ตอนที่ 459 เสวียนตูเที่ยวชมทั่วยอดเขาหยกน้อย ฉางโซ่วต้องการผ่านพระสูตร (1)
แปลกที่วันนี้ วังดุสิตมีเสียงดังเอะอะอึกทึก
ที่ใต้ต้นไม้โบราณ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเหยียดยืดหลังและลุกขึ้นนั่ง เขากำลังจะก้มศีรษะลงและหยั่งรู้ถึงสิ่งที่รบกวนการฝึกฝนของเขา เมื่อภาพสองภาพปรากฏขึ้นในใจของเขา…
ภาพเหตุการณ์แรกเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่
ร่างจำแลงของฉางโซ่ว?
องค์เง็กเซียน? แม่ทัพตงมู่?
บัดนั้น บนหน้าผากของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู มีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้น เขาจ้องมองไปที่ภาพและสังเกตอย่างระมัดระวัง …
จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เห็นกระแสวังวนปรากฏขึ้นต่อหน้าหลี่ฉางโซ่วและคนอื่นๆ มีจั๊กจั่นสีทองหกปีกอยู่ในกระแสวังวนนั้นด้วย
จักจั่นสีทองกระพือปีกบางๆ และสาดลำแสงสีทองหกสายไปที่ร่างของหลี่ฉางโซ่ว ทว่ามันถูกองค์เง็กเซียนปิดกั้นเอาไว้
ภาพเหตุการณ์แรกจบลงที่ตรงนั้น แล้วตามมาด้วยภาพเหตุการณ์ที่สอง…
ในแดนกันดาร มีมนุษย์กำลังขี่ม้าขาว สวมผ้ากาสายะ[1] และหมวกของพระสงฆ์ เขากำลังข้ามภูเขาและแม่น้ำ เดินทางช้าๆ จากตะวันออกไปตะวันตก
ดูเหมือนว่าคนๆ นั้นจะทนความร้อนไม่ไหวและกำลังจะเป็นลม ทว่ามีแสงสีทองนับหมื่นสาดแสงแรงกล้าอยู่ข้างหลังเขา และเงาของพระใหญ่สองสามองค์ก็หยุดนิ่ง…
ในขณะนั้น อักขระเต๋าไท่ชิงที่ชัดเจนสั่นขึ้นเล็กน้อยและภาพเหตุการณ์ที่สองก็หายไป ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพึมพำกับตัวเองและอดคิดไม่ได้
…ท่านอาจารย์หมายความอันใดกัน?
ภาพเหตุการณ์แรกชัดมาก ตามความเข้าใจของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเกี่ยวกับพลังเวทของอาจารย์ของเขา มันได้เกิดขึ้นแล้ว
สำหรับภาพเหตุการณ์ที่สอง นอกจากหนุ่มน้อยที่ขี่ม้าขาวและแต่งตัวแปลกๆ แล้ว ทุกสรรพสิ่งก็ล้วนพร่ามัวยิ่ง นั่นคือภาพเหตุการณ์ที่เขาเห็นในระหว่างการหยั่งรู้ความลับสวรรค์ อาจารย์ของเขาใช้พลังเวทขั้นสูงสุดเพื่อขยายและแสดงให้เขาได้เห็น
พลังเวทของอาจารย์ยิ่งน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจหยั่งถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่คราวนี้ ท่านอาจารย์อยากให้ข้าทำอะไร?
เสวียนตูนั่งเงียบๆ ใต้ต้นไม้โบราณและเริ่มกระบวนการคิดที่ยาวนานและซับซ้อน จนในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป ท่านอาจารย์ ท่านกำลังขอให้ข้ารวมคนผู้นี้เข้ามาในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินหรือไม่?
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังงึมงำ และอักขระเต๋าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในใจของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอีกครั้ง คราวนี้พวกมันสรุปเป็นคำ
“พยายามฆ่า”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอดจะเอามือก่ายหน้าผาก เขาคาดเดาผิดไปมากมายจริงๆ
หาได้ยากยิ่งจริงๆ ที่อาจารย์จะให้ข้า “พยายาม” ดูว่า ข้าจะสังหารวิญญาณนี้ได้หรือไม่…
ว้าว กรรมที่คนผู้นี้เกี่ยวข้องสามารถทำให้อาจารย์ตั้งใจที่จะทดสอบเขา แม้สิ่งนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็เหลือเชื่อเล็กน้อย
มันจะต้องเกี่ยวข้องกับเส้นชีวิตของสำนักเรา
“ช่างเถิด ข้าจะไปคุยกับฉางโซ่วก่อน”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยืนขึ้นและเดินออกจากวังดุสิต เขามองไปในทิศทางของที่พักของ เทพแห่งท้องทะเลแล้วหันกลับมา มุ่งหน้าไปยังประตูสวรรค์บูรพา เมื่อก้าวไปได้สามถึงห้าก้าว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยืนอยู่เหนือค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของสำนักตู้เซียน
ครั้งนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูไม่ได้ขอให้หลี่ฉางโซ่วออกไปพบเขา แต่เขากลับมีความคิดที่จะ “เห็นสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วทำ” อยู่ในใจ เขาเคลื่อนไหวไปตามใจตนและหายตัวไป วันนี้ ช้าๆได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูซ่อนตัวอยู่นอกจักรวาลและเดินช้าๆ บนช้าๆน้อยขณะเอามือไพล่ไว้ที่ด้านหลัง
ภาพในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยระลอกคลื่นจางๆ มันคือ ปราการเฉียนคุน ซึ่งเป็นโลกแห่งความจริงด้วย
ประการแรก ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พบทุ่งถั่วที่ล้อมรอบไปด้วยค่ายกล เขาค้นพบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ดูแลถั่วงอก
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหัวเราะ และในขณะที่เขากำลังจะปรากฏตัวและถามหลี่ฉางโซ่วว่า เหตุใดเขาถึงไม่ฝึกบำเพ็ญอย่างเหมาะสม เขาก็ตระหนักว่าการเคลื่อนไหวของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นั้นแข็งทื่อมาก ทุกการเคลื่อนไหวที่เขาทำนั้น “เป็นมาตรฐาน” อย่างมาก และดวงตาของเขาก็ไม่เป็นประกาย
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เข้าใจในทันทีว่าความสนใจของหลี่ฉางโซ่วไม่ได้อยู่ที่นั่น จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มองไปที่ห้องเล่นไพ่เดินหมากใกล้ๆ และเห็นสตรีสาวสามคนที่มีขนาดต่างๆ กันกำลังเล่นกระดาษแผ่นหนึ่ง
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อดจะนึกถึงดาวสามดาวและดวงจันทร์ในตำหนักครองคู่และรูปปั้นดินเหนียวของหลี่ฉางโซ่ว…
ในบรรดาสามคนนั้น หนึ่งในนั้นคือหนึ่งในสามดาว
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่สะบัดนิ้วของเขาและออร่าทั้งสามก็บินไปที่ห้องหมากรุก
สงหลิงลี่ เจียงหลินเอ๋อร์และจิ่วจิ่วที่กำลังเล่นศึกสู้มหาเทพ ต่างก็ตัวสั่นขึ้นพร้อมๆ กัน ทันใดนั้น พวกนางก็กลอกตาและทรุดตัวลงบนโต๊ะซึ่งล้อมรอบไปด้วยอักขระเต๋าลึกลับ
พวกนางถูกดึงเข้าสู่ความฝันและเริ่มเข้าใจเต๋าของตัวเอง ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ไม่รีบร้อน เขาหันกลับมาและเดินเล่นสบายๆ
คราวนี้เขาติดตามกลิ่นอายลมปราณของหลี่ฉางโซ่วจนมาถึงกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ และค้นพบรูปจำลองกระดาษหกชิ้นที่หลี่ฉางโซ่วซ่อนเอาไว้ที่นั่น
ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วใส่ใจในความปลอดภัยของท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขามาก… ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มองไปที่หลิงเอ๋อร์ซึ่งกำลังทะยานขึ้นสู่เซียนด้วยดวงตาเป็นประกาย
คราวนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพยายามมากขึ้น เขาดึงอักขระเต๋าไท่ชิงออกมาและพันรอบปราณวิญญาณของหลิงเอ๋อร์ ซึ่งหลังจากที่หลิงเอ๋อร์ทะยานขึ้นสู่เซียน มันจะให้ข้อมูลเชิงลึกแก่นางได้อีกคลื่นหนึ่ง และนางก็จะสามารถสานต่อความเข้าใจและตรัสรู้ต่อไปได้อีก
หลังจากทำเช่นนั้นแล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็มองไปที่ฉีหยวน ซึ่งเป็นเซียนจั๋วและหันหลังเดินจากไป
หากไม่พบ เขาก็จะย้ายไปยังที่ต่อไป
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เดินไปรอบๆ ยอดเขาหยกน้อยและเห็นถังทำนายแมวอมตะที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานแล้ว จากนั้นก็ไปที่ลำธารข้างป่าที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ย่างเนื้อสัตว์
จะเห็นได้ว่าเวลาที่อยู่บนยอดเขานั้นไร้กังวลและสะดวกสบาย
หลังจากเดินไปรอบๆ ยอดเขาหยกน้อยแล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ค่อยๆ เดินไปที่หอโอสถของหลี่ฉางโซ่ว
แน่นอนว่า ค่ายกลหนักที่หลี่ฉางโซ่วสร้างขึ้นมานั้น ไม่อาจจับภาพของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นอกจักรวาลได้
เมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปในหอโอสถและกำลังจะปรากฏตัว เขาก็พลันตระหนักว่า หลี่ฉางโซ่วกำลังหลอมโอสถ…
และยังคงเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
ชายผู้คนนี้ซ่อนร่างหลักของเขาไว้ที่ใด?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มีความสนใจเล็กน้อย เขาค่อยๆ แผ่กระจายสัมผัสเซียนรับรู้สึกที่ทรงพลังแข็งแกร่งออกไป และคราวนี้ เขาก็พบห้องลับในยอดเขาหยกน้อยโดยไม่ได้ใช้ความพยายามมากนัก
แม้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นผู้ตัดสิน เขาก็พบว่าห้องลับนั้นได้รับการออกแบบมาอย่างฉลาดเฉียบแหลมยิ่ง ความจริงแล้ว มันอยู่ในช่องว่างระหว่างค่ายกลหลายสิบค่ายกล มันไม่ง่ายเลยที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น…
แม้จะไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา แต่ก็ไม่มีผู้ใดจะสามารถพบสถานที่นี้ได้อย่างง่ายดาย
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เดินช้าๆ จากพื้นที่ว่างเปล่า จนมาถึงห้องใต้ดินลับในชั่วพริบตา
หลี่ฉางโซ่วกำลังเขียนและวาดรูปอยู่หลังโต๊ะของเขาด้วยท่าทีจริงจัง
เขากำลังเขียนอะไร?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แอบเหลือบมองไปที่กระดาษที่หลี่ฉางโซ่วเขียนไว้ ทุกย่อหน้า ล้วนมีคำว่า ‘อ๋าว’ ขึ้นต้น ดูเหมือนจะเป็นรายชื่อของปรมาจารย์เผ่ามังกร
ขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะหัวเราะเบาๆ และเตือนหลี่ฉางโซ่วว่าเขามาถึงแล้ว ทว่าเมื่อลมปราณของเขามาอยู่ที่ปลายคอของเขาและเปล่งเสียงออกไปแล้ว เขาก็ระงับมันอย่างแรง
เอ๋?
เมื่อครู่นี้ ข้ายังไม่ได้มองให้ดีๆ เหตุใดที่นี่ เจ้าคนนี้ถึงเป็นร่างจำแลง?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
จากนั้นเขาก็แบฝ่ามือซ้ายออกมา แล้วแผนภาพไทจี๋ก็ก่อตัวขึ้นอยู่ภายในนั้น มีระลอกคลื่นบางๆ แผ่ซ่านออกไปนอกจักรวาล และสายลมโชยพัดผ่านยอดเขาหยกน้อย…
………………………………………………………………..
[1] หรือเรียกว่าผ้ากาสาวะ ผ้ากาสวพัสตร์ เป็นผ้าย้อมน้ำฝาด หรือเรียกกันเข้าใจได้ง่ายๆ ตามที่รู้จักกันทั่วไปว่าผ้าเหลือง จีวร