องตั้งใจแกล้งฉันแน่นอน แต่ว่าเป็นใครฉันกลับไม่รู้”

เธอสงสัยว่าเป็นนิรุตติ์ หรือนวิยา

นัทธีร่วมมือกับผู้ว่าการสตีฟปิดล้อมทั้งเมือง นิรุตติ์น่าจะไม่สามารถออกไปได้ ดังนั้นมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่นิรุตติ์ยังอยู่ที่นี่

ส่วนนวิยาถูกนิรุตติ์พาออกไปตั้งนานแล้ว ไม่อยู่ในจังหวัดจันทร์ งั้นก็เป็นไปได้ที่จะถูกนิรุตติ์พาเข้ามาในเมืองนี้

ดังนั้นมีความเป็นไปได้ พัสดุนี้ สองคนนี้เป็นคนส่งมา

“วารุณี พวกเราแจ้งความเถอะ” เชอรีนเดินไปยังข้างกายของวารุณี พูดด้วยสีหน้าโมโหว่า “หากคนที่ส่งของนี้มา ตั้งใจจะแกล้งเธอเป็นพิเศษ ครั้งนี้ไม่สามารถแกล้งได้ งั้นต้องมีครั้งที่สองแน่นอน พวกเราไม่สามารถให้เขาดำเนินการต่อไปได้แล้ว ต้องแจ้งความ จับคนพวกนั้นไว้!”

“ฉันรู้ แต่ว่าใช่ว่าแจ้งความจะมีผลลัพธ์” วารุณีหรี่ตาขึ้นมา

เชอรีนมองเธอ “วารุณี เธอเดาออกแล้วว่าใครเป็นคนส่ง ใช่ไหม?”