ตอนที่ 601 ถ่อมตน เรียบง่าย !

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 601 ถ่อมตน เรียบง่าย !

หลินเว่ยเว่ยเกาศีรษะ “สำรวจอะไร ? ตำหนักองค์หญิงยังสร้างไม่เสร็จเลย แล้วจะไปอยู่ที่ใด ? ข้าเป็นถึงองค์หญิงเว่ยเว่ย มาเยือนอาณาเขตใต้ปกครองของตัวเองแต่ต้องไปพักโรงเตี๊ยม มันจะขัดกับฐานะเกินไปหน่อยหรือไม่ ? แต่ถ้าพวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเดินเล่นในเมือง ซื้อของที่จำเป็นหน่อยก็ยังพอไหว ! ”

จากท่าเรือมายังตัวเมืองหนิงโจวใช้เวลานั่งรถม้าเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ผู้อาวุโสบนเรือไม่กี่คนเหนื่อยจะขยับร่างกายไปไหน ท้ายที่สุดเจียงโม่หานสองสามีภรรยาก็พาหลินจื่อเหยียนและเจ้าหนูน้อยมาเช่ารถม้าสองคันและไปเดินเล่นกันที่ตัวเมือง

“นี่ก็คือเมืองหนิงโจวแล้วหรือ ? อย่าว่าแต่หัวเมืองที่อยู่ละแวกนี้เลย แม้แต่เมืองจงโจวของพวกเราก็ยังดีกว่า ดูบ้านเรือนเหล่านี้สิ ส่วนมากทำจากดินทั้งนั้น…ส่วนถนนนี้ก็ฝุ่นตลบ แม้แต่ตอนเดินก็ยังสำลักได้…” ภาคตะวันตกเฉียงเหนือมีพายุทะเลทรายบ่อยครั้ง บนถนน บนหลังคาบ้านจึงมีทรายเกาะเป็นชั้น จนทำให้ทั้งเมืองดูเป็นสีฝุ่นไปหมด ร้านค้าทั้งสองข้างทางก็ดูจะทำการค้าได้ไม่ดีสักเท่าไร…

หลินเว่ยเว่ยถอนหายใจ “ตอนนี้ขอคืนที่ดินศักดินากลับไปจะยังทันหรือไม่ ? ”

“ไม่ทราบว่า…ใช่องค์หญิงเว่ยเว่ยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าไม่ได้ทำตัวให้สะดุดตามากแล้ว แต่ยังมีคนในเมืองหนิงโจวทราบฐานะของนางได้อีก

หลินเว่ยเว่ยหันไปมองคนแปลกหน้าผู้นั้น นางไม่ได้ตอบกลับ แต่ย้อนถามว่า “ท่านคือ…”

ชายชราพูดด้วยความเคารพ “กระหม่อมคือพ่อบ้านแห่งตำหนักหนิงอ๋อง เมื่อครึ่งเดือนก่อนเจ้านายของพวกเราเขียนจดหมายมาบอกว่าองค์หญิงจะมาที่หนิงโจว องค์หญิงยังไม่มีที่พำนักใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ขอทูลเชิญองค์หญิงมาพำนักที่ตำหนักหนิงอ๋อง นายของพวกเราบอกว่าให้ต้อนรับองค์หญิงและคนในครอบครัวอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ! หนิงอ๋องใช้ได้ ! หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเจียงโม่หานเพื่อให้เขาเป็นคนตัดสินใจ…ตอนนางตัดสินใจอะไรไม่ได้ก็จะโยนสิทธิ์ในการตัดสินใจไปให้สามีเสมอ

เจียงโม่หานพยักหน้าให้ หลินเว่ยเว่ยจึงหันกลับมาพูดกับชายชราว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้ท่านช่วยนำทางด้วย”

คนกลุ่มนี้จึงติดตามพ่อบ้านตำหนักหนิงอ๋องมายังใจกลางเมือง ขณะมองสิ่งปลูกสร้างตรงเบื้องหน้าแล้วหลินเว่ยเว่ยก็พูดว่า “นี่คือตำหนักหนิงอ๋องอย่างนั้นหรือ ? ”

หากเป็นที่เมืองหลวง อย่าเพิ่งเทียบกับตำหนักหมินอ๋องเลย แม้แต่จวนของขุนนางขั้นสองแล้วเรือนสี่ประสานแบบสามวงตรงเบื้องหน้าก็ยังสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ…พูดได้แค่ว่าหนิงอ๋องช่างใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายจริง ๆ

หลินเว่ยเว่ยหันไปมองบ้านที่กำลังก่อสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยถามว่า “แล้วบ้านของใครกำลังสร้างอยู่ ? ”

พ่อบ้านมองนางอย่างยากจะเอ่ย “เป็นตำหนักขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“หืม ? ฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่า ! ” หลินเว่ยเว่ยหัวเราะด้วยความเขินอาย ก่อนจะพูดแก้ขัดเขินว่า “ไม่คิดเลยว่าข้ากับหนิงอ๋องและชิงหลีจวิ้นจู่จะได้เป็นเพื่อนบ้านกัน ! ”

ขณะมองบ้านฝั่งตรงข้ามที่กำลังทำงานไม้ใหญ่โตแล้วหันมามองตำหนักหนิงอ๋องที่ทั้งเรียบงานในแบบโบราณ นางก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย…แม้ว่าการสร้างตำหนักองค์หญิงจะไม่ต้องให้นางออกเงิน แต่ก็ไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เนื่องจากในเวลานี้คลังหลวงกำลังขาดดุลขั้นร้ายแรง ! ไฉนเลยนางจะทราบว่าตำหนักองค์หญิงแห่งนี้ฮ่องเต้และหมินอ๋องใช้เงินส่วนพระองค์มาสร้าง ไม่ได้แตะต้องเงินของราชสำนักสักอีแปะเดียว ไม่อย่างนั้นขุนนางอาวุโสในกรมคลังได้มาร้องไห้ต่อฮ่องเต้หยวนชิงทุกวันแน่ !

หลินเว่ยเว่ยนำป้ายหยกส่วนพระองค์ออกมาแล้วเดินไปหาผู้ดูแลฝั่งตรงข้าม เพื่อให้พวกเขาสร้างบ้านออกมาเหมือนตำหนักหนิงอ๋อง ไม่จำเป็นต้องทำออกมาให้อลังการ…นางกลัวว่าอายุขัยจะสั้นลง !

ผู้คุมงานก่อสร้างเป็นลูกน้องเก่าของหมินอ๋อง เนื่องด้วยแขนหักจึงออกจากกองทัพ นับจากนั้นเป็นต้นมาก็ทำงานให้หมินอ๋องมาโดยตลอด หลังได้ยินองค์หญิงตรัสแบบนั้นแล้ว ผู้คุมงานก่อสร้างก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที ‘สมกับที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของหมินอ๋อง รู้จักช่วยบิดาประหยัดเงิน ! เงินส่วนพระองค์ที่หมินอ๋องเก็บไว้ช่างได้มาด้วยความยากลำบาก ! ’

หลินเว่ยเว่ยเชื่อว่าต่อไปนางจะไม่ค่อยได้มาพักที่ตัวเมืองหนิงโจวสักเท่าไร ดังนั้นสร้างให้ใหญ่โตไปก็สิ้นเปลืองเปล่า ๆ การประหยัดมัธยัสถ์เป็นคุณธรรมที่ดีอย่างหนึ่ง ส่วนความฟุ่มเฟือยไม่ใช่ทางที่ควรเดิน !

หลังได้ยินนางออกคำสั่งเช่นนั้นแล้ว พ่อบ้านและองครักษ์ไม่กี่นายที่อยู่หน้าประตูตำหนักหนิงอ๋องก็สบายใจขึ้นมาพอสมควร…ตอนที่อีกฝั่งประกาศว่าจะสร้างตำหนักองค์หญิงให้ออกมาเป็นตำหนักที่ดีที่สุดในเมืองหนิงโจว พวกเขาก็คิดว่าตำหนักหนิงอ๋องเก่าจนแทบไม่เหลืออะไรดีแล้ว นี่ต้องการข่มตำหนักหนิงอ๋องกระมัง

องค์หญิงสามัญชนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ ช่างกล้าไม่เห็นหนิงอ๋องอยู่ในสายตา ! ข้ารับใช้ในตำหนักหนิงอ๋องจึงคิดกันไว้ว่ารอให้องค์หญิงเว่ยเว่ยอะไรนั่นมาถึงเมื่อไร พวกเขาจะเล่นงานนางให้ยับไปเลย !

แต่หลังจากพ่อบ้านได้รับจดหมายจากท่านอ๋องแล้ว ในจดหมายกลับเขียนไว้ว่าองค์หญิงเว่ยเว่ยพระองค์นี้ไม่เพียงคอยดูแลระหว่างที่ครอบครัวท่านอ๋องทั้งสี่เดินทางกลับเมืองหลวง แต่ยังเป็นสหายสนิทกับชิงหลีจวิ้นจู่อีกด้วย นอกจากนี้องค์หญิงเว่ยเว่ยยังทำอาหารที่มีสรรพคุณทางยาและชาสมุนไพรให้เสวย หลังได้รับการรักษาจากอาหารและชาสมุนไพรของนางแล้ว ร่างกายของท่านอ๋องก็ดีขึ้นมาก จนตอนนี้สามารถออกไปทรงม้าและเล่นหม่าฉิว (โปโล) ได้แล้ว…

พ่อบ้านดีใจจนน้ำตาไหล เขาติดตามท่านอ๋องตั้งแต่ยังเด็ก รู้ว่าหนิงอ๋องพระวรกายอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด การสามารถสมรสมีบุตรได้ก็มาจากการเสวยโอสถทั้งนั้น มีท่านหมอชื่อดังคนหนึ่งเคยยื่นคำขาดไว้ว่า ‘หนิงอ๋องจะอยู่ได้ไม่ถึง 30 ชันษา ! ’

ขณะมองหนิงอ๋องอายุใกล้ถึงเลขสามเข้าไปทุกที พ่อบ้านก็ใจแทบแหลกสลายทุกวัน ! โดยเฉพาะตอนที่ท่านอ๋องไม่สนคำคัดค้านของข้ารับใช้แล้วพาพระชายากับท่านหญิงท่านชายทั้งสองไปที่เมืองหลวง พ่อบ้านก็ใจลอยมาโดยตลอด กลัวว่าจะเกิดอะไรกับเจ้านายระหว่างทาง จนกระทั่งท่านอ๋องไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้ว ถึงได้สบายใจขึ้น…คาดไม่ถึงว่าตลอดทางนั้นจะได้องค์หญิงเว่ยเว่ยคอยดูแลจึงไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย !

พอร่างกายท่านอ๋องดีขึ้นแล้วก็สามารถทรงม้า เล่นหม่าฉิวและพาพระชายากับบุตรทั้งสองไปเที่ยวชมทิวทัศน์…พ่อบ้านรู้สึกซาบซึ้งในตัวองค์หญิงเว่ยเว่ยที่ยังไม่เคยพบหน้าพระองค์นี้ยิ่งนัก เขาประกาศข่าวดีนี้ให้แก่ข้ารับใช้ในตำหนักหนิงอ๋องได้ทราบกันหมดทุกคน ท่าทีของข้ารับใช้กลายเป็น…แม้องค์หญิงจะสร้างตำหนักให้ออกมาหรูหราเหมือนวังหลวง พวกเขาก็จะไม่ไปหาเรื่องนางแล้ว !

ในเวลานี้องค์หญิงเว่ยเว่ยมาพำนักอยู่ที่ตำหนักหนิงอ๋องชั่วคราว ข้ารับใช้ทุกคนในตำหนักล้วนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หน้าประตูตำหนักหนิงอ๋องมีองครักษ์แทบทุกนายในตำหนักออกมาต้อนรับ…

หลินเว่ยเว่ยอยู่ที่เมืองหนิงโจวสองวัน หลังกลับขึ้นเรือแล้วนางก็พูดกับเจียงโม่หานว่า “ที่ดินศักดินาของข้าจะยากจนข้นแค้นไปตลอดแบบนี้ไม่ได้ รอก่อนเถิด ข้าจะต้องทำให้เมืองหนิงโจวกลายเป็นฐานการค้าที่เจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตชีวาที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ! ”

เจียงโม่หานลูบศีรษะเด็กน้อย “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้แน่ ! ”

สองวันต่อจากนั้น คนกลุ่มนี้ก็เดินทางมาถึงอำเภอหนิงซี…อำเภอหนิงซีไม่ได้ดีกว่าเมืองหนิงโจวสักเท่าไร แต่บ้านพักของทางการถือว่าไม่เลว เทียบกับตำหนักหนิงอ๋องแล้วไม่มีอะไรต่างกันมาก อดีตนายอำเภอหนิงซีทุ่มเทกับการสร้างบ้านพักไม่น้อยเลย ! หลินจื่อเหยียนบ่นพึมพำ “ไม่รู้ว่าไปขูดเลือดขูดเนื้อราษฎรมาเท่าไร ! ”

ขณะมองนายท่านจอหงวนที่ ‘ขนยังไม่ขึ้น’ ตรงเบื้องหน้าคนนี้ ปลัดอำเภอหนิงซี ผู้ดููแลเอกสารและตราประทับรวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ ก็นึกดูแคลนในใจ เจียงโม่หานออกระเบียบข้อบังคับมาหลายฉบับ พวกเขาก็ทำต่อหน้าเสแสร้งเชื่อฟัง แต่พอลับหลังก็ต่อต้าน ต่อมาเจียงโม่หานจึงหาโอกาสสั่งสอนพวกเขาแรง ๆ หนึ่งยก อีกฝ่ายจึงค่อย ๆ ทำตัวดีขึ้น

อำเภอหนิงซียากจนอย่างแท้จริง ! พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินทราย ภาคตะวันตกเฉียงเหนือฝนตกน้อย พืชผลทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวได้ก็ไม่พอจ่ายภาษีด้วยซ้ำ กอปรกับภัยแล้งที่รุนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดที่ดินรกร้างไปกว่าครึ่ง

นายอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่งเพื่อส่งเสริมให้ราษฎรทำการเกษตร ทำที่ดินรกร้างให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เนื่องจากภาวะภัยแล้งที่รุนแรง ทางราชสำนักจึงยกเว้นภาษีของภาคตะวันตกเฉียงเหนือนานหนึ่งปี พื้นที่รกร้างที่ได้กลับมาฟื้นฟูใหม่จะยกเว้นนานถึง 3 ปี รวมกันแล้วก็ไม่ต้องจ่ายภาษีถึง 4 ปีเลยทีเดียว