บทที่ 553 นวิยาอีกแล้ว

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ถึงแม้ว่าบนพัสดุจะไม่มีข้อมูลของผู้ส่ง ทว่าพนักงานส่งพัสดุส่งมาถึงที่เธอแล้ว ดังนั้นพนักงานส่งพัสดุต้องรู้แน่นอนว่าใครเป็นผู้ส่ง

ผู้จัดการผลักพนักงานส่งพัสดุ บอกเขารีบตอบ ไม่ได้โกหก

หนักงานส่งพัสดุก็รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่กล้าเสียเวลา รีบตอบกลับว่า “คือผู้หญิงคนหนึ่งครับ”

“ผู้หญิง?” เชอรีนกะพริบตา มองไปทางวารุณี “วารุณี เป็นคนที่เธอคิดหรือเปล่า?”

วารุณีก้มหน้าลง “เพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่สามารถมั่นใจได้”

พูดจบ เธอมองไปทางพนักงานส่งพัสดุ ถามต่อว่า “ผู้หญิงยังไง หน้าตา หุ่น มีจุดไหนที่พิเศษหรือเปล่า?”

พนักงานส่งพัสดุคิดแล้วตอบกลับ “เป็นผู้หญิงที่มาจากฝั่งตะวันออกเหมือนกับคุณนายครับ ผมดำ ตาดำ หน้าตาและหุ่น ผมเห็นไม่ค่อยชัดครับ เธอสวมเสื้อหนา สำหรับจุดที่พิเศษ……เหมือนจะไม่มีจุดที่พิเศษครับ”

“นี่ถือว่าเป็นการตอบอะไรกัน?” เชอรีนขมวดคิ้ว

วารุณีมองลงล่าง

ผมดำตาดำ มาจากฝั่งตะวันออก

ดูเหมือนว่า น่าจะเป็นนวิยาแล้ว

“พัสดุนี้ ทำไมถึงไม่มีข้อมูลของผู้ส่ง” วารุณีกำหมัดแน่นถามอีกครั้ง

พนักงานส่งพัสดุตอบกลับว่า “ผู้หญิงคนนั้นมาหาผมก่อนครับ ตอนนั้นผมอยู่ที่จุดรับส่งพัสดุ แบ่งแยกพัสดุที่จะส่งมาทางนี้ ผู้หญิงคนนั้นมาหาผม นำพัสดุนั้นให้ผม ให้ผมส่งมาด้วยเพราะเป็นทางเดียวกัน เธอบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณนายครับ ในพัสดุนี้ เป็นของขวัญที่ให้คุณ ผมก็ไม่ได้คิดมาก จึงรับไว้ ถึงขั้นไม่ได้เก็บเงินเธอ เพราะว่าเป็นทางเดียวกัน แต่คิดไม่ถึงว่า……”

คิดไม่ถึงว่าในนี้จะเป็นศพแมว

เชอรีนทำเสียงจุ๊จุ๊ไป “ถึงว่าล่ะไม่มีข้อมูลของผู้ส่ง คนคนนั้นฉลาดจริงๆ”

วารุณีพยักหน้า

ต้องยอมรับเลยว่า นวิยาฉลาดมากจริงๆ ส่งไปที่จุดรับส่งพัสดุโดยตรง นำพัสดุให้พนักงานส่งพัสดุ ให้พนักงานส่งพัสดุนำมาด้วยเพราะเป็นทางเดียวกัน

พอเป็นแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนข้อมูลผู้ส่งจริงๆ

“คุณนาย ผมรู้ว่าพัสดุในวันนี้สร้างปัญหาจำนวนมากกับ แต่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ครับ ผม……”

“ฉันรู้ นายนั้นประสงค์ดีแต่กลับเป็นร้าย” วารุณียกมือขึ้นพูดตัดคำพูดของพนักงานส่งพัสดุ “แต่ว่าเป็นเพราะว่าความประสงค์ดีของนาย เกือบจะทำเอาคนตกใจจนเกิดเป็นโรค ดังนั้นฉันสามารถไม่เอาเรื่องนายได้ แต่ว่านายจำเป็นต้องจดจำบทเรียนนี้ไว้”

“ครับครับครับ วางใจเถอะครับ เรื่องนี้ ทางบริษัทส่งของของเราก็จะทำการลงโทษที่เหมาะสมกับเขา หักเงินโบนัสเขาหนึ่งเดือนเป็นยังไงครับ?” ผู้จัดการยิ้มพลางถาม

วารุณีพยักหน้า “ได้”

ไม่ใช่ว่าเธอมีใจอยากจะสร้างปัญหาให้พนักงานส่งพัสดุคนนี้

ทว่าพนักงานส่งพัสดุคนนี้จำเป็นต้องจำไว้เป็นบทเรียน

หากตอนนั้นคนเห็นพัสดุ ไม่ใช่เชอรีน แต่ว่าเป็นเธอเอง ความตกใจที่เธอได้รับ ไม่น้อยไปกว่าเชอรีนแน่นอน

ในท้องของเธอยังท้องลูกอยู่ด้วย ไม่แน่ลูกก็อาจจะตกใจจนเกิดเรื่องได้

ดังนั้นเธอเชื่อว่า ผ่านการสั่งสอนในครั้งนี้ หลังจากนี้พนักงานส่งพัสดุคนนี้ ไม่กล้าหวังดีช่วยคนอื่นส่งพัสดุง่ายๆ อีกแล้ว

งั้นพัสดุของนวิยา ก็จะไม่ถูกส่งมาอีก

สุดท้าย ผู้จัดการก็เหลือของชดใช้ไว้ แล้วพาพนักงานส่งพัสดุจากไป

เชอรีนขยี้แก้มไปมา “พนักงานส่งพัสดุคนนี้ คงจะเกลียดคนที่ไห้ส่งพัสดุตายแน่นอน”

วารุณีไม่ได้ตอบ ก้มหน้าไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ผ่านไปไม่นาน เธอมองดูเชอรีน “เชอรีน รบกวนเธอช่วยออกไปข้างนอกหน่อยได้ไหม?”

“ทำไมเหรอ?” เชอรีนถาม

วารุณีถอนหายใจ “ฉันอยากใส่กล้องวงจรปิดเพิ่มรอบๆ วิลล่า หากเป็นแบบนี้ เกรงว่าพวกนวิยาไม่กล้าปรากฏตัวง่ายๆ แล้ว”

เชอรีนได้ยินแล้ว รู้สึกว่าถูก รีบตอบตกลงทันที “ได้ ฉันไปเดี๋ยวนี้เลย ส่งเรื่องต่อให้ฉันเถอะ”

“ขอบใจมาก” วารุณียิ้มไปทางเธอ

เชอรีนโบกมือ “เรื่องเล็กน้อย อย่าเกรงใจ งั้นฉันออกไปก่อนนะ”

“อื้ม” วารุณีตอบกลับไปคำหนึ่ง

หลังจากที่เชอรีนจากไป เธอไม่ได้นั่งเหม่อในห้องรับแขก ลุกขึ้นแล้วขึ้นตึกไป

เด็กทั้งสองยังปรับเวลาอยู่ หลับสบายมาก ยังไม่ตื่นเลย

วารุณีก็เริ่มง่วงแล้ว หลังจากหาวไปหนึ่งที กลับไปในห้อง ล้มลงก็หลับไปเลย

ไม่ว่ายังไงแล้วเวลานี้ในประเทศก็ดึกมากแล้ว เป็นเวลานอนพอดี

เพื่อที่จะปรับเวลา เธอถึงได้รอมาจนถึงตอนนี้

ทว่าตอนนี้รอไม่ไหวแล้ว และไม่กล้าฝืนนอนดึก ไม่ว่ายังไงแล้วในท้องก็ยังมีลูกอยู่

วารุณีหลับไปครั้งนี้ ก็เป็นเช้าวันที่สองแล้ว

ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมา เชอรีนซื้อกล้องวงจรปิดกลับมา และให้บอดี้การ์ดติดตั้งเรียบร้อยแล้ว

ทั้งวิลล่านี้อยู่ภายใต้กล้องวงจรปิดเกือบหมด รวมถึงระยะทางรอบๆ วิลล่าในช่วงหนึ่งร้อยเมตร ต่างก็มีกล้องวงจรปิดตรวจจับอยู่

พอเป็นแบบนี้ ความปลอดภัยของวิลล่า ก็สูงขึ้นหลายขั้นมากแล้ว

ปกติแล้วในตอนที่วารุณีไปแข่ง เด็กทั้งสองอยู่ที่บ้าน เธอก็สามารถวางใจได้หน่อย

“วารุณี เดี๋ยวจะไปทางนิตยสารไหม?” ในตอนที่ทานอาหารเช้า เชอรีนถาม

วารุณีวางแก้วนมลง “ใช่”

การแข่งขันจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ วันนี้ยังมีเวลาอีกหนึ่งวันในการยุ่งเรื่องของตัวเอง

ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจจะส่งการออกแบบของทางนิตยสารไปให้

“งั้นฉันไปกับเธอละกัน ฉันรับงานถ่ายภาพที่ทางนิตยสารมาอีกหนึ่งงาน” เชอรีนพูด

วารุณีอื้มไปคำหนึ่ง “ได้สิ”

“หม่ามี๊ พวกหนูก็อยากไป” เด็กทั้งสองสบตากัน รีบพูดเอ่ยขึ้น

วารุณียิ้ม “โอเค ขอแค่พวกหนูไม่ดื้อ หม่ามี๊ก็จะมาพวกหนูไป”

พรุ่งนี้จะเริ่มแข่งขันแล้ว วันนี้มีเวลา สามารถอยู่กับเด็กทั้งสองได้ ก็อยู่กับเด็กให้มากๆ ละกัน

“โอเคครับ เย้” เด็กทั้งสองดีใจจนปรบมือ

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ทั้งสี่คนก็ออกจากบ้านไป

ไปถึงทางนิตยสาร เชอรีนไปถ่ายภาพนิตยสารแล้ว วารุณีขอห้องพักกับทางนิตยสารมาห้องหนึ่ง ให้เด็กทั้งสองเล่นข้างใน ตัวเองก็ไปทางหัวหน้ากองบรรณาธิการ ส่งแบบร่างการออกแบบ

ขั้นตอนการส่งแบบร่างการออกแบบผ่านไปได้ดีมาก เพราะว่าการออกแบบของวารุณีดีมาก หัวหน้ากองบรรณาธิการและนักร้องพอใจมาก ถึงขั้นไม่ได้จะให้วารุณีแก้เลย แบบร่างการออกแบบถือว่าผ่านแล้ว

ทว่าวารุณีกลับไม่ได้รีบออกจากที่หัวหน้ากองบรรณาธิการ ถึงแม้ว่าแบบร่างการออกแบบจะผ่านแล้ว ทว่าการผลิตเสื้อตัวจริงหลังจากนี้ ยังต้องคุยกันอีก

ดังนั้น หัวหน้ากองบรรณาธิการยังเรียกคนที่รับผิดชอบด้านการเย็บเสื้อมาเป็นพิเศษ ประชุมพร้อมกันไปกับวารุณี สุดท้ายได้ตกลงวิธีการเย็บ รวมถึงการเลือกเนื้อผ้า จึงจะจบการประชุม ไปหาเด็กทั้งสองที่ห้องพักผ่อน

“หม่ามี๊” เด็กทั้งสองกำลังนั่งทานขนมอยู่บนโซฟา เห็นวารุณีกลับมาแล้ว ก็โบกมืออย่างเป็นเด็กดี

วารุณีปิดประตูแล้วเดินไป “โทษทีนะเด็กๆ ให้พวกหนูรอนานแล้ว”

“ไม่ครับ หม่ามี๊ยุ่ง พวกเราไม่รีบครับ” อารัณส่ายหัวน้อยๆ ของเขาแล้วตอบกลับ

ไอริณพยักหน้าตาม “ใช่ค่ะ หม่ามี๊ยุ่ง”

วารุณีเห็นเด็กทั้งสองเชื่อฟังเป็นเด็กดีขนาดนี้ ในใจรู้สึกซึ้งใจมาก

ในตอนที่เธอกำลังจะเอ่ยปากบอกว่ากลับบ้าน จู่ๆ อารัณก็พูดขึ้นว่า “หม่ามี๊ เมื่อกี้คุณพ่อโทรมาครับ”

“คุณพ่อโทรมา?” วารุณีตกใจเล็กน้อย

อารัณอื้มอื้มตอบกลับ “คุณพ่อบอกว่า โทรศัพท์ของหม่ามี๊โทรไม่ติด ดังนั้นจึงโทรหาผม อยากรู้ว่าหม่ามี๊ไปทำอะไรครับ”

“แบบนี้เหรอ แม่รู้แล้ว หม่ามี๊โทรกลับหาคุณพ่อเดี๋ยวนี้เลย” วารุณีลูบผมของเขา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา

ในโทรศัพท์มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายหลายสายมาก ต่างก็เป็นนัทธีที่โทรมา

เธอกดสุ่มไปสายหนึ่ง แล้วโทรกลับเขาไป

ในไม่ช้าก็มีคนรับสาย เสียงต่ำของนัทธีดังผ่านมา “ยุ่งเสร็จแล้ว?”

“อื้ม เมื่อกี้ฉันประชุมกับพวกหัวหน้ากองบรรณาธิการ ก็เลยปิดเสียงไว้ โทษทีนะที่รัก” วารุณีพูดด้วยความรู้สึกผิด

นัทธียิ้มอ่อน “ฉันเดาออกแล้ว อารัณบอกว่าเธอทำงานอยู่ ฉันก็เดาออกแล้วว่าเธอน่าจะปิดเสียงไว้”

“จริงด้วยที่รัก นายมาหาฉันกะทันหันแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” วารุณีถาม