บทที่ 596 ต้นกำเนิดเหล่ายักษา

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 596 ต้นกำเนิดเหล่ายักษา

บทที่ 596 ต้นกำเนิดเหล่ายักษา

ถังรั่วเวยรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่ต้องการ

แต่นางก็ทราบว่าที่ไป๋ชิวหรานกล่าวเช่นนี้เพราะเหตุใด …เขาย่อมไม่กล่าวสัญญากับนางในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้แน่นอน

ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงเข้าสู่การฝึกฝนอย่างจริงจังเท่านั้น

ไป๋ชิวหรานกล่าวลานางสนมภายในโลกเซียน

“ท่านอาวุโส”

เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไป นางสนมก็โค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า

“มีสิ่งหนึ่งในช่วงที่ท่านจากไป นักค้นคว้าในแดนเซียนได้คัดแยกสิ่งของที่ท่านนำกลับมา และเราได้ทราบถึงต้นกำเนิดของเผ่ายักษาอย่างคร่าว ๆ”

“โอ้?” ไป๋ชิวหรานประหลาดใจ “แล้วมันกล่าวถึงเผ่ายักษาว่าอย่างไร?”

นางสนมไม่ได้คิดปิดบัง นางเรียกหาใครบางคนเพื่อออกมากล่าวถึงข้อมูลส่วนนั้นให้เขาได้รับทราบ

ไป๋ชิวหรานพลิกดูเอกสารต่าง ๆ จนรับทราบถึงประวัติที่มาของเหล่ายักษาพวกนี้

เหล่ายักษานี้เคยเป็นกลุ่มอารยธรรมยิ่งใหญ่คล้ายกับแดนเซียน แต่อาณาจักรของพวกมันยิ่งใหญ่กว่าแดนเซียนหลายเท่า มันคือผู้ปกครองห้วงแห่งความว่างเปล่าอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม เพราะอารยธรรมของพวกมันไม่มีการพัฒนา ความแข็งแกร่งที่มีจึงถูกแช่แข็งเอาไว้ และมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างชนชั้นราชวงศ์ ขุนนาง และสามัญชน

การถูกแช่แข็งทางวิวัฒนาการในเวลาที่ยาวนานทำให้ทั้งสามชนชั้นแตกต่างกันโดยสมบูรณ์ ภายใต้พื้นฐานของสถานะ มีเพียงกลุ่มยักษาในราชวงศ์ที่มีความแข็งแกร่งและมากด้วยความทะเยอทะยาน

พวกมันรวบรวมกำลังภายในราชวงศ์ทั้งหมดและใช้อำนาจภายในเพื่อกระตุ้นให้เหล่าขุนนางฆ่าฟันกันเอง

ทั้งหมดนี้ใช้กลอุบายเพื่อจัดการกับผู้เชี่ยวชาญและรวบรวมโลกวัตถุนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใต้การปกครอง ทั้งยังสร้างเกาะร้างขึ้นมาและตั้งวางเสาผลึกแก้วขนาดใหญ่ ก่อนจะใช้ชีวิตของเผ่าพันธุ์ตนเองสังเวยแก่เทพเจ้า ทั้งพลเรือน ทหาร ขุนนาง หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในโลกวัตถุ ทุกสิ่งถูกแทนที่ด้วยคนของมันทั้งสิ้น

ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยลอบเข้าสู่โลกเหล่านั้น เกาะร้าง สิ่งมีชีวิตผลึกแก้ว สัตว์ เมือง และทุกสิ่งที่หลงเหลืออยู่จากการถูกปล้นชิง

ด้วยคุณสมบัติที่ถูกปล้นชิงไปผ่านเสาศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ราชวงศ์หลายร้อยแห่งกลายเป็นสัตว์ประหลาดอมตะ มีร่างกายและพลังยิ่งใหญ่สามารถกลืนกินโลกได้ นี่คือต้นกำเนิดของเหล่ายักษา

“นี่คือจุดจบของอารยธรรมชั้นสูงงั้นหรือ?”

หลังจากรับทราบข้อมูลทั้งหมด ไป๋ชิวหรานก็ถอนหายใจ

“อารยธรรมที่รุ่งโรจน์ที่สุดในมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า หลังจากผ่านวิวัฒนาการขั้นสุดยอดแล้ว สุดท้ายกลายเป็นเสื่อมสลายแปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดผู้ทรงพลัง… หากเราได้รับชัยชนะในคราวนี้ เราจะไม่เดินตามเส้นทางของพวกมันโดยเด็ดขาด”

“ท่านอาวุโสกล่าวถูกต้องแล้ว”

นางสนมกล่าวตอบ

“ขอบคุณที่บอกกล่าวเรื่องนี้แก่ข้า เวลานี้เหมือนข้าจะคิดบางอย่างออกเสียแล้ว…”

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะหยิบเครื่องมือบันทึกออกจากมิติเก็บของ เขาใส่บางอย่างลงไปในนั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ นางสนมไม่คิดรบกวน นางถอยห่างออกไปพร้อมกับสั่งให้อารักษาเฝ้าประตูจัดการเรื่องราว

ไม่กี่วันถัดมา ไป๋ชิวหรานเปิดประตูพร้อมกับเดินออกไป เขาได้พบกับนางสนมอีกครั้งก่อนจะมอบบันทึกผลึกแก้วหลายชิ้นให้กับนาง

“ท่านอาวุโส สิ่งนี้คือ…”

นางสนมสงสัย

“นี่คือสิ่งที่ข้าตระหนักรู้เมื่อเร็ว ๆ นี้ มันคือหนทางชั่วคราว โรงหลอมเหล็กสวรรค์กำลังสร้างหุ่นกลเซียนตัวใหม่ใช่หรือไม่? หากเป็นไปตามที่ข้าคิด ก่อนที่เหล่ายักษาจะมาถึง มันคงยังไม่เสร็จสิ้น ให้ส่งสิ่งนี้ไปให้พวกเขาใช้เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของชิ้นงานเสีย”

ไป๋ชิวหรานออกคำสั่ง

“เข้าใจแล้ว”

นางสนมโค้งคำนับ

“เช่นนั้นข้าขอตัวแล้ว”

ไป๋ชิวหรานโบกมือ

“หากใครออกจากการฝึกฝนแล้ว อย่าลืมบอกกล่าวให้พวกเขามาพบข้าที่ยมโลก”

หลังจากออกจากแดนเซียนแล้ว ไป๋ชิวหรานไม่คิดรอช้า เขามุ่งหน้าสู่ยมโลก ข้ามผ่านกำแพงกาลเวลาและมาหยุดยืนอยู่ที่ริมแม่น้ำยมโลก

เวลานี้เขาอยู่ในชุดจักรพรรดิภูตผี และเดินไปตามแม่น้ำยมโลกชั่วขณะ ในไม่ช้าก็มีผู้ส่งสารเข้ามาต้อนรับเขาในฐานะจักรพรรดิภูตผี

เพราะจำเป็นต้องรักษาลำดับการทำงานของสังสารวัฏแห่งการเกิดและตาย เวลานี้มีการนำอาจารย์อสูรเข้ามาใช้งานภายในยมโลกด้วย ระบบทั้งหมดจึงมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม

ประการแรก มีการขยายการลงทะเบียนแล้วหนึ่งครั้ง วิญญาณที่ได้รับการคัดเลือกจะได้ทำงานให้กับยมโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่พวกมันสามารถชำระล้างบาปของตนเองได้ แล้วสามารถเข้าสู่สังสารวัฏหกวิถีเพื่อไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่า แน่นอนว่าทุกดวงวิญญาณล้วนแต่ตั้งใจเพื่อที่จะได้รับคัดเลือก

หลังจากผ่านพ้นช่วงรับสมัครไปแล้ว ผู้ที่ได้รับคัดเลือกก็มาถึงช่วงการเลือกเข้าสู่ผู้ปกครองอาจารย์อสูร พวกมันจะต้องทำงานภายในยมโลกอย่างเป็นทางการ และเข้าสู่ขอบเขตจิตสำนึกขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับยมโลก ก่อนจะนึกคิดถึงภาพอาวุธขั้นสุดยอดภายในนั้น

เวลานี้ผู้ที่รักษาระบบการทำงานของยมโลกคือผู้ทรงเกียรติกุ้ย หนึ่งในสามผู้ทรงเกียรติใหม่แห่งยมโลก

สตรีผู้นี้ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน ตราบใดที่โลกเซียนสามารถสร้างหุ่นกลที่ยอดเยี่ยมได้ ความแข็งแกร่งของนางก็จะเพิ่มตามไปด้วย และนางยังเป็นผู้ที่สามารถแยกความคิดจิตใจได้รวดเร็วที่สุด

ทักษะนี้ก้าวหน้าไปอย่างมาก และเหล่าวิญญาณมากมายไม่สามารถแยกจิตและความคิดออกจากกัน มันจึงต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ผู้ทรงเกียรติกุ้ยนี้สามารถทำทุกสิ่งให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว และไป๋ชิวหรานสั่งให้นางคอยช่วยเหลือผู้อื่นในกระบวนการการทำงานเหล่านี้ด้วย

ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างสุดยอดอาวุธในยมโลก นางคือคนแรกที่ได้อัดฉีดความคิดของตนลงไป และรับหน้าที่เป็นเสาหลัก หลังจากที่งานทั้งหมดเริ่มเข้าที่เข้าทาง นางก็รับผิดชอบในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม คอยรักษาระเบียบของยมโลก

“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเจ้า”

เมื่อไป๋ชิวหรานเห็นหุ่นกลตัวน้อยนั่งอยู่ในคฤหาสน์ เขาอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะด้วยความรักใคร่

“เป็นฝ่าบาทที่ทรงงานหนักที่สุดในช่วงเวลานี้”

หุ่นกลส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวคำ

“ฝ่าบาทต้องการพักผ่อนหรือไม่ หรือต้องการให้ข้าพาท่านไปรับชมอาวุธวิเศษ?”

“พาข้าไปรับชม”

ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ

“ข้าไม่เหนื่อยหรอก รีบไปจัดการ จะได้เข้าสู่การฝึกฝนเสียที”

“เช่นนั้นโปรดตามข้ามา”

หุ่นกลนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่หลังจากกล่าวจบ หุ่นกลตัวน้อยก็สวมผ้าคลุมสีดำวิ่งออกมาจากด้านหลังเสาพร้อมนำทางไป๋ชิวหราน

ไป๋ชิวหรานติดตามนางไป ทั้งสองออกจากเมืองเฟิงตู เดินไปจนถึงดินแดนรกร้างส่วนลึกของยมโลก

“เชวียหลิงและคนอื่น ๆ อยู่ที่ใด?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวถามอย่างสบาย ๆ ในขณะเดินทาง

“หลิงเชวียและคนอื่น ๆ กำลังฝึกฝนอย่างสันโดษ พวกเขาคิดทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิ”

หุ่นกลกล่าวตอบ

“เวลานี้ดูเหมือนว่าเชวียหลิงจะทะลวงผ่านได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาคือภูตผีมากพรสวรรค์ที่สุดในยมโลก”

“โอ้”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้าพร้อมกล่าวคำ

“มันไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นอย่างไร มันสำคัญว่าเขาต่อต้านผู้ใดมากกว่า!”

หุ่นกลไม่ตอบกลับ ทั้งสองเดินไปชั่วขณะหนึ่งผ่านรอยแตกของมิติและเข้าสู่ขอบเขตจิตสำนึกด้านใน

“ถึงแล้ว ฝ่าบาท”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานจึงเงยหน้าขึ้นมองอาวุธวิเศษขั้นสุดยอดที่อยู่ตรงหน้า