ตอนที่ 603 แสงแห่งความหวังและมณฑลทั้งเก้าที่มีภัย (2)

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวได้วางกระจกทองคำก่อนที่จะบินต่อไป
  “ท่านปรมาจารย์?” ผู้อาวุโสทั้งสี่แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ลู่โจวกำลังทำอยู่
  “ท่านอาจารย์?” ศิษย์สาวกของลู่โจวเองก็สับสนเช่นกัน ถ้าหากไม่ใช้กระจกทองคำส่องไปยังชาวเมือง ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าจะไปจับสายลับทั้งหมดได้ยังไงกัน? ทำไมผู้เป็นอาจารย์ถึงได้เก็บกระจกทองคำไปด้วย?
  ผู้ฝึกยุทธต่างก็บินตามลู่โจวไป
  ผู้อาวุโสทั้งสี่เองก็บินตามไปเช่นกัน
  หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็บินมาถึงใจกลางเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ตัวเขาหยุดเคลื่อนไหวก่อนที่จะเหลือบมองไปยังม่านพลังที่อยู่บนท้องฟ้า
  “ท่านปรมาจารย์พยายามจะทำอะไรกัน?”
  “ข้าเองก็ไม่รู้…”
  “พวกเรารอไม่ได้แล้ว เวลาไม่เคยคอยใคร”
  ถ้าหากลู่โจวไม่ใช้กระจกทองคำ มันไม่มีทางเลยที่คนอื่นๆ จะแยกแยะสายลับทั้งหมดออกจากชาวเมืองได้
  ทุกๆ คนทำได้เพียงมองหน้ากันก่อนจะเฝ้ารอต่อไป
  ทุกคนยังคงสับสนกับสิ่งที่ลู่โจวได้ทำลงไป เมื่อลู่โจวบินขึ้นไปกลางทาง ตัวเขาก็หยิบกระจกทองคำออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้กระจกยังคงส่องสว่างเช่นเดิม
  ชาวเมืองและผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่เห็นแบบนั้นต่างก็ถอยหนี
  เมื่อลู่โจวบินสูงมากขึ้นเท่าไหร่ พื้นที่ที่กระจกจะสามารถส่องแสงออกมาสู่พื้นได้ก็จะยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น บัดนี้แสงจากกระจกได้กระจายไปทั่วเมือง
  เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวพลังอวตารราชันย์หมาป่าก็ได้ปรากฏตัวอยู่ทั่วทุกมุมเมือง นอกจากนี้ยังมีอวตารราชันย์เสือดาวและพลังอวตารอสรพิษทองคำอีกด้วย เมื่ออยู่ภายใต้แสงจากกระจกทองคำ ตัวตนที่แท้จริงของชนเผ่าอื่นทั้งหมดจึงถูกเปิดเผยออกมา
  โจวยู่ไคที่เห็นแบบนั้นก็รีบเคลื่อนไหวในทันที “สาวกแห่งสถานศึกษาของข้าจงฟังคำสั่ง กำจัดสายลับทั้งหมดซะ!”
  สาวกจากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่รีบออกมาจากจุดสูงสุดของเมืองก่อนที่จะเริ่มภารกิจ
  ผู้ฝึกยุทธแห่งดินแดนหยานต่างก็เหลือบมองมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งก็สัมผัสได้ ผู้ฝึกยุทธใกล้ๆ ที่เคยคบหากันก็คือชนเผ่าอื่น เมื่อได้รู้แบบนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไปในทันที ผู้ฝึกยุทธแห่งดินแดนหยานใช้อาวุธจู่โจมอย่างไม่ลังเล
  ในที่สุดผู้อาวุโสทั้งสี่และเหล่าสาวกทั้งหมดของลู่โจวก็เข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริง ทุกคนไม่ลังเลเลยที่จะกำจัดชนเผ่าอื่น
  ในขณะนั้นลู่โจวยังคงบินสูงขึ้น เมื่อบินสูงมากพอลู่โจวก็ได้กระแทกกระจกทองคำเข้ากับม่านพลังที่อยู่บนฟ้า เมื่อพลังของม่านพลังผสานรวมกับพลังของกระจก ในตอนนั้นแสงสีทองที่ล้อมรอบไปด้วยแสงสีฟ้าก็ส่องสว่างไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
  เมื่อใช้งานกระจกอีกครั้ง แสงสีทองก็สาดส่องไปยังสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
  “เป็นไปไม่ได้!”
  “โอ้สวรรค์! ทำไมถึงมีสายลับมากขนาดนี้!?”
  “ฆ่าพวกสารเลวนั่น! ฆ่าทุกคนที่กล้าบุกเข้ามายังดินแดนหยานของพวกเรา!”
  “จัดการมันซะ!”
  ผู้ฝึกยุทธแห่งดินแดนหยานทั้งหมดกวัดแกว่งดาบไปทางชนเผ่าอื่นอย่างไม่ลังเล
  เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นสายฝนแห่งเลือดก็ได้รินไหลไปทั่วทุกหนแห่ง กลิ่นอายแห่งความตายเข้มข้นมากขึ้น ไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างมีแบบแผน ไม่มีการร่วมมือกัน ทุกคนต่างก็เข่นฆ่าสายลับตามสัญชาตญาณ
  ใบหน้าของเหล่าสายลับเต็มไปด้วยความกลัว
  ซู่วว!
  เสียงพลังงานที่ถูกควบแน่นได้ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ดังไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
  ลู่โจวปล่อยมือออกจากกระจก ตัวเขาลอยอยู่ตรงที่เดิมก่อนที่จะเหลือบมองลงมา
  แสงจากกระจกทองคำได้เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์อีกดวงหนึ่ง มันได้ดูดซับพลังจากม่านพลังก่อนที่จะส่องแสงไปทั่วเมือง
  ในระหว่างนั้นเองชาวเมืองทั้งหลายก็ยังคงคุกเข่าขอบคุณลู่โจวต่อไป
  “ติ้ง! ได้รับการคารวะจากใจจริง 105 คน ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,050”
  “ติ้ง! ได้รับการคารวะจากใจจริง 203 คน ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 2,030”
  “ติ้ง! ได้รับการคารวะจากใจจริง 390 คน ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 3,900”
  การแจ้งเตือนที่ได้เห็นทำให้ลู่โจวประหลาดใจ ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้แต้มบุญมหาศาลกับการแก้ปัญหานี้ ลู่โจวพยายามที่จะหาแต้มบุญมาโดยตลอด ตัวเขาต้องอดทนยอมให้คนอื่นๆ จัดการกับสายลับทั้งห้าในก่อนหน้านี้ไปแทน
  แสงจากกระจกสีทองได้ส่องมายังมนุษย์และผู้ฝึกยุทธทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ท้ายที่สุดแล้วตัวตนที่แท้จริงของทุกคนก็ถูกเปิดเผย
  พลังอวตารที่กระจกทองคำเปิดเผยออกมาเป็นเพียงพลังอวตารขนาดย่อส่วน มันไม่ใช่พลังอวตารขนาดจริง
  ส่วนพลังอวตารที่ถูกปลดปล่อยออกมาโดยผู้ฝึกยุทธต่างก็มีพลังและขนาดที่แตกต่างกันออกไป
  เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
  สายลับจากชนเผ่าอื่นต่างก็แสดงธาตุแท้ออกมา
  เมื่อซูยู่ชูเห็นแบบนั้น นางก็ได้เรียกพลังอวตารก่อนที่จะใช้ไม้เท้ามังกรขดขีดเขียนลงบนพื้น พลังตัวอักษรที่อัดแน่นถูกยิงไปทั่วทุกทิศทาง
  ในเวลาเดียวกันขวดน้ำเต้าสีทองก็ลอยไปตามถนนคนเดิน มันโจมตีใส่ชนเผ่าอื่นทันทีที่ตรวจพบ
  เล้งลั่วไม่ได้แสดงทักษะอันโดดเด่นเหมือนกับคนอื่นๆ ตัวเขาเลือกที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วท่ามกลางผู้คนแทน ทุกครั้งที่เล้งลั่วเคลื่อนไหว ตัวเขาก็มักจะจัดการกับชนเผ่าอื่น
  ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนนี้ศิษย์สาวกของเขาเด็กจนเกินไป พวกเขาไม่ได้เด็ดขาดและมากประสบการณ์เหมือนกับผู้อาวุโสทั้งสี่
  ชนเผ่าอื่นได้แต่วิ่งไปรอบๆ เมือง บางครั้งพวกเขาก็พยายามตอบโต้กลับมาเหมือนกับที่เคยได้คาดการณ์ไว้
  ต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อเป็นศิษย์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าคนอื่นๆ ทั้งสองคนมักจะพุ่งโจมตีชนเผ่าอื่นจากทางอากาศ
  หอยสังข์เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ นางยังเป็นเด็กและไม่รู้จักวิธีการสังหารนั่นเอง เพราะแบบนั้นนางจึงเลือกยืนอยู่บนพระราชวังหลวงแทน
  “ปกป้องชาวเมืองเป็นหลัก! จัดการสายลับทั้งหมดใน 2 ชั่วโมงซะ!” โจวยู่ไคสั่งการ
  ลู่โจวมองดูผู้คนที่เคลื่อนไหวไปตามท้องถนน ตัวเขาในตอนนี้ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรทุกคนอีกต่อไป ผู้ฝึกยุทธบางคนก็เลือกที่จะต่อสู้ บางคนก็เลือกที่จะเอาชีวิตรอด
  ในขณะที่กระจกทองคำส่องแสงไปทั่วเมือง ชนเผ่าอื่นและชาวดินแดนหยานก็ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
  ลู่โจวมองเห็นพลังอวตารราชันย์หมาป่าและพลังอวตารราชันย์เสือดาวที่มารวมตัวกัน ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ลู่โจวยังคงมองไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ตัวเขาเลือกที่จะสังเกตการณ์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ต่อไป
  ไม่มีผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือคนไหนอยู่ท่ามกลางเหล่าสายลับ ส่วนใหญ่แล้วเหล่าสายลับเป็นผู้มีพลังวรยุทธขั้นมหาราชครูและขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น และเพราะแบบนั้นลู่โจวจึงไม่ต้องลงมือจัดการเอง
  แสงสีฟ้าที่ผสมอยู่ในแสงสีทองสามารถส่องทะลุเข้าไปในอาคารบ้านเรือนได้ ชนเผ่าอื่นไม่มีทางที่จะหลบซ่อนตัวได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์สายลับทุกคนก็จะถูกเปิดเผยพลังอวตารโดยไม่มีข้อยกเว้น
  ลู่โจวมองขึ้นไปบนกระจกก่อนจะพึมพำออกมา “เป็นอย่างงี้นี่เอง”
  ลู่โจวเฝ้าสังเกตการณ์นานมากขึ้น ศิษย์สาวกของเขายังคงแสดงฝีมือได้อย่างน่าพอใจ
  ซู่ฮ่องกงเป็นคนเดียวที่ยังดูเทอะทะ เชื่องช้า แม้ว่าจะมีพลังวรยุทธใกล้เคียงกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวสามกลีบก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังโจมตีผู้มีพลังวรยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างเชื่องช้าอยู่ดี ดูเหมือนว่าซู่ฮ่องกงไม่ได้มุ่งมั่นในการสังหารชนเผ่าอื่นเลย
  ตู๊ม!
  ซู่ฮ่องกงได้จัดการกับหนึ่งสายลับด้วยพลังหมัดจนล้มไปกับพื้น “เจ้าหนู พลังของเจ้าน่ะยังไม่เข้าขั้น พลังอวตารที่เจ้ามีเองก็ยังอ่อนแอเกินไป!”
  หลังจากที่สังหารหนึ่งในสายลับได้แล้ว ซู่ฮ่องกงก็มองเห็นพลังอวตารราชันย์หมาป่าตัวเมียที่พยายามจะหลบซ่อน เมื่อเห็นแบบนั้นซู่ฮ่องกงก็หัวเราะคิกคักก่อนที่จะรีบวิ่งตรงไป
  ในตอนนั้นเองพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบก็ได้ปรากฏตัวขึ้น พลังอวตารที่เห็นดูยิ่งใหญ่กว่าพลังอวตารของใครคนไหน ยี่เทียนซินที่สวมชุดขาวได้โจมตีสายลับที่เห็นด้วยพลังฝ่ามือ เพราะแบบนั้นเองพลังอวตารราชันย์หมาป่าตัวเมียที่พยายามจะหลบซ่อนจึงถูกจัดการไปในทันที
  เมื่อซู่ฮ่องกงมาถึง เหยื่อของเขาก็ถูกจัดการซะแล้ว ซู่ฮ่องกงได้แต่เงยหน้ามองไปยังผู้เป็นศิษย์พี่อย่างยี่เทียนซิน “ศิษย์พี่หก ท่านอย่าแย่งเหยื่อของข้าสิ!”
  ยี่เทียนซินตอบกลับ “ศิษย์น้องแปด เจ้าจะโทษความเชื่องช้าของเจ้าให้เป็นความผิดข้าอย่างงั้นเหรอ?”
  “ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น…” ซู่ฮ่องกงหันกลับมาก่อนที่จะค้นหาเป้าหมายต่อไป
  ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งก็ได้วิ่งหาซู่ฮ่องกงจากทางด้านหลัง “ทะ…ท่านแปด?”
  “เจ้าเรียกข้าอย่างงั้นเหรอ?”
  “ตรงนี้มีชนเผ่าอื่น ชะ…ช่วยข้าด้วย…”
  “ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!” ซู่ฮ่องกงโบกมือให้อย่างเป็นมิตร
  “…นั่น พลังอวตารราชันย์หมาป่าหนึ่งกลีบอยู่ทางนั้น!” ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งได้ชี้ไปทางที่ศัตรูอยู่ พอหันกลับมาผู้ฝึกยุทธที่สังเกตเห็นศัตรูก็ได้แต่ตกตะลึง “ท่านแปด? ไปไหนแล้วล่ะ?”
  …
  ลู่โจวไม่ได้สนใจการต่อสู้รอบตัวอีกต่อไป ตัวเขาเหลือบมองหอยสังข์แทน
  ‘พลังอวตารดอกบัวสีแดง?’ ลู่โจวเห็นดอกบัวสีแดงอันสดใสจากตัวของหอยสังข์ มันเป็นผลของกระจกทองคำนั่นเอง พลังอวตารทศภพของหอยสังข์มีสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์
  ลู่โจวได้ลดระดับความสูงลงก่อนที่จะบินไปยังพระราชวังหลวงแทน “ส่งมือมา…”
  “ค่ะ” หอยสังข์มองไปยังผู้เป็นอาจารย์ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเป็นกังวล “ท่านอาจารย์ ทำไมข้าถึงได้มีพลังอวตารสีแดงกัน ในขณะที่ทุกคนมีพลังอวตารสีทอง?”
  ลู่โจวมองหอยสังข์ก่อนที่จะใช้ความคิด แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีคำตอบ บางทีมันอาจจะเป็นเหมือนกับที่หมิงซี่หยินเคยพูดเอาไว้ ที่จริงแล้วหอยสังข์ยังไม่ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้ตอบกลับไป “เอาไว้คุยเรื่องนั้นทีหลังเถอะ เจ้าในตอนนี้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้แล้ว เพราะแบบนั้นเจ้าไม่ต้องใช้พลังอวตาร เข้าใจใช่ไหมหอยสังข์?”
  “ค่ะ”
  “ข้าจะเก็บซ่อนพลังของเจ้าให้เอง” ลู่โจววางมือของตัวเองลงบนมือเล็กๆ ของหอยสังข์
  แสงสีฟ้าได้หมุนรอบตัวนาง ท้ายที่สุดพลังอวตารสีแดงก็ถูกพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ปกปิดเอาไว้
  ลู่โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
  ผู้ฝึกยุทธในโลกใบนี้สามารถสร้างพลังงานจากพลังลมปราณของตัวเองขึ้นมาได้ แต่ถึงแบบนั้นพลังที่มีก็ยังไม่แข็งแกร่งเกินกว่าพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้
  หลังจากที่ลู่โจวได้ปกปิดพลังอวตารสีแดงของหอยสังข์ เสียงอันแหบห้าวก็ได้ดังมาจากขั้นบันได มันเป็นบันไดที่จะใช้เดินทางมายังจุดสูงสุดของพระราชวังนั่นเอง “ท่านเป็นแค่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบเท่านั้น…” ผู้ฝึกยุทธคนนั้นพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
  ลู่โจวและหอยสังข์เหลือบมองลงไป ในตอนนั้นทั้งสองคนก็ได้เห็นผู้ฝึกยุทธที่กำลังสวมใส่หน้ากากอยู่ ชายคนนั้นสวมชุดดำก่อนที่จะเดินเตร่ไปทั่ว ดวงตาของเขามีแต่ความตกใจและสับสน
  หอยสังข์หันกลับไปมองพลังอวตารขนาดจิ๋วที่อยู่ด้านหลังของผู้เป็นอาจารย์ “ท่านอาจารย์ ท่านเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบจริงๆ ด้วย”
  ลู่โจวเหลือบมองนางจากหางตา ตัวเขาได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นลู่โจวเองที่ประมาทจนเกินไป เพราะแบบนั้นพลังที่แท้จริงของเขาจึงถูกเปิดเผย กระจกทองคำจะเปิดเผยพลังของทุกสรรพสิ่ง ตัวเขาหันกลับมามองผู้ฝึกยุทธชุดดำคนนั้น ชายคนนั้นเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ เขาเป็นผู้ฝึกยุทธของดินแดนหยานไม่ผิดแน่